โพลฉีกหน้ารบ.ยับ ไม่วางใจคุย‘เขมร’

งามหน้า! นิด้าโพลเผยชัดคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่อง MOU 2544 ไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลยในการเจรจาเรื่องพลังงานและปกป้องผลประโยชน์ประเทศ “สมชาย” ตอกย้ำ ชง 3 ข้อเสนอแก้ปัญหา

เมื่อวันอาทิตย์ 17 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชนเรื่อง มีใครเข้าใจประเด็นโต้แย้งเรื่อง MOU 44 และเกาะกูดบ้าง โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง

โดยการสำรวจเมื่อถามความเข้าใจของประชาชนในประเด็นการโต้แย้งเกี่ยวกับ MOU 44  และสถานการณ์ของเกาะกูด พบว่า ตัวอย่าง 58.86% ระบุว่าไม่เข้าใจเลย, 19.31% ไม่ค่อยเข้าใจ, 15.65% ค่อนข้างเข้าใจ และ 6.18% เข้าใจมาก

เมื่อสอบถามผู้ที่ระบุว่ามีความเข้าใจมากและค่อนข้างเข้าใจในประเด็นการโต้แย้งเกี่ยวกับ MOU  44 และสถานการณ์ของเกาะกูด ซึ่งมีจำนวน 288 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความไว้วางใจต่อรัฐบาลว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้หากมีการเจรจา MOU 44 กับรัฐบาลกัมพูชา พบว่า  33.68% ไม่ไว้วางใจเลย, 29.17% ไม่ค่อยไว้วางใจ, 24.65% ค่อนข้างไว้วางใจ และ 12.50% ไว้วางใจมาก สำหรับความต้องการที่จะเข้าใจข้อโต้แย้ง MOU 44 และสถานการณ์ของเกาะกูดให้ชัดเจนมากขึ้น พบว่า 41.22% ไม่ต้องการเลย,  26.72% ต้องการมาก, 16.64% ค่อนข้างต้องการ และ 15.42% ไม่ค่อยต้องการ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการมีแนวคิดความเป็นชาตินิยมของประชาชน พบว่า 40.15% มีความเป็นชาตินิยมมาก, 28.24% ความเป็นชาตินิยมขึ้นอยู่กับสถานการณ์, 15.04% ค่อนข้างมีความเป็นชาตินิยม, 7.33% ไม่มีความเป็นชาตินิยมเลย, 6.26% ไม่ค่อยมีความเป็นชาตินิยม และ 2.98% ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ทำไมการดื้อเจรจาตาม MOU 2544 แบ่งผลประโยชน์กัน ถ้าไม่ปักปันเขตแดนทางทะเลไทย-กัมพูชาให้ถูกต้องยุติก่อน จะทำให้ไทยเสียดินแดนรอบเกาะกูดและในอ่าวไทยอย่างแน่นอน โดยระบุว่า ขออ้างหลักฐานและข้อมูลที่ตรวจค้นปรากฏ ดังนี้ 1.แผนที่สัมปทาน พ.ศ.2510 ท้ายประกาศกระทรวงการพัฒนาการแห่งชาติ เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่ในการออกอาชญาบัตรผูกขาดสัมปทานปิโตรเลียมและการออกประทานบัตรทำเหมืองปิโตรเลียม ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 30 ม.ค.2510 ทำให้กลุ่มทุนพลังงานที่มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลลอน นอล กำกับสั่งการให้ขีดเส้นแดนรุกล้ำเข้ามาในกลางอ่าวไทย เพื่อมีส่วนแบ่งหรือยึดแหล่งพลังงาน เพื่อเก็บไว้ใช้อ้างสิทธิ์ ฯลฯ

2.รัฐบาลลอน นอล ภายใต้กำกับของมหาอำนาจตะวันตกและกลุ่มทุนพลังงาน สั่งการให้ประกาศเส้นเขตแดนทางทะเลโดยไม่ได้ยึดหลักการตามกฎหมายทางทะเล ในราชกิจจากัมพูชา 1972 ประกาศรุกเกาะกูดรุกล้ำน่านน้ำไทยชัดเจน โดยอ้างว่าทำตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ที่ไทยยอมเสียดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ แลกจันทบุรี ตราดและเกาะกูดคืนจากฝรั่งเศส โดยกัมพูชาบิดเบือนตีเส้นเขตแดนทางทะเล พ.ศ.2515 แอบอ้างสนธิสัญญา ค.ศ.1907 ว่าตีเส้นจากทางบกโดยใช้ยอดเขาสูงสุดบนเกาะกูดเป็นจุดเล็งผ่ากลางเกาะกูดเล็งไปทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เกือบครึ่งอ่าวไทย ทั้งที่ข้อเท็จจริงในสนธิสัญญา ค.ศ.1907 เป็นเรื่องตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงคือ เอกสารสนธิสัญญาระบุชัดว่า จุดสูงสุดบนเกาะกูดใช้เพื่อเล็งจากเกาะเข้าชายฝั่งทางทิศตะวันออก กำหนดว่าเส้นที่ลากไปโดนชายฝั่ง ใช้ชี้จุดแบ่งไทย-กัมพูชาเท่านั้น เพราะสมัย ร.5  ยังไม่มีกฎหมายพื้นที่ทะเล จึงเป็นไปไม่ได้ตามที่กัมพูชาอ้างสนธิสัญญาแล้วเล็งออกไปทะเล เส้นเขตแดนกัมพูชา พ.ศ.2515 จึงเป็นการอ้างโดยแกล้งเข้าใจผิด เพื่อตีเส้นไปยังแปลงสัมปทานปิโตรเลียมที่กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติของไทยกำหนดเขตอนุญาตให้สำรวจและจะออกประทานบัตรปิโตรเลียม เพื่อสร้างเหตุให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ต้องมาเจรจากันใช่หรือไม่

3.ทุกรัฐบาลไทยปฏิเสธไม่ยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลที่กัมพูชาลากขึ้นโดยไม่มีกฎหมายทะเลใดๆ หรือสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาใดๆ รองรับ ที่สำคัญคือ ในวันที่ 18 พ.ค.2516 ได้มีการประกาศพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศเขตแดนทางทะเลของไทย โดยยึดหลักสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส 1907 และอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ลงวันที่ 29 เม.ย.1958 หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป 1958 โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 แบ่งพื้นที่เท่ากันระหว่างเกาะกูด (ไทย) และเกาะกง (กัมพูชา) แล้วลากตรงไปถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเล แล้วลากเส้นเขตแดนทางทะเลไปยังทิศใต้ตามแนวเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลจนถึงเขตทะเลมาเลเซีย ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่ถูกต้องและยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

4.กองทัพไทยโดยเฉพาะกองทัพเรือได้ยึดถือเส้นเขตแดนทางทะเลตามพระบรมราชโองการวันที่ 18 พ.ค.2516 นี้มาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง ทุกรัฐบาลได้นำพระบรมราชโองการเขตแดนทางทะเลของไทยด้านอ่าวไทยประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 1 มิ.ย.2516 จากวันที่ 18 พ.ค.2516 ถึงเดือน ม.ค.2544 เป็นเวลา 28 ปีเศษที่ทะเลไทยไม่เคยทับซ้อนกับทะเลกัมพูชา ผ่านนายกรัฐมนตรีถึง 13 คน จากจอมพลถนอม กิตติขจร จนถึงนายชวน หลีกภัย

5.รัฐบาลทักษิณ ชนะการเลือกตั้งปี 2544 ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ในวันที่ 9 ก.พ.2544 ต่อมาอีกเพียง 4 เดือนกับ 9 วัน ได้ลงนาม MOU 44 ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกับกัมพูชา ยอมรับว่าทะเลไทยกับทะเลกัมพูชาทับซ้อนกันเป็นพื้นที่มากกว่า 26,000 ตารางกิโลเมตร ตามเอกสารประกอบใน MOU 2544 ทำให้ประชาชนชาวไทยวิตกกังวลว่าเรื่องนี้จะซ้ำรอยเสียดินแดนเช่นเดียวกับคดีเขาพระวิหาร MOU 2544 จึงอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของวิกฤตการเมืองไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

6.แม้ MOU 2544 กระทรวงการต่างประเทศจะผูกเรื่องการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์แหล่งพลังงานต้องทำควบคู่กับการเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเลที่ต้องตกลงกันได้อย่างถูกต้องและยอมรับกันได้ก็จริง แต่จากความไม่ไว้วางใจที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจนว่า การตีเส้นเขตแดนกัมพูชา 2515 รุกมาในอ่าวไทย หลังไทยตีเส้นแบ่งตามแผนที่แปลงสัมปทานสำรวจและขุดเหมืองปิโตรเลียม 2510 ที่ประกาศ ม.ค.2511 คือสาเหตุที่ทุนพลังงานข้ามชาติ ต้องการเข้ามาฮุบแหล่งปิโตรเลียมของไทยผ่านอิทธิพลทางทหารและการเมืองในกัมพูชาขณะนั้น และการที่ปรากฏท่าทีชัดเจนจากนักการเมืองไทยบางกลุ่มที่มีความสัมพันธ์และประโยชน์ทับซ้อน คิดเอาผลประโยชน์ชาติไปแบ่งปันกัน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ไทยจะไม่เสียดินแดนทางทะเลอย่างแน่นอน ในการเจรจาที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปตาม MOU 2544 มีข้อเสนอเพื่อพิจารณา ดังนี้

1.ต้องเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 อนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง 1958 และ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 ให้ได้ข้อยุติเสียก่อน 2.ควรแก้ไขปรับปรุง MOU 2544 ให้ชัดเจน หรือยกเลิก MOU 2544 ก่อน เพื่อเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเลให้ยุติก่อน จึงเริ่มการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ตามเส้นเขตแดนที่ถูกต้อง โดยจะมี MOU ใหม่ หรือที่ปรับปรุงแก้ไขก็ได้ และ 3.รัฐบาลต้องนำเรื่อง MOU 2544 เดิม และกรอบการเจรจาของคณะกรรมการ JTC ที่ตั้งขึ้นใหม่เสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภา เพื่อขอความเห็นชอบหรือไม่ หรือกำหนดกรอบก่อนการเจรจาเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กดดันรางวัลเยอะ ‘แพทองธาร’ ดีใจนึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียลมา 3 เดือน!

"อิ๊งค์" กดดันหนัก! บริหารประเทศ 3 เดือนได้รางวัลเพียบ ดีใจโพลสำรวจ ปชช.ให้เบอร์ 1 “นักการเมืองแห่งปี” นึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียล "หมอวรงค์" เฉ่งยับ!