“ภูมิธรรม” เหวี่ยง! ปัด “ทักษิณ-ฮุน เซน” มีดีลลับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ยันไม่มีบทบาท-หน้าที่ซัดคนไม่ไว้วางใจ รบ. มีแค่ไม่กี่คนพูดจนกระทบคนเกาะกูด มั่นใจไม่ส่งผลการเจรจา "อนุทิน" ลงเกาะกูดสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ลั่น รบ.นี้ไม่มีวันยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ระบุ “เกาะกูด” ไม่อยู่ในปมร้อนเอ็มโอยู 44 ย้ำเป็นของราชอาณาจักรไทย พร้อมเชิญชวนเที่ยวเกาะกูด ให้ชาวบ้านได้ใช้ชีวิตตามปกติ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 11 พฤศจิกายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนไป 2 วัตถุประสงค์คือ ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองทัพเรือ และสอบถามเรื่องราวต่างๆ จากคนที่ดูแลทางทะเลและทางบก กับฝ่ายที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายปกครอง ทั้งนายอำเภอและผู้บริหารท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงสถานีตำรวจ ซึ่งสบายใจได้ว่ากองปฏิบัติการชายแดนบริเวณนั้นมีความแข็งแรงเข้มแข็ง ส่วนการดูแลนั้นยืนยันจะปกป้องดินแดนบริเวณเกาะกูด ไม่ยอมเสียผืนแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
"จากการสอบถามความสัมพันธ์ของนายทหารที่ดูแลของทั้งสองประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดี และฝ่ายนั้นยอมรับแล้วว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของประเทศไทย ส่วนเรื่องของเอ็มโอยูที่จะมีการคุยกันไม่มีเรื่องเกี่ยวกับดินแดน เป็นเพียงเรื่องของการดำเนินการในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจกันหรือยังไม่มีข้อสรุปร่วมกัน โดยจะเป็นกรอบที่จะหารือร่วมกันต่อไป ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2515 มีการคุยกันเรื่องนี้ต่อเนื่องตลอดมา"
นายภูมิธรรมกล่าวว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวที่เกาะกูดดีขึ้น ตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆ โรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดจองโรงแรมหายไป 30% ในพื้นที่ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ ชาวกัมพูชาที่เข้ามาก็ถือพาสปอร์ตเข้ามา โดยการขอทางกระทรวงแรงงานในการเข้ามาทำงานในพื้นที่ต่างๆ มีอยู่ประมาณไม่กี่ร้อยคน นอกนั้นเป็นคนไทย
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะจบอย่างไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว เพราะอีกฝ่ายยังออกมากระทุ้งในเรื่องนี้อยู่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็จบตามกระบวนการ ฝ่ายที่ออกมากระทุ้งก็กระทุ้งไป เพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นจริง เราพยายามที่จะชี้แจง ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรเลย เพียงแต่เราจำเป็นต้องมีคณะกรรมการตามกรอบที่กำหนด ถ้าได้รับฟังฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ดูแลอยู่ รวมถึงนายทหารที่ดูแลอยู่ ก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอธิปไตย อย่าใช้จินตนาการมาพูดจนกลายเป็นปัญหาไป มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการฝ่ายไทยจะชัดเจนเมื่อไหร่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายกฯ เคยพูดว่าจะมีความชัดเจนหลังจากนายกฯ กลับมา ถ้าดำเนินการได้ก็จะดำเนินการ แต่หากยังติดขัดอะไรก็ต้องรอ ขอย้ำว่าเรื่องนี้จะต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเพื่อเสนอให้นายกฯ นำเข้า ครม.
ถามว่า เรื่องนี้จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการเจทีซีลำบากขึ้นหรือไม่ และทำให้การเจรจาสะดุดอีกครั้งหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ยืดเยื้อและไม่สะดุดแน่นอน เพราะในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นเสียงเดียวหรือสองเสียงก็สามารถแสดงออกได้ เพียงแต่ต้องดูเสียงส่วนใหญ่และผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่คนเพียงไม่กี่คนหรือบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ
'อ้วน' ป้อง 'ทักษิณ' ไม่เกี่ยวดีลลับ
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าประชาชนบางส่วนยังไม่ไว้วางใจรัฐบาลเท่าที่ควร นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ประชาชนส่วนไหน เพราะก็มีไม่กี่ส่วนนี่แหละ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เกาะกูดเขายังรู้สึกไม่ดีเลยว่า ทำไมมาพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะเขารู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ฉะนั้นรอให้มันมีกิจกรรมหรือมีผลของการเจรจาออกมาก่อน ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร จากนั้นค่อยมาถกเถียงกันดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายภูมิธรรมได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เรื่องนี้จบได้แล้วครับ ไปเรื่องอื่นๆ”
เมื่อถามย้ำว่า ล่าสุดมีข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการดีลลับกับสมเด็จฮุน เซน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีดีลลับอะไรทั้งนั้น คนไม่มีบทบาทไม่มีหน้าที่จะเข้าไปดีลลับได้อย่างไร คณะกรรมการยังไม่ตั้งเลย ก็ต้องรอคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายคุยกัน ซึ่งคณะกรรมการก็มาจากหลายส่วน
วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) พร้อมด้วยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย, นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง เดินทางลงพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด เพื่อตรวจราชการและให้กำลังใจประชาชน
โดยจุดแรกเดินทางมายังชุมชนบ้านคลองมาด ซึ่งเป็นพื้นที่ติดทะเลและทำการประมง และได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยทันทีที่เดินทางมาถึงนายอนุทินและคณะได้เข้าพบปะประชาชนโดยรอบ และพบกับคุณปู่สวงค์ รำไพ ชาวบ้านวัย 92 ปี ที่คนพื้นที่เรียกกันว่าก๋ง โดยนายอนุทินได้ขอบคุณก๋งสวงค์ที่ชี้แจงแทนรัฐบาลวานนี้ ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ซึ่งก๋งได้ขอให้นายอนุทินช่วยเรื่องที่ดินทำมาหากิน ที่ประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับสิทธิ์ เพื่อประชาชนจะได้รักเกาะกูดมากขึ้น
ทั้งนี้ นายอนุทินได้สอบถามเรื่องไฟฟ้าและประปาในพื้นที่ว่าเป็นเช่นไร โดยหน่วยงานรัฐได้รายงานว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการใช้น้ำบาดาล ส่วนไฟฟ้ามีปัญหาเรื่องความเสถียร ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการบ้าง
จากนั้นนายอนุทินกล่าวถึงเรื่องเกาะกูดว่า บางครั้งคนไม่เข้าใจ ต้องการทำให้มันเป็นประเด็น ก็เอาเรื่องดินแดนตรงนี้เข้ามา ซึ่งมันไม่ใช่ เกาะกูดหากพูดกันตรงๆ อยู่ในสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ส่วนนี้เป็นของเรา ตอนที่เรายกส่วนพระตะบอง เสียมราฐ ก็เหมือนกับแลกทางนั้นไป ทางนี้เป็นของเราแล้ว คิดดูง่ายๆ เรามาไม่ต้องใช้พาสปอร์ต เข้ามาได้ไม่มีใครห้าม แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทยเข้ามาที่นี่ ก็ต้องผ่านวิธีตรวจคนเข้าเมือง แบบนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ตรงนี้ต้องขอฝากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้สร้างความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่
“ขอย้ำว่าไม่ต้องกังวล รัฐบาลนี้ขอให้ความมั่นใจไม่มีวันยอม ไม่ว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหน ไม่มีทางที่จะยอมเสียดินแดน อย่าว่าแต่เกาะทั้งเกาะเลย ตารางนิ้วเดียวก็เสียไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก เราอย่าไปเสียเวลาคิดกับเรื่องที่ไม่มีวันเกิด แต่มาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในชุมชนทุกบ้านเรือนได้มีการประดับธงชาติไทย ซึ่งขณะที่นายอนุทินก้าวขึ้นสะพานข้ามคลอง ก็ได้นำธงชาติไทย 2 ผืนมาวางไว้เหนือศีรษะด้วย
มท.1 ชวนมาเที่ยวเกาะกูด
จากนั้นเวลา 11.30 น. นายอนุทินและคณะเดินทางไปต่อที่ศาลาประชาคมเกาะกูด เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ พร้อมพบปะและมอบนโยบายข้าราชการ โดยนายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ต้องมาที่เกาะกูดให้เห็นกับตา ว่าที่มีกระแสข่าวเอ็มโอยู 44 เรื่องการอ้างพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลต่างๆ ระหว่างประเทศของเรากับประเทศเพื่อนบ้านนั้น อาจจะทำให้เกิดความสับสนถึงขั้นไม่สบายใจ จึงต้องเรียนให้ทราบว่าเราอย่าไปเปลืองพื้นที่สมอง และพื้นที่อารมณ์กับข้อสงสัยที่ว่าเกาะกูดเป็นของใคร เพราะเป็นร้อยปีมาแล้วที่เกาะกูดเป็นของไทย เป็นเกาะที่อยู่ในพื้นที่ราชอาณาจักรไทย ข้อสงสัยความกังวลต่างๆ อยากให้ทุกคนเกิดความสบายใจว่าไม่มีใครเอาเกาะกูดออกจากประเทศไทยได้เป็นอันขาดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว อย่าไปสนใจเส้นที่ลากมาจากด้านไหนหรือลากโดยใครก็ตาม เพราะมันมีความชัดเจนอยู่แล้ว
นายอนุทินกล่าวอีกว่า วันนี้หากพูดเรื่องเอ็มโอยู 44 เขากำหนดไว้ในปี 2544 วัตถุประสงค์เพื่อวางกรอบในการพูดคุยเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมการด้านเทคนิคที่แต่ละประเทศตั้งขึ้น ซึ่งมีหัวข้อว่าจะมีแนวทางในการร่วมกันพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมใต้ทะเลอย่างไร เพราะในอ่าวไทยมีก๊าซ มีปิโตรเลียม น้ำมัน และทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ซึ่งเราต้องหาวิธีนำขึ้นมาใช้เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงาน นอกจากนี้วัตถุประสงค์เพื่อจะแบ่งเขตเศรษฐกิจจำเพาะอย่างไร ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงต้องตั้งคณะกรรมการทั้งสองประเทศขึ้นมาคุยกัน แต่ต้องยึดหลักสากลคือหลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องทรัพยากร เรื่องเขตทางทะเลว่าจะขีดเขตทางทะเลออกไปอย่างไร
“เอ็มโอยู 44 ไม่ใช่สัญญาว่าคุณจะขุดออกไปกี่กิโลเมตร หรือจะขุดร่วมกันหรือไม่ ซึ่งยังไม่ถึงจุดนั้น ตอนนี้เพียงแต่จะหาความเห็นร่วมกันก่อนว่า แต่ละพื้นที่แต่ละประเทศครอบครองเท่าไหร่ในทางทะเล ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของดินแดนไม่ใช่เรื่องของแผ่นดิน เกาะกูดจึงเป็นดินแดนของประเทศไทย เรื่องเกาะกูดไม่มีอยู่ในเอ็มโอยู 44"
นายอนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวนักท่องเที่ยวเห็นข่าวจึงชะลอการมาเที่ยวเกาะกูดหรือยกเลิกห้องพัก ตรงนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนที่ประกอบอาชีพสุจริต ผู้ประกอบการโรงแรม โฮมสเตย์ต่างๆ ไม่แฟร์กับพวกท่านเลยด้วยข่าวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ดังนั้นการเดินทางมาเกาะกูดวันนี้ เพื่อให้ความมั่นใจว่าเกาะกูดไม่ใช่ประเด็นของปัญหา ขอให้นักท่องเที่ยวได้มาท่องเที่ยว ขอให้ชาวบ้านได้ใช้ชีวิตตามปกติ
จากนั้นนายอนุทินได้ให้สัมภาษณ์กรณีเอ็มโอยู 44 ที่มีกระแสขึ้นมาว่าเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร จนทำให้เกิดการบิดเบือนใช่หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยว มีคนยกประเด็นนี้ขึ้นมาตรงกับช่วงเวลาสับเปลี่ยนคณะกรรมการเจทีซี เพราะชุดเดิมพ้นจากรัฐบาลนี้แล้ว ส่วนคณะกรรมการชุดใหม่เป็นเรื่องของ ครม. จะเป็นใครก็ได้ มั่นใจว่าคนที่เป็นข้าราชการการเมืองเป็นคนไทย หากต้องเจรจาประโยชน์ให้กับประเทศอื่น จะเรียกเป็นคนไทยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม
อสส.ชงศาลรธน.คดีล้มล้างฯ
อัยการสูงสุดส่งเอกสารปม “ธีรยุทธ” ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครอบงำ-ล้มล้างให้ศาลแล้ว