‘พิธา’อ้อนให้รอ9ปี พร้อมเป็นนายกฯดีกว่าเดิม/‘พท.’มั่นใจ‘ทักษิณ’ยังขายได้

"แกนนำพรรคส้ม" เดินสายหาเสียงนายก อบจ.อุดรฯ ต่อเนื่อง "ชัยธวัช" ลั่นนโยบายที่ท้องถิ่นในอดีตไม่พร้อมทำ "ปชน." พร้อมทำให้ดู  เชื่อไม่มีทุจริตไม่ต้องหาเงินทอน "พิธา" ถามรอไหวไหมอีก 9 ปี ขอกลับมาเป็นนายกฯ ถ้า ปชช.ยังต้องการ ฟุ้ง ปชน.เปรียบเสมือนผ้าขาวม้า เรียบง่าย ใช้คล่อง สารพัดประโยชน์ แกนนำ พท.โวเลือกตั้งครั้งหน้าเกิน 200 เสียงตามคำคุย "ทักษิณ" เตือนพวกนักร้องเลอะเทอะระวังโดนคดี แจงนายใหญ่ช่วยหาเสียงเพราะผู้สมัครร้องขอ ย้อน ปชน.ก็มีผู้ถูกตัดสิทธิ์ช่วยหาเสียง ซัด “ชัยธวัช-พิธา” ชกใต้เข็มขัด แผ่นเสียงตกร่องท้าแข่งนโยบาย "อุดรโพล” จับตาโค้งสุดท้ายสู้กันเดือด ระวังคืนหมาหอน

เมื่อวันอาทิตย์ พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ให้กับนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เบอร์ 1 ของพรรค ปชน.อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าได้เปิดเวทีที่ อ.เพ็ญ ช่วงเย็นที่ อ.สร้างคอม และช่วงค่ำที่ อ.บ้านดุง มีแกนนำ สส.และผู้ช่วยหาเสียงร่วมปราศรัยให้นายคณิศรอย่างคับคั่ง

สำหรับเวทีในช่วงเช้า แกนนำ สส.และผู้ช่วยหาเสียงพรรค ปชน.ได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยที่เวทีกลางตลาดนัด อ.เพ็ญ ท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยนายชัยธวัช  ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และผู้ช่วยหาเสียงพรรค ปชน. ปราศรัยว่า พรรคประชาชนมีความมั่นใจ เพราะมีประสบการณ์เรียนรู้การเมืองท้องถิ่นมาแล้ว แม้จะยังไม่มีโอกาสได้บริหาร อบจ. แต่ก็มีโอกาสบริหารเทศบาลและ อบต. ได้ริเริ่มนโยบายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาดื่มได้ การแพทย์ทางไกล การบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง แปรรายได้จากขยะเป็นสวัสดิการ และอีกหลายนโยบายที่ทำสำเร็จ

"พรรคประชาชนจึงมีทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานท้องถิ่น มีประสบการณ์ และพร้อมทำงานทันที อะไรที่นักการเมืองท้องถิ่นในอดีตไม่พร้อมทำ เราจะทำ อะไรที่เขาบอกว่าทำไม่ได้ ต้องใช้งบประมาณมาก งบประมาณไม่พอ เราจะทำให้ดู แค่ไม่ทุจริตก็มีเงินเหลือแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินทอน ต้นทุนที่เรามีอย่างเดียวคือความไว้วางใจของประชาชน การเมืองแบบอนาคตใหม่  ก้าวไกล ประชาชน คือการเมืองที่อยู่ได้เพราะประชาชน เราไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น"

นายชัยธวัชกล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาหาเสียงที่อุดรธานี โดยขอว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อย่าทำให้ตัวเองเสียหน้า แต่สำหรับพรรคประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับชาติหรือท้องถิ่น ทุกการเลือกตั้งมีความหมาย เพราะเป็นการใช้เสียงของประชาชนในการตัดสินอนาคตของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์และชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน การเลือกตั้ง 24 พ.ย.นี้ จึงไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อทำให้ใครเสียหน้าหรือไม่เสียหน้า แต่เป็นการเลือกตั้งเพื่อผลประโยชน์ของชาวอุดรธานีทุกคน

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรค ปชน. ขึ้นเวทีต่อจากนายคณิศร โดยที่คอมีพวงมาลัยที่กองเชียร์มอบให้ เป็นพวงมาลัยมะพร้าว 2 ลูก ส้ม 3 ลูก กล่าวทักทายเหมือนเดิมว่า "สบายดีบ่ คิดฮอตหลายๆ ดีใจมากๆ ที่ยังไม่ลืมกัน" วันนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมเยือน ทักทายพี่น้องชาวเพ็ญแห่งนี้ ได้ยินมานานว่าที่ อ.เพ็ญ มีแรงงานฝีมือดีไปทำงานต่างประเทศกันมาก ตนเองหลังจากชนะเลือกตั้งไป โดนเขายุบพรรค โดนเขาตัดสิทธิ์ ก็เดินทางไปต่างประเทศ ไปหาความรู้ ไปคอยดูพี่น้องแรงงานที่ไปทำงานอยู่ในหลายประเทศ

"ไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้ทำให้เสียเวลาเปล่า อยู่เป็น เย็นพอ รอได้ อีก 9 ปี ถ้าพี่น้องยังต้องการ ผมจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่าเดิม ถ้าพี่น้องประชาชนยังต้องการ และยังรอได้ผมจะกลับมา แต่ในขณะนี้ในฐานะอดีต หน.พรรคก้าวไกล เป็นผู้ช่วยผู้หาเสียงของพรรคประชาชน เคยเป็นนักการเมืองอย่างไร ก็ยังคงอยากพัฒนาบ้านเมืองเหมือนเดิม"

เปรียบ ปชน.เสมือนผ้าขาวม้า

นายพิธากล่าวว่า ได้เดินทางไปต่างประเทศหลายแห่ง ได้เจอพี่น้องแรงงานอีสานในทุกที่ที่ไป ต้องจากบ้านจากเมืองทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ อยากกลับบ้าน ต้องเสี่ยงต่อสู้ นี่คือหนึ่งในเรื่องที่คณิศรมีเป้าหมายในการบริหาร อบจ.อุดรธานี ภายใน 4-8 ปี อยากให้อุดรฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสทางเศรษฐกิจ อีกไม่นานแรงงานต่างประเทศที่อยากกลับมาอยู่บ้านที่อุดรฯ ต้องได้กลับบ้าน นายคณิศรจะใช้งบประมาณปีละ 1,200 ล้านบาท เพื่อครอบครัวของชาวอุดรฯ ทุกคน ทำให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแรง การเดินทางดี มีโรงเรียนที่ดี มีระบบสาธารณสุขที่ดี เอาแรงงานชั้นสูงจากอุดรฯ ที่ไปอยู่ต่างประเทศกลับมาพัฒนาอุดรฯ พัฒนาอีสาน และพัฒนาประเทศไทย

นายพิธากล่าวว่า อยากเชิญชวนทุกคนให้ลองถามตัวเองว่า พรรคใด ผู้สมัครคนใดที่พร้อมสู้เพื่อครอบครัวของคนอุดรธานีมากกว่า ใครพร้อมสู้เพื่อโอกาสทางเศรษฐกิจของชาวอุดรฯ มากกว่า ใครเข้าใจปัญหาคนป่วยที่ไม่มีเตียง ไม่มีหมอ และความรุนแรงของโรคร้ายผู้สูงอายุมากกว่า จาก 20 อำเภอ 160 กว่าตำบลในอุดรธานี นายคณิศรไปมาครบแล้ว นี่คือความต่างของผู้สมัคร

"พรรคประชาชนสืบต่ออุดมการณ์มาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล เปรียบเสมือนเป็นผ้าขาวม้า เรียบง่าย ใช้คล่อง สารพัดประโยชน์ มีความหลากหลายสวยงาม สำหรับเราการเมืองคือเรื่องของทุกคน คือเรื่องของความเป็นไปได้ ทำทุกอย่างเต็มที่ จะแพ้หรือชนะก็เป็นแบบนี้เหมือนเดิม คิดแบบนี้มีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีแพ้ เราจะแพ้เมื่อเราหยุดเดิน ตราบใดที่เราไม่หยุดเดิน เราชนะแน่นอน" นายพิธากล่าว

ทางด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำ พท. เปิดเผยถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประเมินว่าเลือกตั้งครั้ง พท.ได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงว่า ท่านพูดในฐานะนักวิชาการและผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง โดยท่านระบุว่าหากรัฐบาลเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้สำเร็จ พท.ก็มีโอกาสได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะสามารถดำเนินนโยบายได้ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหลังจากนี้เราจะดำเนินการครบอย่างแน่นอน หรือแม้แต่มาตรการช่วยเอสเอ็มอี การดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง หากทำสำเร็จก็มีโอกาสได้เกิน 200 เสียงแน่นอน

"เมื่อดูจากกระแสของรัฐบาล ทั้งการลงสมัครรับเลือกตั้งในสนามท้องถิ่นของพรรค ซึ่งเราก็ชนะมาตลอด รวมถึงการเลือกตั้งซ่อมใน จ.พิษณุโลก ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ชนะมาได้ ดังนั้นจะเห็นว่าประชาชนเริ่มเข้าใจในสภาพความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ได้ฟังแต่กระแสซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง" นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณ แสดงให้เห็นว่าประชาชนหลายพื้นที่ยังมีความชื่นชม เชื่อมั่น และศรัทธาในตัวท่าน แต่ท่านเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นตัวแทนของรัฐบาล ดังนั้นพวกนักร้องทั้งหลายต้องร้องอยู่บนข้อเท็จจริง หากไม่มีข้อเท็จจริงการร้องก็ไม่มีผลอะไร ซึ่งนายทักษิณก็เคลื่อนไหวภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีอะไรน่าห่วง

เลือกตั้งคราวหน้า พท.เกิน 200 เสียง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ใช่แค่เพียงแต่ท่านทักษิณที่มองแบบนั้น แม้แต่ตนก็มองว่าเกิน 200 เสียงเช่นกัน เพราะขณะนี้รัฐบาลทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรขยับขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิ 12-13 บาท ยางก้อนถ้วย 30 กว่าบาทต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 16-17 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีราคาขึ้นเท่าตัว ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนรวมถึงผู้ปลูกยางมีความสุขกันถ้วนหน้า ขณะที่โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี รวมถึงการเอาจริงเอาจังกับปราบปรามเรื่องยาเสพติด จากปัจจัยเหล่านี้ถามว่าทำไมเราจะไม่ได้เกิน 200 เสียง

"ส่วนพวกนักร้องทั้งหลายที่เห็นท่านเคลื่อนไหว แล้วพากันชักดิ้นชักงอ จะต้องหาเรื่องร้องท่านตลอดเวลา ถามว่าจะกลัวท่านทำไม การเมืองคือการแข่งกันว่าทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข มีอยู่มีกิน อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมาช่วยกันทำไม่ดีกว่าหรือ บางคนร้องก็เป็นประโยชน์ แต่บางคนร้องเพื่อให้ได้อะไรจากใครหรือทำเพื่อใคร มันไม่เหมาะสมประชาชนดูออก ตอนนี้เห็นหลายคนโดนคดีกันเยอะ ก็ต้องระวัง ดังนั้นอย่าร้องกันเลอะเทอะเลย" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณประเมินว่าเลือกตั้งครั้งหน้า พท.จะได้ สส.ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคการเมืองก็อยากได้เสียงเยอะที่สุด แต่ก็อยู่ที่ประชาชน สิ่งที่นายทักษิณประเมินนั้น ท่านก็บอกแล้วว่าท่านประเมินจากสิ่งที่ท่านอยู่ในวงการเมืองมานาน ซึ่งตัวเลข 200 ก็เป็นสิ่งที่เราเคยทำได้มาแล้ว และน่าจะเป็นตัวเลขที่เราสามารถทำได้จริง

ไม่ว่านายทักษิณจะประเมินหรือไม่ ก็เชื่อว่าพรรคจะทำงานหนัก เพราะทุกพรรคก็อยากได้ สส.มากที่สุด

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่หลังจากนายทักษิณขึ้นเวทีปราศรัยวันนั้น ได้มีการหยิบยกคำพูดของนายทักษิณ ระบุอยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน สุดท้ายก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องในทางการเมือง นายดนุพรกล่าวว่า การที่นายทักษิณไปช่วยผู้สมัครนายก  อบจ.อุดรฯ หาเสียง เป็นเพราะผู้สมัครได้ไปขอร้องส่วนตัวท่านว่าอยากให้ท่านมาช่วย ซึ่งท่านว่างจึงไปช่วย เท่านั้น อีกทั้งท่านไม่ได้กลับไป จ.อุดรฯ เกือบ 20 ปีแล้ว แม้เราจะส่งผู้สมัครในนาม พท. แต่พรรคไม่เคยไปบอกให้ท่านมาช่วยหาเสียงเลย มองว่าก็เป็นเรื่องปกติ

 “พรรคประชาชนเองก็ส่งผู้สมัครลง และมีบางคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองขึ้นเวทีช่วยหาเสียงได้ การที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองหมายความว่าห้ามยุ่งทางการเมืองเลยหรือไม่ แต่เขาสามารถมาช่วยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่อยากมองว่าการที่คุณทักษิณไปขึ้นเวทีจะเป็นประเด็นอะไรใหญ่โตมากมาย เพราะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างคุณทักษิณกับผู้สมัครนายก อบจ.พรรคเราที่ไปเชิญท่านให้มาช่วย”

เมื่อถามถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ปชน. ปราศรัยว่าการที่นายทักษิณปราศรัยว่าแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะต้องการแสดงออกให้กลุ่มบุคคลชั้นนำที่ถือใบอนุญาตอีกใบจึงแพ้ส้มไม่ได้ นายดนุพรกล่าวว่า คนที่ถือใบอนุญาตคือประชาชน ไม่ใช่พรรคประชาชน แต่คือพี่น้องประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งต่างหาก คราวที่แล้วเขาก็เป็นคนอนุญาตให้พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นที่หนึ่ง ก็ไม่เห็นว่ามีใครให้ใบอนุญาตพรรคก้าวไกลมาเป็นที่หนึ่งทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันหมด เพียงแค่วันนั้นมีอุบัติเหตุที่ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงส่งต่อสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลมาให้พรรคเพื่อไทย

โต้ 'ชัยธวัช-พิธา' ชกใต้เข็มขัด

เมื่อถามต่อถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยพาดพิงนายทักษิณ ระบุการรัฐประหารทำให้คนจน แล้วทำไมจึงยังจับมือด้วย นายดนุพรกล่าวว่า เรื่องนี้นายพิธารู้ดีที่สุดว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ในวันที่ชนะเลือกตั้งและไม่ได้เป็นนายกฯ ซึ่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เคยพูดในสภาว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยบางนโยบาย พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะยกมือให้ แต่นายพิธาก็เลือกที่จะไม่ถอย ทำให้เสียงในวันนั้น แม้พรรคเพื่อไทยจะยอมยกมือให้ทั้ง 141 เสียงทั้งสองครั้งแล้ว แต่เสียงก็ไม่ถึง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายทักษิณไปปราศรัยหาเสียงที่ จ.อุดรฯ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนายศราวุธ แต่กลับมีการตั้งข้อสงสัยจากบรรดานักร้องพวกจ้องจับผิด ทั้งเรื่องครอบงำพรรค ครอบงำนายกฯ  ครอบงำรัฐบาล แบบเล่นไม่เลิก มองหาแต่เรื่องจะร้องเรียนไม่จบไม่สิ้น อยากฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า เลิกทำอะไรที่มันไร้สาระซะทีเถอะ

ส่วนกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียงของนายคณิศร ที่ออกมาอัดอดีตนายกฯ ทักษิณนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า อดีตนายกฯ ทักษิณก็แค่เอานโยบายมานำเสนอ จะทำได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องให้ชาวอุดรฯ เป็นคนตัดสิน ท่านเป็นนายกฯ มา 2 สมัย พูดได้ทำจริง เรื่องนี้ประชาชนคงทราบดี การปราศรัยช่วยหาเสียงจะด้วยสีสันหรืออะไรก็ตามแต่ มันก็คงต้องมีกระทบกระทั่งคู่แข่งบ้าง ก็เหมือนนักกีฬา แต่นายชัยธวัชกลับออกมาอัดท่านเรื่องไม่เลี้ยงหลานแล้วเหรอ ลามไปตู้ห่าว โยงไปชั้น 14 ตนว่าคุณชัยธวัชหลังโดนตัดสิทธิ์นี้เปลี่ยนไปมาก ไม่ตอบโต้เรื่องนโยบาย แต่กลับชกใต้เข็มขัด มันไม่แฟร์

"นายกฯ ทักษิณคงไม่ออกมาโต้กลับ แต่ผมอยากให้นายชัยธวัชคิดถึงสโลแกนพรรคเดิมของท่านที่โดนยุบไป ที่บอกว่าจะทำการเมืองใหม่ อยากให้สู้กันด้วยนโยบายจะดีกว่า ส่วนนายพิธา ที่ฟาดทุกดอก ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่นายชัยธวัชทำ เหมือนแผ่นเสียงตกร่องทั้งคู่ ก็อยากฝากให้คิดว่า ถ้าท่านยังมัวมาย้อนอดีต คาดการณ์อนาคต แล้วประชาชนจะจับต้องอะไรได้ สู้กันด้วยนโยบายเถอะ อย่าไปพูดเรื่องเก่าๆ เลย บ้านเมืองกำลังจะเดินไปข้างหน้า ถ้ามัวแต่ถอยหลังก็ลงคลองกันพอดี" นายพร้อมพงศ์กล่าว

ขณะที่ นายชัยธวัช​ ตุลา​ธน​ กล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ว่า น่าจะต้องบอกนายทักษิณ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก รวมถึงทีมงานหาเสียงพรรคเพื่อไทย ถ้าติดตามการหาเสียงของพรรคประชาชน รวมถึงตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียงในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเน้นเรื่องนโยบายเป็นหลัก แต่เนื้อหาที่ปราศรัยพาดพิงพรรคเพื่อไทย หรือคุณทักษิณ ต้องบอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นจากที่คุณทักษิณและทีมหาเสียงของพรรคเพื่อไทยบางคน แทนที่จะเน้นนำเสนอนโยบาย อบจ. กลับมาพาดพิงพรรคประชาชน พรรคก้าวไกล ก็ต้องมีการตอบโต้บ้างเป็นธรรมดา ไม่ได้เป็นเจตนาของเราอยู่แล้ว แน่นอนเราก็อยากเห็นการแข่งขันเชิงนโยบาย

โค้งสุดท้ายสู้กันดุเดือด

ส่วนที่ปราศรัยดุเดือดขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมานั้น นายชัยธวัชระบุว่า การพาดพิงพรรคก้าวไกล พรรคประชาชนในทางที่อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด มันก็เสียหาย จึงจำเป็นที่ต้องชี้แจง แต่หากดูภาพรวม จะเห็นว่าเนื้อหาเกือบทั้งหมดของทุกเวที เราพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ในการทำงานท้องถิ่น ประสบการณ์ ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของผู้สมัคร ซึ่งเป็นภาพรวมของทั้งเวที ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว

วันเดียวกันนี้ จากกรณีที่มีการเผยแพร่ "อุดรโพล" ซึ่งจัดทำโดย ผศ.ดร.เสกสรร สายสีสด หัวหน้าหลักสูตรนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สำรวจความคิดเห็นของชาวอุดรฯ ที่มีต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรฯ   ออกมาว่า นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน มีคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 32.6 นำห่างนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ร้อยละ 15.2

ผศ.ดร.เสกสรรกล่าวว่า ถึงตอนนี้ยอมรับว่าวิเคราะห์ได้ยากว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง แต่ที่เห็นชัดเลยคือ ในตัวเมือง-อำเภอเมืองฯ ฝ่ายผู้สมัครพรรคสีส้มจะได้คะแนนสูง เพราะมีฐานคะแนนอยู่ หากดูจากการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ที่ตอนนั้นพรรคก้าวไกลเอาชนะได้ สส.เขต 1 อำเภอเมืองฯ มา และคะแนนส่วนนี้อาจจะมีผลมาถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีด้วย ในอำเภอ-พื้นที่รอบนอก ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเพื่อไทย ทำให้พื้นที่รอบนอกคะแนนคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อไทย

 “การมาอุดรธานีของทักษิณและนายพิธา มีผลต่อการลงคะแนนเสียงของคนอุดรธานีมาก สร้างกระแสได้อยู่ เพราะแสดงให้เห็นว่าเขาเห็นความสำคัญของคนอุดรฯ หากเพื่อไทยอยากได้คะแนนเยอะๆ ต้องใช้ยุทธวิธีป่าล้อมเมือง คือจากปกติที่คนจะมาใช้สิทธิ์กันประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไทยต้องใช้วิธีป่าล้อมเมือง คือทำให้คนอุดรฯ ออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้นคือไปที่ระดับออกมา 90 เปอร์เซ็นต์ ในเขตรอบนอก เพื่อมาตีกระแสของพรรคส้มในอำเภอเมืองฯ ให้ได้ เพราะในเมืองพรรคสีส้มแข็งพอสมควร ดูได้จากการปราศรัยใหญ่ของพรรคส้มที่เวทีหนองประจักษ์เมื่อคืนวันเสาร์ คนไปฟังกันเยอะมาก สถานการณ์ในพื้นที่อุดรฯ ตอนนี้ดุเดือด เข้มข้น และคงเป็นแบบนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง” ดร.เสกสรรกล่าว

ดร.เสกสรรกล่าวด้วยว่า “คืนหมาหอน ก็น่าจะมี ที่จะทำให้เป็นตัวแปรสำคัญ น่าจะเป็นตัวแปรอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คะแนนโดดหรือว่านำมามากพอสมควร”. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โค้งสุดท้ายศึกนายกอบจ.อุดรฯ เดิมพันสูง พท.VSปชน.แพ้ไม่ได้

นับจากวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.ก็เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ศึกนายกฯ อบจ.อุดรธานี ทำให้ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่จะได้รู้กันแล้วว่า