‘สคบ.’สอบอืด คลิปเทวดายื้อ จ่อขยายเวลา!

คกก.สอบคลิปเสียงเทวดา สคบ.จ่อขอขยายเวลาเพิ่ม รอง ผบช.ก.เตรียมบุกเรือนจำ แจ้งข้อหาเพิ่ม "ทนายตั้ม" วางแผนกุเรื่องคริปโตฯ เผยสอบพี่เมียคืบหน้ากว่า 70-80% “กฤษอนงค์” โพสต์ขอโทษ “จิราพร-พ่อ” ปมคลิปเสียงแอบอ้าง 

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ว่า ขณะนี้ใกล้หมดเวลาที่กำหนดไว้แล้ว ตนได้ติดตามและให้คณะกรรมการฯ ส่งข้อสรุปที่ได้มาโดยเร็ว เบื้องต้นทราบว่ามีพยานที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต้องสืบสวนสอบสวนอีกจำนวนหนึ่ง  ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงกําชับว่าต้องทำให้รวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ทั้งนี้ มีการเปรยว่าอาจจะขอขยายเวลาของคณะกรรมการฯ ชุดนี้ แต่ยังไม่มีการเสนอมาที่ตน

ส่วนที่มีกระแสออกมาว่าบิดาของ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับคดีบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จํากัดด้วย  ทําให้มีคนระแวงว่าจะมีการแทรกแซงการสอบสวนนั้น นายประเสริฐระบุว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพราะตนยังไม่ทราบ เป็นเพียงการพูดเฉยๆ และไม่เห็นว่าจะมีใครเข้ามาแทรกแซงคดีนี้ได้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียกหรือหมายจับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม และ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกง กรณีหลอกลวงเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า การออกหมายเรียกหรือหมายจับจากนี้ ขอให้เป็นเรื่องที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดำเนินการ ส่วนรายละเอียดคดีต่างๆ ตนยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรต่อสาธารณชน เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินการของพนักงานสอบสวน

ผบ.ตร.กล่าวว่า ในฐานะข้าราชการตำรวจ ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง  สิ่งใดที่เป็นการกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีไปตามนั้น ส่วนสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำอยู่ขณะนี้คือการใช้กฎหมายนำหน้า แสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในการกระทำความผิด  ได้ย้ำให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้กฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอเวลาให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการ และหากยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เขาก็คือคนหนึ่งที่เป็นประชาชน มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่ตำรวจจะทำต้องมีการสอบสวนหนักแน่นในเรื่องพยานหลักฐานเสียก่อนถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.  กล่าวว่า จากการประชุมชุดสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นพยานหลักฐานค่อนข้างครบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ได้ร่วมประชุมชุดสอบสวนชุดใหญ่อีกรอบ เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ต้องสอบเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังไปพบกับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล  หรือ บอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  เพื่อให้เซ็นคำสอบเพิ่มเติม และตัดบางประเด็นที่เป็นข้อสงสัย คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงบ่ายวันที่ 15 พ.ย.

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนในคดีตบทรัพย์ดิไอคอนกรุ๊ป ยืนยันว่าครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงการสอบสวนนิดหน่อย ซึ่งบอสพอลจะต้องเป็นผู้ยืนยันว่าจะเข้าข่ายทุจริตหรือเป็นการกรรโชกทรัพย์ ขอให้รอก่อน  เพราะอยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนเข้าไปในเรือนจำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนักร้องเรียนสาวรู้ตัวก่อนแล้ว จะเข้ามาแสดงตัวก่อนได้หรือไม่  พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า เรายังไม่ได้เรียกเขา  ซึ่งเรามองว่าเขาก็อาจจะไปทำลายพยานหลักฐานบางอย่าง ส่วนความกังวลว่าจะหลบหนีนั้น  จากหลายๆ เหตุการณ์ ต่างกรรมต่างวาระเข้ามาหลายเรื่อง แต่ยอมรับว่ากังวลว่าเขาจะมีเหตุผลที่ทำให้หลบหนี ส่วนเขาจะท้าทายอะไรก็เป็นเรื่องของผู้ถูกกล่าวหา เราต้องให้เกียรติเขาด้วย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ส่วนคดีของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย ที่เข้ามาให้ปากคำกับทางตำรวจเมื่อวันที่ 14 พ.ย. เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ เรื่องนี้เป็นเรื่องหมิ่นประมาทฯ ส่วนทนายของบอสพอล จะแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง โดยภายหลังจากพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำนายภูดิทไปแล้ว เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากขาดอะไรก็สามารถเรียกมาได้ตลอด

ส่วนคลิปเสียงที่มีการแอบอ้าง น.ส.จิราพร  รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สคบ. พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐมนตรี แต่เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ที่จะเอามาพูดคุยกันในที่ประชุม โดยเฉพาะการเข้าไปสอบบรรดาบอสดิไอคอนกรุ๊ปในเรือนจำ

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติม และจะพยายามเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นบุคคลที่มีประเด็นตามสื่อหรือโซเชียลต่างๆ ก็จะเรียกมาสอบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันยังไม่มีกำหนดการเรียกบุคคลใดมาสอบปากคำเพิ่ม และยังไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม

รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า ส่วนปมเงิน 39  ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อชัดเจนแล้วจะประสานทั้งทางเรือนจำและทนายความเข้าไปแจ้งข้อหาทนายตั้มในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ ส่วนการอายัดบัญชีและทรัพย์สินของทนายตั้ม ขณะนี้ยังไม่ได้อายัดเพิ่มเติม

วันเดียวกัน น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ พัช กฤษอนงค์ต้านโกง ได้ออกมาโพตส์ในเพจ กฤษอนงค์ เจ๊พัช โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ในกรณีของท่านรัฐมนตรี กฤษอนงค์ขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ กับท่านรัฐมนตรีเลยค่ะ ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปนั้นเป็นเพียงการประสานงานโครงการที่กฤษอนงค์ได้นำเสนอผ่านคนกลาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านขายตรงและออนไลน์ เป็นโครงการภาคเอกชนที่ตั้งใจให้เป็นการยกระดับ และให้ความรู้เฉพาะทางเท่านั้น

 “คลิปที่เป็นการสนทนาระหว่างบุคคล 2 คนที่ถูกเผยแพร่และตัดต่อบางช่วงนั้น เป็นเพียงการสนทนาเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมอาชีพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากการสนทนานี้ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด กฤษอนงค์ขอกราบขออภัยท่านรัฐมนตรีน้ำ จิราพร สินธุไพร และคุณพ่อท่าน อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวค่ะ”

น.ส.กฤษอนงค์ระบุอีกว่า สำหรับกรณีอื่นๆ กฤษอนงค์อยากเรียนให้ทราบว่า ทุกคำชี้แจงในที่นี้มาจากความตั้งใจจริงที่จะสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกัน การพยายามอธิบายกลับดูเหมือนยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดมากขึ้น กฤษอนงค์เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาในสังคมที่ไม่มีพลังหรืออำนาจ ไม่มีสื่ออยู่ในมือ ไม่มีอำนาจใดๆ จะไปต่อสู้กับกระแสสังคม ที่ตอนนี้ได้ตัดสินไปแล้ว ในเวลานี้ขอพึ่งพาอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้มีบารมีในสังคม ขอให้ท่านช่วยพิจารณาและรับฟังเสียงเล็กๆ ของประชาชนในครั้งนี้ว่า การเป็นอยู่ของเราจะเป็นไปอย่างไรหากสื่อและสังคมสามารถตัดสินได้โดยไร้กระบวนการยุติธรรม ก่อนทิ้งท้ายไว้ว่า กราบขออภัยสื่อมวลชน ช่วงนี้ไม่สะดวกสัมภาษณ์ และออกสื่อใดๆ ก่อนค่ะ

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ  ประธานชมรมสันติประชาธรรม เปิดเผยถึงกรณีนักตบทรัพย์ชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ว่า ทราบมาว่าตัวนักตบทรัพย์ชายรายนี้ยังมีพฤติกรรมไปหลอกลวงคนอื่นอีกหลายราย โดยหนึ่งในนั้นได้สูญเสียเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท รวมแล้วนักตบทรัพย์ชายรายนี้ยังมีความเชื่อมโยงในความเสียหายอีกหลายกรณี อาทิ แชร์ลูกโซ่หรือขายตรง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง