“บิ๊กต่าย” ขอไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด แจงไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม เตรียมตั้งรอง ผบ.ตร.ทำหน้าที่สอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" ยันทันตามกรอบเวลาไม่มีอะไรต้องกังวล
เมื่อวันพฤหัสบดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราว คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ว่า ขอให้ความเห็นแบบกว้างๆ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยพูดเรื่องนี้ไว้แล้วว่าเป็นการดำเนินการทางวินัย ซึ่งตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร.เดียวกันหมด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการไปตามขั้นตอนของข้อเท็จจริงและกฎหมาย และไม่ว่าจะเป็นตำรวจนายใด ทุกนายก็มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์เบื้องต้น โดยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และถ้าผลวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะใช้ช่องทางขอความเป็นธรรมไปที่ศาลปกครองสูงสุดได้ หลังจากนั้นก็จะเป็นดุลยพินิจของตุลาการศาลที่จะพิจารณาและมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ผู้บังคับบัญชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องปฏิบัติตาม
“ส่วนสิ่งที่ต้องอุทธรณ์กันไปมาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติชอบหรือไม่ชอบ ก็ถือว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการโต้แย้ง ส่วนคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ผมขอไม่ก้าวล่วงกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลปกครองสูงสุดเด็ดขาด ส่วนจะเป็นคุณหรือเป็นโทษกับผู้ร้องหรือผู้ถูกร้อง ก็เป็นกระบวนการขั้นตอน” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า กระบวนการนี้มีอยู่ 2 แท่ง แท่งแรกคือการคุ้มครองตามคำสั่งที่มีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชน ส่วนแท่งที่ 2 คือกรณีที่ตนถูกฟ้อง เป็นการพิจารณาว่าคำสั่งนั้นชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถูกต้องหรือไม่ ก็อยู่ในช่วงพิจารณาของศาลปกครองต่อไป ซึ่งในรายละเอียดตนได้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปยังศาลปกครองสูงสุดในการพิจารณาเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาแล้ว
เมื่อถามว่า ส่วนสำนวนคดีอาญาที่ก่อนหน้านี้มี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช อดีตรอง ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วเป็นประธานในการสอบสวน หลังจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรให้ครบองค์ประกอบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่แทน เพราะขณะนี้ยังไม่มีประธานในการดำเนินการ รวมถึงยังไม่มีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร. ส่วนผลการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องดำเนินการไปมากน้อยเพียงใด ตนไม่ทราบ ผู้บังคับบัญชาจะได้รับรายงานก็ต่อเมื่อผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนจะแล้วเสร็จทันกรอบระยะเวลาหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ยังอยู่ในกรอบเวลา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กังขาเก็บ‘MOU44’ไว้หาประโยชน์
"สนธิญา" บุกทำเนียบฯ จี้ "นายกฯ-ครม." ยกเลิก MOU 44
สนอง‘พ่อนายกฯ’ คลังแจกเงินหมื่น คนอายุ60ปีขึ้นไป
รมว.คลังรับลูก "ทักษิณ" แจกเงินหมื่นคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เผยใช้งบไม่มาก
รฟท.จี้กรมที่ดินทบทวนมติ มท.โบ้ยต้องไปยื่นศาลแพ่ง
"อนุทิน" ลั่นปัญหาเขากระโดงจบในกรม อย่าโยง รมว.มหาดไทย
‘แม้ว’โทษม.112 ชงแก้การบังคับใช้
"ทักษิณ" เผยธาตุแท้ อ้างพรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันไม่แตะ ม.112 แต่ ม.112
จวกทักษิณลวงโลก! ลืมสัจจะวาจาไม่ยุ่งการเมืองจะกลับมาเลี้ยงหลาน
ฮึกเหิม! "สทร." บอกเห็นมวลชนมาเยอะหัวใจพองโต ซัดพวกอิจฉาหาครอบงำ
ตำรวจแนะ 6 ข้อเพื่อให้ลอยกระทงปลอดภัย
ตร.เตือนลอยกระทงปลอดภัย แนะ 6 สิ่งต้องคำนึง ก่อนนึกถึงพระแม่คงคา