"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ เสียงติติงคัดค้านคือเตือนใจให้คิดดีปฏิบัติดี "สถิตย์" ยันปฏิบัติตามกรอบ กม. รายชื่อเสนอไม่มีใครคุณสมบัติต้องห้าม ลั่นแบงก์ชาติเป็นอิสระ ยัน ปธ.บอร์ดปลดผู้ว่าฯ ไม่ได้ เว้นแก้ กม. แต่เชื่อไม่ทำ "รมต.เพื่อไทย" ดาหน้าปัดไม่รู้ "เสี่ยโต้ง" ได้ตำแหน่ง "รมว.คลัง" เชื่อไร้ปัญหาทำงานร่วม บอกคุยกันบ่อยจูนกันได้แน่ "บลูมเบิร์ก" ชี้เงินบาทอ่อนค่าสุดในเอเชีย เหตุวิตกความเป็นอิสระแบงก์ชาติ "เผ่าภูมิ" โต้ไม่น่าเกี่ยว "คปท." ขยับจ่อร้องศาลปมคุณสมบัติ
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจภายหลังจากคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานคัดเลือก เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมมีรายงานข่าวที่ประชุมมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.การคลัง เป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ซึ่งหมดวาระนั้น
เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.การคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Kittiratt Na Ranong โดยแชร์ข่าวจากสื่อที่ระบุ กก.สรรหาเคาะชื่อกิตติรัตน์นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ รอชง ครม.อนุมัติ พร้อมข้อความสั้นๆ ว่า "ทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ และทุกเสียงที่ติติงคัดค้าน คือ การเตือนใจ ให้คิดดี พูดดี และปฏิบัติดี"
สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดงาน ECONMASS TALK EP.1 โดยได้เชิญนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดคุยในประเด็นการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติ หัวข้อ "เก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติสำคัญไฉน" กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังจากนี้ เลขาฯ การประชุมจะรวบรวมและส่งหนังสือรับรองการประชุมให้ รมว.การคลัง ภายในวันที่ 19 พ.ย.2567 เพื่อนำชื่อเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้ว ให้ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงแต่งตั้ง
ถามถึงกระแสวิจารณ์มีชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองได้รับการคัดเลือก นายสถิตย์กล่าวว่า ในแต่ละชื่อที่ปรากฏตามข่าวล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งนั้น แต่ในส่วนประเด็นข้อกฎหมายกำหนดว่า ต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง และเว้นเสียแต่ได้พ้นหน้าที่นั้นมาแล้ว 1 ปี
นายสถิตย์กล่าวว่า กรณีการเป็นที่ปรึกษานายกฯ หากเป็นที่ปรึกษานายกฯ จะถือว่าเป็นตำแหน่งทางการเมือง แต่หากเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นตำแหน่งส่วนตัว ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ ซึ่งได้ทราบว่าผู้ที่มีรายชื่อได้รับการคัดเลือกได้มีการลาออกมาแล้วเกิน 1 ปี ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ปฏิบัติตามกรอบกฎหมายทุกประการ และในรายชื่อที่เสนอไม่มีใครมีคุณสมบัติต้องห้าม
"หลังจากนี้เมื่อขั้นตอนต่างๆ เสร็จสิ้น ทั้งหมดถือว่าจะเป็นคนของ ธปท. ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณ ธปท. โดยประธานบอร์ด ธปท.ไม่สามารถปลดผู้ว่าฯ ธปท.ได้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.แบงก์ชาติ 2551 เว้นแต่ประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง หรือทุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถในการบริหาร ซึ่งผู้ว่าฯ ธปท.คนปัจจุบันไม่เข้าข่ายเหล่านั้น จึงสบายใจได้ เว้นแต่จะลาออกเอง แต่ก็ไม่ควรทำแบบนั้น" นายสถิตย์กล่าว
มั่นใจ ธปท.ไม่โดนแทรกแซง
เมื่อถามว่า มีการแสดงความกังวลประธานบอร์ด ธปท.จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ธปท.จนขาดอิสระ นายสถิตย์กล่าวว่า โดยกรอบกฎหมายประธานบอร์ด ธปท.จะไม่มีอำนาจในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) รวมทั้งคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) ในเรื่องทุนสำรองฯ เป็นหน้าที่ของ ธปท.ในการดูแล แต่ประธานบอร์ด ธปท.จะมีหน้าที่ในการออกกฎหมาย ซึ่งสามารถแก้กฎหมายได้ แต่เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าทำแบบนั้น
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า มติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานบอร์ด ธปท. ยังเป็นเพียงรายงานข่าว อย่าเพิ่งพูดถึง หากไปคุยโดยที่ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จะเป็นการสร้างประเด็นเปล่าๆ
ถามว่า จะมีการนำรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณาเมื่อใด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีการยื่นเรื่องมา ต้องรอให้ส่งเรื่องมาให้เรียบร้อยว่าได้ทำตามกระบวนการเสร็จสิ้น จึงจะนำเข้าพิจารณาตามกระบวนการ ครม.
ซักว่ามีหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้านนายกิตติรัตน์ กังวลกับกระแสต้านหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อมีกระแสต้าน คนที่เป็นรัฐบาลมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เมื่อมีกระแสต้าน มีข้อเรียกร้องหรืออะไร เราก็รับมาพิจารณา โดยต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกรอบของกฎหมายที่อนุญาตให้ทำ จะไม่ทำอะไรที่ฝืนกับกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ควรจะเป็น
"ยังไม่รู้ว่าเป็นนายกิตติรัตน์หรือเปล่า ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯ มีการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติต่างๆ อยู่แล้ว ไม่สามารถทำนอกกรอบได้ หากพิจารณาตามกรอบที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และผ่านการพิสูจน์ทราบแล้วว่ามีคุณสมบัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดก็เป็นไปตามนั้น คณะกรรมการสรรหาฯ ว่าอย่างไรจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า มีข้อสังเกตนายกิตติรัตน์เป็นคนการเมือง หากเข้าไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติอาจมีผลกระทบตามมา รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าหาว่าเป็นชื่อนายกิตติรัตน์ ทุกคนมีสิทธิ์ถูกคัดเลือกตามกรอบของกฎหมาย และคณะกรรมการสรรหาฯ หากอยู่ในกรอบทำได้ก็ควรทำ ส่วนจะเป็นใครนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาฯ ตัดสินใจ อย่าเพิ่งไปคุย เรื่องที่ยังไม่รู้จริงว่าผลออกมาอย่างไร
ส่วนนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ปฏิเสธยังไม่ทราบใครได้เป็นประธานบอร์ด ธปท. โดยระบุว่า ทราบตามข่าวเหมือนทุกคน ขณะนี้ยังไม่ได้รับมติรายชื่อดังกล่าว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการสรรหาฯ คงแจ้งมาที่ตน และรอดูว่าจะสรุปผลมาให้อย่างไร
ถามว่า หากเป็นชื่อนายกิตติรัตน์ จะต้องรับแรงกระแทกและถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า มองว่าเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะหน้าที่ถูกเขียนใน พ.ร.บ.ชัดเจนว่าประธานบอร์ดและบอร์ดแบงก์ชาติต้องทำหน้าที่อย่างไร และของเดิมแบ่งหน้าที่ไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ดูแลอะไร และ 4 ชุดที่เหลือมีหน้าที่อะไร ฉะนั้นทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจนและมีความเป็นอิสระ
ซักว่า หากนายกิตติรัตน์เริ่มทำงานในตำแหน่งนี้จะเป็นอย่างไร นายพิชัยกล่าวว่า ถ้านายกิตติรัตน์นั่งทำหน้าที่ตรงนั้นก็ต้องทำหน้าที่ให้กับ ธปท. ยืนยันว่าใครทำหน้าที่ไหนก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ที่นั่น ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ
"ผมทำงานง่ายอยู่แล้ว และไม่มีปัญหา เพราะเชื่อว่าในความเป็นประเทศ รัฐบาลดูเรื่องคลัง และแบ่งหน้าที่เรื่องเงินในภาพใหญ่ให้ ธปท.ดู และเมื่อดูแล้วก็พยายามปรับจูนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นหากมีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น มันจะจูนเข้าหากัน" นายพิชัยกล่าว
ถามว่า จะเป็นการลดช่องว่างเรื่องนโยบายระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท.ใช่หรือไม่ นายพิชัยปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ก็ปฏิเสธยังไม่รู้ใครเป็นประธานบอร์ด ธปท. พร้อมทั้งถามกลับผู้สื่อข่าวว่า "รู้กันก่อน ยังไม่รู้จริงๆ กระบวนการมันยังไม่ถึง ยังต้องรอ เป็นความลับ และต้องส่งมาที่รัฐมนตรีว่าการ ผมยังไม่เห็น"
ถามว่า มีความกังวลจะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่กลัว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และมีกฎหมายรองรับ เราไม่รู้ว่าผลออกมาอย่างไร แต่สุดท้ายทั้งหมดเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ไม่ได้ไปแทรกแซงใดๆ จะเป็นชื่ออะไรก็เชื่อว่าคนที่จะมาเป็นจะเป็นคนที่สามารถทำงานร่วมกับทาง ธปท.ได้อยู่แล้ว
จ่อร้องสอบคุณสมบัติ 'เสี่ยโต้ง'
วันเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ว่า เงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินของประเทศในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเงินบาทร่วงลงกว่า 1% แตะที่ระดับ 34.739 บาทต่อดอลลาร์ในวันที่ 12 พ.ย. ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ปีนี้ หลังจากมีข่าวว่า คณะกรรมการสรรหาฯ มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
ยูจีเนีย วิกโตริโน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์เอเชียของธนาคาร Skandinaviska Enskilda Banken AB ในสิงคโปร์ กล่าวว่า นักลงทุนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ ธปท.นับตั้งแต่รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และข่าวลือเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ยิ่งส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้น ตราบใดที่ความเป็นอิสระของ ธปท.ยังคงมีความเสี่ยง นักลงทุนจะยังคงหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับบาทในระยะยาว
"เงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 7% ในไตรมาสนี้ ซึ่งทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในเอเชีย หลังจากรัฐบาลกดดันให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยแนวโน้มเงินบาทย่ำแย่ลงอีกเมื่อนักลงทุนเริ่มระมัดระวังการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ" ยูจีเนีย วิกโตริโน ระบุ
ลอยด์ ชาน นักกลยุทธ์ค่าเงินจากธนาคาร MUFG ในสิงคโปร์ กล่าวว่า การแต่งตั้งนายกิตติรัตน์เป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ อาจทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า
"การที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะเผชิญผลกระทบจากภาษีการค้าของทรัมป์นั้น อาจทำให้เงินบาทได้รับผลกระทบมากเป็น 2 เท่า" ลอยด์ ชาน ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง ชี้แจงกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์เงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 1% ซึ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องการคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท. ไม่น่าจะใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่น่าจะเป็นผลมาจากหลายๆ ปัจจัยมากกว่า หลักๆ น่าจะเป็นผลจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างมาก รวมทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาประกอบด้วย
“ผมมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่คนหนึ่งจะสามารถชี้ได้ว่าค่าเงินที่อ่อนลงเป็นผลมาจากปัจจัยไหน เพราะว่าแต่ละปัจจัยมีเรื่องผลกระทบในมิติอื่นๆ มากมาย ดังนั้นการจะบอกว่าค่าเงินที่อ่อนลงเกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ไม่น่าจะใช่ประเด็นและมองว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าค่าเงินที่อ่อนลงตอนนี้เกิดจากปัจจัยนี้ หรือปัจจัยนั้น เพราะเราไม่ควรพุ่งเป้าไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว” นายเผ่าภูมิกล่าว
ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และทนายความ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ระบุตอนหนึ่งว่า ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดคณะกรรมการคัดเลือก 7 คน จึงมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และเตือนไว้เลยว่า ใครก็ตามที่ลงคะแนนให้นายกิตติรัตน์นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ท่านเตรียมสู้คดีในชั้นศาล ที่อาจต้องจบที่เรือนจำได้เลย
นายเชาว์กล่าวว่า ระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือก การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 กำหนดไว้ชัดเจนในหมวดที่ 2 การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้ในข้อ 16 (4) ว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม "เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี"
"นายกิตติรัตน์เคยเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 214/2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มีทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา และพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย" นายเชาว์กล่าว
ทนายความผู้นี้ระบุว่า กรณีนี้ตนเสนอให้มีการฟ้องศาลฯ เอาผิดคณะกรรมการคัดเลือก จงใจเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไปให้สุดจะได้รู้ว่าต้องไปหยุดที่คุกหรือไม่
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "ต้องถึงศาล" พร้อมแนบคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายกิตติรัตน์เป็นประธานที่ปรึกษาฯ ตอนหนึ่งได้สรุปว่า 1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 2.ให้หน่วยงานราชการให้ความร่วมมือ 3.เบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินตามระเบียบราชการ 4.เมื่อดูการตีความของสำนักงานกฤษฎีกา และองค์ประกอบตามข้อ 1, 2, 3 นายกิตติรัตน์อาจเข้าข่ายผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5.ตามข้อ 4 นายกิตติรัตน์จะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติที่จะเป็นประธานกรรมการบอร์ดแบงก์ชาติ 6.เมื่อดูตามข้อ 5 กรรมการคัดเลือกมีสิทธิ์ติดคุกคล้ายกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รวมทั้งยัง #เรื่องนี้ต้องถึงศาลครับ #คปทเดินต่อไม่มีถอย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม
อสส.ชงศาลรธน.คดีล้มล้างฯ
อัยการสูงสุดส่งเอกสารปม “ธีรยุทธ” ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครอบงำ-ล้มล้างให้ศาลแล้ว
‘โต้ง’ระเบิดเวลารบ. นั่งปธ.บอร์ดธปท.คนใหม่ เมินเสียงต้านการเมืองจุ้น
ไม่แคร์เสียงต้าน "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่