ซานต้าอิ๊งค์มาแล้ว เตรียมดันค่าแรง 400 บาทเป็นของขวัญปีใหม่ แรงงานจ่อชงชื่อบอร์ดไตรภาคีใหม่ 2 รายเร่งงาน “เผ่าภูมิ” ปูดคนอายุ 50 ปีขึ้นไปมีลุ้นได้เงินหมื่นรอบใหม่ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมร่อนจดหมายถึงพรรคร่วมรัฐบาล ล้มมติตั้ง “โต้ง” นั่งประธานแบงก์ชาติ ผวา 7 เดือนข้างหน้าชี้นิ้วเลือกผู้ว่าฯ ธปท.
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2567 แหล่งข่าวจากรัฐบาลเปิดเผยถึงนโยบายการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ว่ากระทรวงแรงงานพร้อมผลักดันให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เพื่อเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากขณะนี้ขั้นตอนการดำเนินงานชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดไตรภาคีชุดใหม่ โดยบอร์ดชุดใหม่กระทรวงแรงงงานได้ข้อสรุปว่า จะเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการฝ่ายรัฐ 2 คนที่ว่างอยู่ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ โดยในส่วนของกรรมการที่เป็นอดีตผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น กระทรวงแรงงานจะแก้ปัญหาด้วยการส่งกรรมการฝ่ายรัฐ เป็นผู้แทนจากกระทรวงการคลังไปแทน
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากที่ประชุม ครม.เห็นชอบรายชื่อคณะกรรมการทั้ง 2 คนที่กระทรวงแรงงานเสนอแล้ว ในขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการค่าจ้างจะเริ่มต้นนัดประชุมกันนัดแรก อย่างเร็วที่สุดคือในเดือน ธ.ค.นี้ และจะเร่งสรุปรายละเอียดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดที่เสนอมา โดยตั้งเป้าหมายการปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง หรือค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ภายในวันขึ้นปีใหม่ 2568 เป็นต้นไป
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า โควตาบอร์ดไตรภาคี สัดส่วนกระทรวงการคลังนั้น จะส่งรองปลัดกระทรวงการคลังคือ นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ส่วนอีกหนึ่งคนกระทรวงแรงงานแจ้งจะส่งว่าที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) คนใหม่ ไปเป็นกรรมการฝ่ายรัฐ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทว่า ต้องรอให้กระทรวงแรงงานและรัฐบาลหารือกัน จุดมุ่งหมายของรัฐบาลชัดเจนว่าจะทำให้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ส่วนจะทันเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับประชาชนนั้น ต้องถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะผู้ดำเนินการ
ขณะเดียวกัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในวันที่ 19 พ.ย.นี้พิจารณา ซึ่งเป็นทั้งมาตรการในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และมาตรการของขวัญปีใหม่ที่จะมีออกมาแน่นอน รวมถึงจะมีความคืบหน้าของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วย
นายเผ่าภูมิยังกล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่าจะมีการแจกเงินให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องมาหารือในรายละเอียดอีกครั้ง โดยมองว่ากลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสม เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเดือดร้อนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ จากความสามารถในการหารายได้ที่ต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ รวมทั้งยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแจกเป็นเงินสด 10,000 บาทก้อนเดียว
“จริงๆ ตอนนี้เรามีตัวเลขหมดแล้วว่าคนอายุ 60 ปีที่เข้าข่ายได้รับเงินมีเท่าไหร่ ซึ่งยอมรับว่ามีจำนวนไม่เยอะ แต่ยังเปิดเผยตัวเลขไม่ได้ เพราะยังต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตัวไม่อยากพูดรายละเอียดก่อน เพราะสุดท้ายข้อสรุปอาจจะออกมาว่าแจกคนอายุ 50 ปีขึ้นไปก็ได้ ส่วนผู้สูงอายุที่จะได้รับเงินในส่วนนี้ก่อน ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐเท่านั้น และคนที่ได้รับเงินไปแล้วในเฟสแรกซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางก็หมดสิทธิ์ ส่วนจะจ่ายได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ หรือเป็นต้นปีหน้า ต้องรอดูความเหมาะ แต่ยืนยันว่าทุกคนที่ลงทะเบียนควรจะได้รับเงินทุกคน” นายเผ่าภูมิกล่าว
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลจะดำเนินการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้ในเดือน มี.ค.2568 นั้น นายเผ่าภูมิระบุว่า ถือเป็นความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง โดยต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ส่วนของผลจากการแจกเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านรายนั้น พบว่าผลออกมาค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายสูง โดยตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.3-4.4% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มาจากการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลด้วย
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการจ่ายเงิน 10,000 บาทให้เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุก่อนเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลมีเงินไม่พอ รมช.การคลังยืนยันว่า ไม่จริง รัฐบาลมีเงินเพียงพอ โดยมีวงเงิน 1.8 แสนล้านบาทอยู่ในกระเป๋า ซึ่งเพียงพอรองรับการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอยู่แล้ว
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ซึ่งภายหลังจัดทำระบบเสร็จสิ้นก็ต้องทดลอง และใช้ระยะเวลาพอสมควรในการทดสอบระบบ เพื่อตรวจดูสอบดูว่ามีความเสถียรหรือไม่
เมื่อถามว่า ระบบจะเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม 2568 เหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกหรือไม่ นายประเสริฐยอมรับว่า ช่วงเดือน มี.ค.เป็นช่วงที่มีความตั้งใจไว้ เพราะเดิมตั้งใจไว้ว่าเงินที่จะใช้ จะให้อยู่ภายในปีงบประมาณ ซึ่งเดือน มี.ค.ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม
วันเดียวกัน กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ก่อนหน้านี้ ซึ่งประกอบด้วย 4 อดีตผู้ว่าการ ธปท. และอดีตพนักงาน ธปท. นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ ที่ร่วมลงชื่อกว่า 800 คน ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ถึงพรรคการเมืองและรัฐมนตรีของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เรื่องการคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท. คุณสมบัติอาจขัดกฎหมาย ได้คนไม่เหมาะสม คณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบไม่ให้ผ่านเป็นมติ ครม.
โดยเนื้อหาสำคัญระบุว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นประธาน ธปท. เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในพรรคเพื่อไทย (พท.) เคยดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค พท. เคยเป็นประธานที่ปรึกษาของอดีตนายกฯ แม้จะอ้างว่าไม่ใช่เป็นตำแหน่งข้าราชการการเมือง แต่ก็เป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งน่าจะขัดกับคุณสมบัติตามกฎหมาย ที่ระบุจะต้องพ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งเป็นเจตนาจะป้องกันมิให้ ธปท.ถูกแทรกแซงครอบงำจากกลุ่มการเมือง อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงวิสัยทัศน์และพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองในอดีต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.การคลัง ได้แสดงออกว่าเป็นผู้ที่ชอบกดดันแสดงอำนาจอยากจะปลดผู้ว่าการ ธปท.หลายต่อหลายครั้ง สะท้อนเจตคติว่าไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระของ ธปท.
“ที่สำคัญในอีก 7 เดือนข้างหน้าจะมีการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนต่อไป ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ และต้องเป็นอิสระอย่างยิ่ง การทำการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.ด้วย ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นรัฐมนตรีในนามของพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล ถือเป็นตัวแทนของประชาชนในการเข้าบริหารราชการแผ่นดิน และต้องร่วมรับผิดชอบในมติของ ครม.ครั้งนี้”
กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ขอเรียกร้องให้ท่านพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันที่สำคัญของประเทศคือ ธปท. ให้ดำเนินงานได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซงครอบงำจากกลุ่มการเมือง การตัดสินใจของท่านในครั้งนี้ ที่จะไม่เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการคัดเลือก จะมีความสำคัญต่อการรักษาสถาบันที่สำคัญของประเทศ และรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว จึงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สามารถช่วยไถ่ความผิดพลาดในการตัดสินใจของพรรคการเมือง ที่ร่วมสนับสนุนให้ประเทศของเรามีผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหารที่อ่อนด้อยความรู้ความสามารถในเกือบทุกด้าน นายกฯ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงที่จะนำชื่อที่ไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ขึ้นทูลเกล้าฯ ให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"