ยึดทรัพย์‘ตั้ม’รวม71ล้าน เฝ้าระวังคนคุกจองกฐิน

"ผบช.ก." ยัน “นุ-สาริณี” ก๊วนทนายตั้มยังไม่เผ่นออกนอกประเทศ ระบุยึดเงิน-บ้าน-ที่ดิน-รถยนต์ แต่ไม่พบทรัพย์สินในตู้เซฟ "ดีเอสไอ" บุกเรือนจำพิเศษฯ แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรง 18 ผู้ต้องหาคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ขีดเส้น 15 วันชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ราชทัณฑ์เฝ้าระวังเต็มที่กระแสเอาคืน "ตั้ม" อื้อในเรือนจำ ด้าน "บิ๊กเต่า" สยบข่าว ตร.รีดเงินแก๊งโค้ชแล็ป 9 ล้าน

เมื่อวันจันทร์ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายษิทรา  เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่ามีการดำเนินคดีทั้งหมด 4 คดี  เงิน 71 ล้านบาท, คริปโตฯ 39 ล้านบาท, รถเบนซ์ และค่าออกแบบโรงแรม ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน หากมีพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะดำเนินการออกหมายจับเพิ่มเติม แต่คงไม่อธิบายล่วงหน้าก่อน

เมื่อถามถึงเบาะแสเกี่ยวกับนายนุและนางสาวสาริณี  ยังอยู่ในประเทศไทยหรือหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว  พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า จากที่ได้รับรายงานเบื้องต้นบุคคลดังกล่าวยังอยู่ในประเทศ

พล.ต.ท.จิรภพยังกล่าวถึงทรัพย์สินของทนายตั้มที่ตรวจยึดมา ขณะนี้ได้ตรวจยึดเงินในบัญชีจำนวน 28 ล้านบาท และที่ดินเป็นบ้านราคา 43 ล้านบาท ที่มีข้อมูลว่ามาจากเงินที่อยู่ในก้อน 71 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ก็จะมีประเภทรถยนต์ และทรัพย์สินประเภทสิ่งของ ส่วนในตู้เซฟหลังจากเปิดมาแล้วยังไม่พบทรัพย์สินใดๆ 

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อขอให้คัดชื่อนายษิทราออกจากตำแหน่ง สำรองวุฒิสภา อันดับที่ 4 เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(6) ประกอบ 96(3) เนื่องจากนายษิทราถูกดำเนินคดีและอยู่ระหว่างกักขังของเจ้าถิ่นที่ตำรวจและศาล ทำให้สิ้นสุดการเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ  และหลังจากนี้หากนายษิทราหวังว่าจะกลับมาทำงานการเมืองอีก ก็ต้องมีการแก้ไขบทบัญญัติ 2 มาตราดังกล่าว แต่ตอนนี้ตลอดชีวิตของนายษิทราไม่สามารถที่จะดำเนินการงานด้านการเมืองอะไรได้อีกต่อไป

นายสนธิญากล่าวต่อว่า ขอให้ กกต.ตรวจสอบความเป็นสมาชิกวุฒิสภาของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ที่เคยมอบโล่รับประกันความดีของทนายษิทรา ศิษย์เก่าดีเด่นของวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก อยากให้ น.ส.นันทนาแสดงความรับผิดชอบที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่บอกว่าทำหน้าที่ สว.แล้ว

ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร​ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า วันนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) และ พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำนวนข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ รวมถึงมีการสอบปากคำสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับพฤติกรรมในการดำเนินกิจการของ "ดิไอคอนกรุ๊ป" จนพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และนำไปสู่การที่ดีเอสไอมีมติแจ้งข้อกล่าวหาแก่บอสทั้ง 18 คน และนิติบุคคลเพิ่มเติมในความผิดฐานแชร์ลูกโซ่ และความผิด พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรง ซึ่งจะต้องมีทีมทนายในการร่วมสืบสวนสอบสวน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยหลังจากที่ดีเอสไอได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมครบทั้ง 18 บอสดิไอคอนฯ โดยทุกคนได้รับทราบข้อกล่าวหา และดีเอสไอก็ได้มีการสอบสวนปากคำ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มเติม เพราะแจ้งว่าจะขอเวลาในการรวบรวมรายละเอียดเพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแทนภายในกรอบเวลา 15 วัน ส่วนกรณีของบอสดารา “มีน-พีชญา วัฒนามนตรี” ที่ตนได้เข้าพบภายในทัณฑสถานหญิงกลางนั้น เจ้าตัวได้เซ็นชื่อในคำให้การรับทราบข้อกล่าวหา และได้ให้การ แต่ขอสงวนการเปิดเผยรายละเอียดภายในสำนวน

พ.ต.ต.วรณันระบุว่า นอกจากนี้ในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหาของทีมพนักงานสอบสวน ที่เข้าไปพบบรรดาบอสชายทั้ง 11 รายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานกลับมาครบทุกราย แต่ทราบว่าทุกคนพร้อมสู้ในส่วนของข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาไป ส่วนกรณีของบอสอูมมี่ หรือ น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา ที่ปัจจุบันนอนพักรักษาตัวอยู่ในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ได้เข้าไปพบและเเจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา  รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ทั้ง 18 บอสโดยรวมยังปกติทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ยังไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ส่วนผู้มีโรคประจำตัวมีการดูแลตามมาตรฐานอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ทนายตั้มอาจมีคนเตรียมเอาคืนเยอะนั้น มีมาตรการดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ หรือแยกคุมขังอย่างไร นางกนกวรรณกล่าวว่า เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ต้องเฝ้าระวัง และไม่ใช่เฉพาะทนายตั้มเพียงคนเดียว โดยเรือนจำทุกแห่งทั่วประเทศคำนึงถึงความปลอดภัยและสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ทนายตั้มอยู่แดนกักโรคตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ยังไม่ได้เจอกับกลุ่มบอสดิไอคอน

 “ยืนยันเรือนจำทุกแห่งมีการเฝ้าระวังในการที่บุคคลจะสร้างอิทธิพลในเรือนจำ แต่เชื่อว่าไม่น่าเกิดขึ้น ส่วนกระแสข่าว ผกก.โจ้ แม้อยู่คนละเรือนจำแต่มีเส้นสายอาจจองกฐิน ทนายตั้มนั้น ยังไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว” นางกนกวรรณ ระบุ

ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล กล่าวว่า หลังจากรู้ว่าดีเอสไอประสานเข้ามา ตนจึงโทร.สั่งให้ทีมงานเตรียมเอกสารไว้จำนวนเยอะพอสมควร หลังจากนี้ก็จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและจะยื่นให้ภายใน 15 วัน

วันเดียวกัน พล.ต.ท.จิรภพ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า ถึงการดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ว่าวันนี้จะมีการประชุมเพิ่มเติม โดยจะรีบเร่งรัดคดีให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนความผิดนั้นที่ทำอยู่คือกรรโชกทรัพย์ เพราะพยานหลักฐานชัดเจน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้มีการกล่าวอ้างว่ามีตำรวจกองปราบปรามเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเป็นจำนวน 9 ล้านบาทนั้น ตนได้เรียกนายอัจฉริยะและคนที่ให้ข้อมูลแก่นายอัจฉริยะมาสอบปากคำแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงิน  เพียงแค่ได้ยินข่าวมาจากคนใกล้ชิดโค้ชแล็ปว่ามีการเรียก ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อบุคคลใกล้ชิดคนดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบไม่พบพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าตำรวจมีการกระทำดังกล่าวก็จะมีการลงโทษตามกฎหมาย และจากการสอบถามภรรยาของโค้ชแล็ปและบอสพอล พบว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด ถ้าเกิดว่าพบก็จะไปไล่ดูกล้องและมือถือ แต่ปรากฏว่าไม่พบหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงได้ ตนมองว่าในส่วนนี้ทำให้ตำรวจสอบสวนกลางเสื่อมเสียชื่อเสียง

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า ความคืบหน้าคดีดิไอคอน กรุ๊ป มีการสอบปากคำไปแล้วกว่า 10,000 ปาก และมีการส่งเอกสารไปแล้วกว่า 5,800 ปาก และที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสาร ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จะมีการนำส่งทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำต่อ จากการพูดคุยกับดีเอสไอคาดว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดครบฝากสุดท้าย และจะต้องเสร็จให้ทันตามกรอบระยะเวลา 48 วัน ถ้าไม่ทันก็จะมีการปล่อยตัวผู้ต้องหา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง