ไม่แคร์เสียงต้าน "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ ม็อบ คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม บุก ธปท.ยื่นอีก 5 หมื่นรายชื่อขวางการเมืองจุ้น "พิชิต" เตือนรัฐบาลจุดระเบิดเวลาเสียเองและจะล่มในที่สุด ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวหวั่นเกิดมหันตภัยร้ายแรง ระบบการเงินมั่นคงของชาติวินาศ ขณะที่ม็อบเชียร์ยื่น 1.5 หมื่นชื่อชงรองเลขานายกฯ หน้าทำเนียบฯ หนุน "เสี่ยโต้ง" ก่อนหอบรายชื่อส่ง ธปท.ทันที
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ ธปท. ซึ่งมีนายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ เป็นประธานคัดเลือก โดยการประชุมใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ก่อนจะเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 14.45 น. โดยไม่มีกรรมการคัดเลือกคนใดออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ขณะที่นายสถิตย์เอง ภายหลังการประชุมได้แจ้งเป็นเอกสารต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า กระบวนการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และเลขานุการจะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป กล่าวคือกรณีประธานกรรมการฯ จะนำเสนอชื่อต่อ รมว.การคลัง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วให้ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงแต่งตั้ง ส่วนกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะนำเสนอต่อ รมว.การคลังเพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป
สำหรับตำแหน่งประธานกรรมการ ธปท.นั้น มีการเสนอชื่อจาก 2 ฝ่าย คือ กระทรวงการคลังที่เสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.การคลัง ขณะที่ฝ่าย ธปท.ได้เสนอชื่อนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งการคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท.ครั้งนี้ มีเสียงคัดค้านจาก 4 อดีตผู้ว่าฯ ธปท. รวมทั้งกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ตลอดจนกลุ่มนักศึกษาและประชาชน ต่อบุคคลที่เสนอชื่อโดยกระทรวงการคลัง อันเนื่องจากมีความกังวลว่าจะทำให้การเมืองครอบงำการทำงานของ ธปท.ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าที่ประชุมมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ซึ่งหมดวาระเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา
สำหรับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นอดีตรองนายกฯ และ รมว.การคลัง ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, อดีตประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน), อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย และอดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ แม้เสียงส่วนใหญ่ของกรรมการคัดเลือก 7 คน เห็นว่านายกิตติรัตน์เหมาะสมที่สุดในบรรดาแคนดิเดตที่ส่งชื่อมา 3 คน แต่สังคมภายนอกยังมองว่ากรรมการเลือกตามใบสั่งจากฝ่ายการเมือง จนมีกระแสข่าวว่า ชื่อที่ฝ่ายการเมืองในกระทรวงการคลังจะส่งมาแทนคือ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เป็นอดีตลูกหม้อกระทรวงการคลังมาก่อน แต่ในที่สุดกรรมการคัดเลือกก็มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เช่นเดิม โดยไม่สนเสียงต้านแต่อย่างใด
ส่วนคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธปท. 7 คน ประกอบด้วย 1.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือก 2.นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ 3.นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 4.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 5.นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 6.นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ 7.นายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ระเบิดเวลาล่มรัฐบาล
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อระเบิดเวลา ระบุว่า "ก็เดินหน้ากันไปหากมั่นใจว่ารับผลกระทบได้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็เหมือนระเบิดเวลาที่ถูกจุดชนวนทิ้งไว้ รัฐแทนที่จะเข้าใจความเป็นองค์กรที่ต้องปลอดการแทรกแซง แต่กลับเป็นคนจุดระเบิดเวลาเสียเอง ระเบิดมันมาพร้อมๆกัน ทั้งผลประโยชน์ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เทวดาชั้น 14 บ่อนกาสิโน บอร์ดแบงก์ชาติ จากระเบิดเล็กๆ เมื่อรวมๆ กันมันจะล่มรัฐบาลได้ในที่สุด"
ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้าเวลา 09.30 น. ที่บริเวณหน้าประตู ธปท. ฝั่งใต้สะพานพระราม 8 มีกลุ่มมวลชนซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม เดินทางมาชุมนุมกันอีกครั้งเหมือนเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2567 เพื่อแสดงออกถึงการคัดค้านไม่ให้การเมืองเข้าแทรกแซงครอบงำ ธปท.ผ่านการเลือกประธานบอร์ด ธปท. พร้อมยื่นรายชื่อประชาชนที่คัดค้านอีก 51,980 รายชื่อ จากที่สัปดาห์ก่อนมายื่นไว้แล้ว 20,999 รายชื่อ โดยมี นายศรัณยกร อังคณากร ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์สื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธปท.เป็นผู้รับมอบหนังสือ
โดย คปท., ศปปส.และกองทัพธรรมได้ออกแถลงการณ์ว่า มีความห่วงใยบ้านเมืองและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ได้รวมพลังลงชื่อแสดงความคิดเห็นคัดค้านการเมืองแทรกแซง ธปท. เนื่องจากถ้ายอมให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซง จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง และทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอ จนไม่เหลือหน่วยงานที่จะทัดทานนโยบายเศรษฐกิจของฝ่ายการเมืองที่ไม่ถูกต้องได้
“บุคคลที่จะไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการ และคณะกรรมการ ธปท.จึงต้องมือสะอาด ไม่มีประวัติด่างพร้อย และไม่ควรมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกลุ่มธุรกิจและฝ่ายการเมือง มิฉะนั้นจะเกิดกรณีแสวงหาประโยชน์มหาศาลจากนโยบายที่เป็นความลับของ ธปท.บนหายนะของประเทศ ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการคัดเลือกได้พิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสมของกรรมการคัดเลือก และปฏิบัติหน้าที่คัดเลือก ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล โดยไม่ยอมรับต่อแรงกดดันทางการเมือง” เนื้อหาที่ระบุไว้ในแถลงการณ์
นอกจากนี้ แกนนำมวลชนได้ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติ
มหันตภัยร้ายแรงระบบการเงิน
ขณะที่ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อคัดค้านการคัดเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแต่งตั้งเป็นประธาน ธปท. มีใจความว่า "คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ในฐานะประชาชนไทยที่เทิดทูนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหนือศิรเกล้า ประการสำคัญ ได้เสียสละเงินทองและร่วมปกป้องทุนสำรองปราการด่านสุดท้ายของชาติตามคำเตือนขององค์หลวงตาจนสำเร็จ พวกเราเห็นว่า ธปท.ต้องไม่ถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซง มิฉะนั้น จักบังเกิดมหันตภัยร้ายแรงต่อระบบการเงินมั่นคงของชาติให้วินาศไปได้อย่างง่ายดาย เฉกเช่นหลายประเทศที่เคยมั่งคั่งมาก่อน แม้ยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า แต่เงินของชาติกลับเสื่อมค่านำพาประเทศให้ตกหล่มลึกแห่งวังวนวิกฤตเศรษฐกิจ"
"คณะศิษย์ฯ ได้ติดตามได้พิจารณาโดยธรรมอย่างปราศจากอคติ จนเห็นพ้องต้องกันไม่ยอมรับ 'นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง' เข้ามาดำรงตำแหน่งใดๆ ไม่ว่าประธานหรือแม้แต่กรรมการก็ไม่สมควร เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์และแสดงตนชัดเจนถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางการเมือง เคยให้สัมภาษณ์ แสดงพฤติกรรม และมีเจตคติชัดแจ้งต่อสายตาสาธารณชน ถึงการครอบงำและแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการทำร้าย 'หลักธรรมาภิบาลที่ดี' เป็นการทำลายความเป็นอิสระซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสูงสุดของ 'ระบบธนาคารกลาง' "
"ในขณะที่คณะศิษย์ฯ ต่างคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โดยสถานภาพแห่งการดำรงตำแหน่ง 'ประธานกรรมการ ธปท.' และ/หรือ 'กรรมการ ธปท.' นั้น ทุกท่านผู้เสนอตัวต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และต้องดำรงตนเข้มงวดกวดขันเพื่อเป็นแบบอย่างอันดีงามกว่าบุคลากรในตำแหน่งอื่นใด ทั้งการณ์กลับเป็นตรงข้าม 'นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง' มีความด่างพร้อยทางด้านจริยธรรม มีพฤติการณ์ 'โกหกสีขาว' (white lies) ซ้ำซาก เพียงเพื่อมุ่งรับใช้การเมือง มิหนำซ้ำ ยังเคยอวดศักดาประกาศว่าจะถอดผู้ว่าฯ ธปท.ให้พ้นไปจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ว่าฯ ธปท.คัดค้านรัฐบาลมิให้เข้ามาล้วง 'ทุนสำรองของชาติ' ไปใช้แบบอีลุ่ยฉุยแฉก เพียงเพื่อสนองนโยบายประชานิยม"
"คณะศิษย์ฯ ขอน้อมนำคำสอนโดยย่อขององค์หลวงตาที่สอดคล้องกับกรณีว่า ความอยากความทะเยอทะยานด้วยอำนาจบาตรหลวงที่เอากฎหมายมาบังหน้า มาบีบบี้สีไฟประชาชนอยู่เบื้องหลัง อย่าเอามาใช้ในเมืองไทยของเรา เมืองไทยจะล่มจม ให้เอาอรรถเอาธรรมเข้ามาสู้กัน มันถึงผสมกันเป็นความแน่นหนามั่นคงเจริญรุ่งเรืองของชาติ ชาติไทยเรานี้จะสงบร่มเย็นด้วยธรรมนะ… ความเห็นแก่พวกพ้องของตัว… นี่ละมันจะทำลายชาติบ้านเมือง ปัดออกให้หมด… ให้เห็นแก่คนไทยล้วนๆ อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ต่างคนต่างปรึกษาหารือกัน จึงเรียกว่า เราเป็นชาติไทย”
ม็อบเชียร์บุกทำเนียบฯ
ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิฑูรย์ ลี้ธีระนานนท์ เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรม เข้ายื่นรายชื่อประชาชน 15,000 รายชื่อ ต่อคณะกรรมการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการธปท. เพื่อสนับสนุนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง
โดยนายวิฑูรย์กล่าวว่า ตนสนับสนุนนายกิตติรัตน์ให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพื่อให้ใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่มีช่วยเหลือประชาชน ในเรื่องของการกู้เงินและการธนาคารที่เป็นธรรมแก่ประชาชน และด้วยประสบการณ์ของนายกิตติรัตน์ในยุคสมัยที่ผ่านมา เราผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาพอสมควร โดยเฉพาะยุคของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงมองว่านายกิตติรัตน์มีความรู้ความสามารถมากพอที่จะพาเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ส่วนที่มีการคัดค้านโดยระบุว่าเป็นคนการเมือง และไม่อยากให้เข้าไปครอบงำองค์กรนั้น มองว่านายกิตติรัตน์ไม่ได้เป็นคนการเมือง ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ มาเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว
ขณะที่นายสมคิดกล่าวว่า ความจริงวันนี้จะมีผู้มายื่น 2 คณะ ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ตนทราบข่าวภายหลังว่า คณะที่คัดค้านจะไปยื่นโดยตรงที่ ธปท. ส่วนที่นายวิฑูรย์ยื่นมาครั้งนี้ ตนจะนำเรื่องไปส่งที่ ธปท.เช่นกัน ซึ่งการตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติยืดเยื้อมานานกว่า 2 เดือนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เนื่องจากมีการเลื่อนประชุมมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการสร้างความไม่เชื่อมั่นได้ นายสมคิดกล่าวว่า รายละเอียดนั้นตนไม่ทราบ แต่เราต้องรับเรื่องทั้งสองฝั่ง และวันนี้เท่าที่ตนคุยกับคนที่เขารู้เรื่อง จะมีการเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติให้เสร็จในวันนี้ จะไม่เลื่อนอีก
เมื่อถามว่า รัฐบาลเตรียมรับมือม็อบที่จะเกิดขึ้นจากกรณีนี้หรือยัง นายสมคิดกล่าวว่า ไม่ต้องเตรียม เกิดมันเกิดอยู่แล้ว มาก็มาเป็นธรรมชาติ ก็คุยกันปกติธรรมดา รับฟังทุกเสียงอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต้องถึงศาล! แกนนำม็อบงัดกฤษฎีกาชี้ 'กิตติรัตน์' ขัดระเบียบฯ ยังไม่พ้น 'ตำแหน่งทางการเมือง' 1ปี
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ต้องถึงศาล มีเนื้องหาดังนี้่
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม