‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก

นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ” พร้อมสนับสนุนเต็มที่ ด้านผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ VOF แวะฝากข้อความให้กำลังใจนายกฯ เชียร์ลั่นเพราะทำงานหนัก

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น.  (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 12  ชม.) ณ the Grand National Theater of Peru กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ได้รับเกียรติจากที่ประชุมในการขึ้นกล่าวบนเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (the APEC CEO Summit) โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ขอบคุณที่ประเทศไทยได้รับเกียรติในครั้งนี้ ทั้งนี้เชื่อว่าสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกๆ ท่านเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ โดยปัจจุบันพบว่า ความสูงวัย สุขภาพ และนวัตกรรมนั้นเกี่ยวกันโดยตรง ที่จะส่งผลกับโอกาสทางเศรษฐกิจในทุกด้านที่ทุกประเทศต้องเผชิญร่วมกัน  ทั้งนี้ ประเทศไทยเชื่อว่าหากประชาชนมีสุขภาพที่ดี  ก็จะเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของมนุษย์  และจะเป็นความมั่งคั่งที่แท้จริงทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ผ่านมาประเทศไทยภูมิใจที่สามารถบรรลุเป้าหมายในนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” (Universal Health Coverage (UHC) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ทำให้การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของคนไทยมีราคาไม่แพง แต่มากด้วยคุณภาพในการรักษาและเกิดความเท่าเทียมกันในสังคมสุขภาพของคนไทยทุกคน

“กว่า 22 ปีของโครงการนี้ ปัจจุบันสามารถยืนยันได้ว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศมีระบบประกันสุขภาพของรัฐ ที่ทำให้ครอบครัวและผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงระบบสุขภาพที่ดีได้ และรัฐบาลไทยในปัจจุบันเชื่อมั่นว่าระบบสาธารณสุขถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอีกด้วย และที่ผ่านมา ประเทศไทยและเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร (demographic shift) ที่ประชากรมากกว่า 20% มีอายุมากกว่า 60 ปี และไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสูง (Super Aged Society) ภายในทศวรรษหน้า ซึ่งจะทำให้กำลังในการพัฒนาประเทศลดน้อยลง รัฐบาลไทยจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีถ้วนหน้า หรือ UHC เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนให้สอดรับกับโลกปัจจุบัน" นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า "ในเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปรับปรุงนโยบายเมื่อ 22 ปีที่แล้วมาเป็นนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ระบบสาธารณสุขทั้งหมดมีความพร้อมที่จะดูแลรักษาประชาชนคนไทย โดยรัฐบาลได้ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยในการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การนัดแพทย์ การส่งต่อ การวินิจฉัยโรค การสั่งยา การบริการสุขภาพ และเข้าถึงผู้คนทุกวัย โดยรัฐบาลยังกำหนดค่าใช้จ่ายไว้เพียงแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เหมือนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้สึกที่ดี มีศักดิ์ศรี ที่เป็นผู้จ่ายค่าบริการ ไม่ใช่มาขอรับการรักษาฟรีจากรัฐ   ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ของไทยทุกคน สำหรับการบริการและความทุ่มเท โดยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ช่วยให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยประชาชนสามารถตรวจสุขภาพหรือปรึกษาแพทย์จากที่ใดๆ ในประเทศไทยได้ โดยปัจจุบันรัฐบาลได้เชื่อมโยง ข้อมูลสุขภาพ (Health Link) กับฐานข้อมูลของโรงพยาบาลมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้บริการดูแลสุขภาพอย่างไร้รอยต่อในทุกสถานพยาบาลของไทย

“ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เรามีแอปพลิเคชันสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ (Blue Book Application) ที่ให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพกับผู้สูงอายุ และมีนโยบายสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถติดตามสุขภาพและความเป็นอยู่อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งสุขภาพที่ดีของประเทศไทย" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เมื่อ 21 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก 2003 ขณะนั้นในภูมิภาคเผชิญกับปัญหาโรคซาร์ส ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของโลก  รัฐบาลไทยในขณะนั้นตั้งคณะทำงานด้านสุขภาพ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว และได้เปลี่ยนมาเป็นคณะทำงานด้านสุขภาพ ภายใต้กระบวนการทำงานของเอเปกในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันมีภารกิจครอบคลุมประเด็นต่างๆ มากขึ้น

รวมถึงการสร้างระบบสุขภาพที่มีความพร้อมอย่างรอบด้าน และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (2022) ไทยเป็นเจ้าภาพจัด APEC Health Week Policy Dialogue ที่กรุงเทพฯ และทำงานกับภาคเอกชนเพื่อเปิดตัวโครงการ APEC Smart Family ซึ่งเป็นการทำงานด้านนโยบาย ในรูปแบบการเพิ่มปริมาณประชากร เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัวทางประชากรในเขตเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเอเปกสนับสนุนคนในทุกช่วงวัยเพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี มีความสุข และมีเป้าหมาย เนื่องจากผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เอเปกจึงมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุในระบบเศรษฐกิจ เช่น จะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับผู้สูงวัย

ทั้งนี้ เอเปกมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในบางประเทศที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้เพียงลำพังได้ เอเปกจึงจำเป็นที่ต้องใช้แนวทางความร่วมมือในทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุข ที่สนับสนุนให้ประชากรสูงวัยมีชีวิตที่ดีและยืนยาวขึ้น และขอสนับสนุนให้สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปก (ABAC) หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายในการส่งเสริมการจ้างงานสำหรับแรงงานสูงอายุ ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมทักษะใหม่และยกระดับทักษะอีกด้วย”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความรู้ที่มีเกี่ยวกับสุขภาพ วิทยาศาสตร์อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ เป็นเครื่องมือสำคัญในการชี้แนะให้ดูแลสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายได้ดีขึ้น สามารถลดโอกาสการเกิดโรคร้ายแรงได้ และจากแนวคิดนี้ จึงเกิด ธุรกิจ “เวลเนส ”(the Care and Wellness Economy) ซึ่งผสมผสานสุขภาพ การท่องเที่ยว และนวัตกรรม ซึ่งประเทศไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่ง สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง มีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง และต้นทุนที่ไม่สูงนัก ทำให้ประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้นโยบายกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย ให้มีมาตรการทางภาษีและมาตรการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ บริการด้านสาธารณสุข และการวิจัยทางคลินิก ให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ ไทยมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมกับเขตเศรษฐกิจเอเปกและสภาธุรกิจเอเปกมากขึ้น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาคและพื้นที่อื่นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการกล่าวเสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ปรบมือต่อเนื่องแสดงความชื่นชมในตัวผู้นำของประเทศไทย ที่เป็นสุภาพสตรีเพียง 1 ใน 2 ท่านของผู้นำประเทศเอเปก ที่กล่าวบนเวทีได้อย่างน่าสนใจ

นอกจากนี้ ระหว่างการเข้าร่วมประชุมผู้นำภาคธุรกิจเอเปก นายกฯ ยังได้พูดคุยและร่วมถ่ายภาพกับผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ APEC Voices of the Future (VoF)

โอกาสนี้ ผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ VOF ได้ฝากข้อความให้กำลังใจถึงนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า “อยากจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯ จริงๆ เพราะเราทราบว่างานทุกอย่างหนักมาก และพวกเราก็เหมือนเป็นตัวแทนของเยาวชนไทย ที่ได้เห็นกระบวนการหลายๆอย่าง".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"

นายกฯแพทองธาร สวมชุดผ้าไหมไทย ร่วมงานเลี้ยงผู้นำเอเปก

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สวมชุดผ้าไหมไทย ซึ่งเป็นผ้าไหมผสมผสานผ้าปักชาวเขา เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติ

นายกฯอิ๊งค์ โชว์ 30 บาทรักษาทุกโรค บนเวทีสุดยอดผู้นำภาคเอกชนเอเปก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 12 ชม.) ณ the Grand National Theater of Peru กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมน

'แพทองธาร' หารือทวิภาคี 'สี จิ้นผิง' จีนยันสนับสนุนไทยในเวทีระดับโลกทุกมิติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โรงแรม Delfines Hotel

นายกฯแพทองธาร เซ็นแต่งตั้ง 'กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี' จำนวน 15 ราย

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้ง "กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี" จำนวน 15 ราย ลงนามโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี