อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า

“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม ชวนคนไทยที่มีความสามารถกลับมาทำงานบ้านเกิด “ทวี” ข้องใจ กมธ.มั่นคงขยี้หนักเรื่องทักษิณชั้น 14 “สรวงศ์” มั่นใจคดีล้มล้างฯ อ้างบริสุทธิ์ใจแค่เป็นพ่อนายกฯ เท่านั้น ยันไม่มีคนเพื่อไทยร่วมหม่ำมาม่า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง น.ส.แพทองธาร   ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมเอกอัครราชทูตกงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทยประจำภูมิภาคอเมริกา เพื่อมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอเมริกา 

โดยนายกฯ กล่าวทักทายทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมประชุมทั้งในห้องประชุมและผ่านระบบซูม  พร้อมระบุว่า ขอเน้นย้ำการทูตเชิงรุกที่เป็นทัพหน้าของประเทศ อยากให้ทูตทุกท่านประสานงานร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และรัฐบาล เรื่องการลงทุนจะเกิดการทำงานเต็มรูปแบบ ประเทศไทยจะแข็งแรง และขอให้ทูตสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลไทยทำอะไรอยู่  ซึ่งขณะนี้ไทยยังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำเป็นต้องช่วยกัน รัฐบาลพยายามทุกทางที่จะนำเงินเข้ามาในประเทศให้มากที่สุด จึงอยากให้ทูตช่วยเน้นเรื่องการลงทุนเป็นพิเศษ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขอให้เร่งเชิญชวนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ รวมถึงนำแผนนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างเครือข่ายมิตรประเทศของไทยในเวทีโลก หรือ Friends of Thailand กับภาคส่วนต่างๆ ของต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

 “จุดยืนของรัฐบาลอยากเห็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และอยากทำให้ประเทศไทยพร้อมและรัฐบาลพยายามสร้างโอกาสในประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดี รองรับให้คนไทยทำงานในประเทศ รัฐบาลตั้งใจจะทำให้ประเทศไทยเรามีความแข็งแรงทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้คนไทยมีโอกาสมากขึ้น เพื่อดึงคนไทยคนเก่งๆ ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศกลับมาเพื่อร่วมพัฒนาประเทศไทย จึงอยากให้ทูตเชิญชวนคนไทยกลับมาทำงานในประเทศไทยแม้จะเรียนจบในต่างประเทศ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ ยังกล่าวให้ความมั่นใจว่า การเมืองมีความมั่นคงพอสมควรแล้ว ฉะนั้นจะทำเรื่องนี้ให้แข็งแรงมากที่สุด เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจและนำเม็ดเงินมาลงทุนในไทย และในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เราจะอยู่จนครบเทอมเพื่อให้การลงทุนมีความต่อเนื่อง เพราะแน่นอนว่าเทอมข้างหน้าอยากให้นำเรื่องนโยบายการลงทุนไปต่อ ไม่อยากให้ประเทศสะดุด เพราะเรื่องการเมืองในอดีตมักเป็นเช่นนั้น จึงอยากสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว

ต่อมาเวลา 14.00 น. ตามเวลานครลอสแอนเจลิส น.ส.แพทองธารเดินทางไปยังวัดไทยลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยนายกฯ สักการะพระพุทธนรเทพศาสดา ภปร. พระประธาน จากนั้นกราบนมัสการท่านเจ้าคุณพระเทพมงคลวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยลอสแอนเจลิส ก่อนที่คณะสงฆ์เจริญพระชัยมงคลคาถา (บทชยันโต)  นายกฯ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่เจ้าอาวาสวัดไทยลอสแอนเจลิส

จากนั้นผู้แทนของวัดไทยในแอลเอกล่าวถึงการจัดงานผ้าป่าสามัคคีของชุมชนในนครลอสแอนเจลิสและเมืองใกล้เคียง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทย โดยนายกฯ รับมอบเช็คเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในไทย จำนวน 30,000 ดอลลาร์ พร้อมรับมอบหนังสือและเข็มที่ระลึกจากเจ้าอาวาส  ก่อนจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งบรรยากาศโดยรอบวัดเป็นไปอย่างคึกคัก มีคนไทยจำนวนมากมารอต้อนรับโดยรอบอุโบสถ

อิ๊งค์บอกจะชวนพ่อมาแอลเอ

จากนั้นนายกฯ กล่าวพูดคุยกับชุมชนและผู้มาต้อนรับผ่านเสียงตามสายจากอุโบสถว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆ ตอนเข้ามาก็ได้เจอพี่น้องคนไทยหลายท่าน รู้สึกว่าทุกคนต้อนรับกันอบอุ่นมากๆ บางคนบอกว่าคิดถึงคุณพ่อ ฉะนั้นหากมีโอกาสจะเชิญคุณพ่อมาเที่ยวที่ลอสแอนเจลิสด้วยกันอีก

 “ตอนเด็กจำได้ว่าเคยมาที่นี่กับครอบครัว จึงเป็นความทรงจำที่ดีมาก รอบนี้ก็อากาศดี พอได้มาวัดและกราบพระ ก่อนที่จะไปประชุมสำคัญก็รู้สึกมีที่พึ่งทางใจ และมีแรงใจ จะได้ประชุมและนำผลงานดีๆ กลับเข้าประเทศไทย สุดท้ายขอฝากทุกคนช่วยชวนลูกหลานกลับไปทำงานที่ประเทศไทยเยอะๆ บ้านเราจะได้พัฒนา รัฐบาลจะผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อให้คนไทยมีงานมีอาชีพที่ดี” นายกฯ  กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินเยี่ยมชมตลาดนัดบริเวณในวัดไทย ที่มีการจัดซุ้มอาหาร เครื่องดื่ม พร้อมทั้งร่วมชมการแสดงรำอวยพร จำนวน 2 ชุด และโชว์ศิลปะการต่อสู้มวยไทย จากเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดไทยในแอลเอและเด็กๆ นักแสดงได้มอบมาลัยให้เป็นที่ระลึก ก่อนถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ในนครลอสแอนเจลิสได้ให้การต้อนรับและให้กำลังใจนายกฯ อย่างล้นหลาม โดยนายกฯ กล่าวทักทาย พร้อมเซ็นลายเซ็นลงบนหนังสือ และถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ ยังมีบรรดาประชาชนคนไทยในลอสแอนเจลิสที่สวมเสื้อสีแดง ซึ่งมีข้อความระบุว่า ครอบครัวเพื่อไทยและเพื่อไทยแลนด์สไลด์ มารอต้อนรับด้วย ขณะที่ชาวต่างชาติที่มาวัดไทยชมนายกฯ ว่า She's so lovely. (เธอน่ารักมาก)

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน น.ส.แพทองธาร โดยนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.67 และตรวจราชการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค.2567

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เรียกกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจไปชี้แจงการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งไม่สามารถให้ข้อมูลกับ กมธ.ได้ว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ไปชี้แจงเรื่องเดียวกันกับ กมธ.อื่น ซึ่งทุกคณะต้องการความรู้ แต่ กมธ.ความมั่นคงฯ มีความแปลก เพราะเอาคนนอกและสื่อมวลชนเข้ามา และจ้องถามเจ้าหน้าที่ เช่น เรื่องเวชระเบียน ซึ่งในช่วง 120 วันที่นายทักษิณพักรักษาตัว มีหลักฐานต่างๆ มากกว่าเวชระเบียน เช่น การตรวจเอ็มอาร์ไอ และทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จึงอยากนำข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวน ไม่ใช่บุคคลที่มาจ้องหาเศษหาเลย พูดให้เกิดความเสียหายกับทางรัฐบาล

 “ได้กำชับไปว่าเป็นข้าราชการอย่าไปโต้เถียงทางการเมือง เอาข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ที่มีอำนาจจะให้ได้ ซึ่งเรายินดีให้ความร่วมมือ แต่ต้องเปิดข้อบังคับของ กมธ.สักนิดว่า เมื่อเรื่องนี้เคยสอบสวนแล้ว และ กมธ.มีหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคง นอกจากนี้ เรื่องนี้ผ่านมาแล้วกว่า 10 กมธ. ก็ไม่เห็นมีความรุนแรงขนาดนี้” พ.ต.อ.ทวีระบุ

ไม่หนักใจปมล้มล้างฯ

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณระบุว่าถึงการกินมาม่าร่วมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า  ว่าวันที่เป็นข่าว เอาตรงๆ ว่าไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในที่เกิดเหตุเลย ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในวันดังกล่าว น.ส.แพทองธารในวันนั้นกำลังเดินทางอยู่บนเครื่องบิน ส่วนตนเองอยู่สภาเคลียร์เรื่องกระทู้

เมื่อถามต่อว่า อัยการสูงสุดได้ทำหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เรายืนอยู่บนความตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไร เราก็พร้อมต่อสู้ในแง่มุมของความบริสุทธิ์ใจ เพราะนายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย ยกเว้นเป็นพ่อของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแค่นั้น

นายสรวงศ์ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณจะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานีหาเสียงว่า แล้วแต่ผู้สมัครขอร้องมา เพราะการตั้งผู้ช่วยหาเสียงเป็นอำนาจของผู้สมัคร เช่น ที่อุดรธานี นายสราวุธ ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี นายทักษิณก็ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ ซึ่งมีการเชิญมา ท่านก็ตอบตกลงก็ไปช่วยหาเสียง

เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะเจาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานได้หมดใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่พื้นที่ที่เราส่ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ส่งทุกจังหวัด จะส่งในจังหวัดที่เราคิดว่าผู้สมัครสามารถที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนได้ และเป็นที่ตกผลึกของ สส.ในจังหวัดนั้นๆ

เมื่อถามย้ำว่า จังหวัดอุดรธานี เป็นฐานเสียงที่แข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ทำไมนายทักษิณถึงยังต้องลงไปช่วยหาเสียง มีนัยอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่มีหรอก ก็อย่างที่บอกผู้สมัครนายก อบจ. อุดรธานี อยากให้นายทักษิณไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง ก็มีการเชิญเป็นการส่วนตัวไปช่วยปราศรัย ทั้งนี้ นายทักษิณก็พูดออกสื่อไปแล้วว่าจะไปช่วยอย่างน้อยก็คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้มีมติตั้งศูนย์ประสานงานข้อมูลเขตจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด และมอบให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยที่ประชุมได้มีการหารือกรอบการวางยุทธศาสตร์ในการดูแลศูนย์ข้อมูล เพื่อให้ สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.ได้มีข้อมูลเพื่อไปทำงานในพื้นที่

"พรรคพลังประชารัฐจะลงไปทำงานในพื้นที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เห็นถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายต่างๆ ส่วนนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง