อัยการเปิดกฎหมาย ข้อหา “ทนายตั้ม” หาดูยาก ไม่ค่อยมีใครเจอ “สนธิญา” เตรียมยื่น กกต.ตัดชื่อทนายคนดังพ้นบัญชีสำรอง สว. “ดีเอสไอ” แจ้งข้อหา “แชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรงฯ” 18 บอสดิไอคอนจันทร์นี้
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. มีความเคลื่อนไหวกรณีที่มีการยื่นคำร้องฝากขัง นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และในคำร้องฝากขังได้มีการบรรยายว่าการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 (ทนายตั้ม) เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 อยู่ด้วยนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลถึงความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน
โดยแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า ถือเป็นคดีเเรกเท่าที่เคยพบ ซึ่งไม่ค่อยพบว่าที่ผ่านมามีคนเคยถูกเเจ้งข้อหาดังกล่าว และการดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ถือว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการนำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมาผสมผสานกัน คือ ข้อหาฉ้อโกง เป็นความผิดที่อยู่ในกฎหมายอาญา โดยมีแต่เฉพาะการฉ้อโกงบุคคลทั่วไปมาตรา 341 กับการฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 โดยคำว่า การฉ้อโกงเป็นปกติธุระ จะอยู่ในกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเป็นมาตรการในการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด และการยึดอายัดทรัพย์สิน
แหล่งข่าวระบุอีกว่า คำว่าเป็นปกติธุระ อาจมีความหมายว่า เป็นบุคคลผู้มีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกหรือผู้จัดการทรัพย์สิน แล้วกระทำการฉ้อโกง โดยหลอกลวง แล้วเอาไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไปจำนวนหลายครั้งหลายคราเป็นอาจิณ ส่วนในประเด็นที่ทนายความ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลซึ่งลูกความให้ความไว้วางใจมอบหมายให้ทำหน้าที่ในทางกฎหมาย เกี่ยวกับคดีความของตน แต่ทนายความดังกล่าวกลับกระทำการผิดหน้าที่หลอกลวง เอาทรัพย์สินของลูกความไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำการดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหน้าที่ ที่ตนได้รับมอบหมาย และเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายอีกด้วย
“การดำเนินคดีกับทนายความในข้อหาดังกล่าวจึงถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่เป็นปรากฏการณ์ทางกฎหมายด้วยในอันที่จะตัดวงจรอาชญากรรม และบังคับใช้กฎหมาย เพื่อคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับสุจริตชนด้วย หลังจากนี้ก็จะต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติการฟอกเงินต่อไปอีก” แหล่งข่าวระบุ
นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่า นายษิทราให้นางสาว ม.ม้า เลขาฯ คนใหม่ ไปกดเงินจำนวน 39 ล้านบาท และนำเงินมาให้ทนายตั้ม เอาไปแบ่งทนายตั้ม และภรรยา ว่า นางสาวมี่และนายปีเตอร์มีตัวตนจริง แต่รายละเอียดในประเด็นเงินจำนวน 39 ล้าน ยังไม่ได้คุยกับทนายตั้ม เพราะประเด็นนี้ยังไม่มีในสำนวน ตนยังไม่ได้อ่านเอกสารรายละเอียดอะไร ขอทำงานในประเด็นที่ทนายตั้มถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งข้อเท็จจริงขอไปสู้ในชั้นศาล เพราะหากทำอะไรผิดพลาดไปก็หมายถึงชีวิตทนายตั้มก็จะติดคุกหรือแพ้คดี ตนขอพูดและให้ข่าวในข้อเท็จจริงเท่านั้น
นายสายหยุดเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 11 พ.ย. เวลาประมาณ 09.00-09.30 น. จะเข้าไปพบทนายตั้มในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อคุยแนวทางการต่อสู้คดี พร้อมย้ำว่าตอนนี้เตรียมประสานหาพยานคนกลาง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาให้ปากคำกับตำรวจในประเด็นเรื่องการโอนเงินระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศไทย และหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถเบนซ์มาเป็นพยานให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ว่าขณะที่เกิดเรื่องรถเบนซ์ราคาเท่าไร ความต้องการตลาดมากน้อยแค่ไหน หาในท้องตลาดของขาดแล้วอยากได้เดี๋ยวนี้มันจะต้องถูกชาร์จราคาหรือไม่ และส่วนใหญ่ในตลาดชาร์จขึ้นมาเท่าไร ต้องดูเหตุและผลหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้กำลังประสานหาพยานคนกลางอยู่ เพราะคนที่มาต้องเต็มใจและมีความรู้จริงเรื่องนั้นๆ
นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งหมายกับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 10.30 น. จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อร้องให้ กกต.คัดชื่อทนายษิทราออกจากตำแหน่งสำรองวุฒิสภาอันดับ ที่ 4 เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (6) ประกอบ 96 (3) เพื่อคัดชื่อออกต่อไป และให้ตรวจสอบสมาชิกวุฒิสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ที่เคยมอบโล่ รับประกันความดีของทนายษิทรา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561 ที่มีการมอบโล่ศิษย์เก่าดีเด่น ของวิทยาลัยสื่อสารการเมืองต่อนายษิทรา ซึ่งในขณะนั้นปี 2558 นายษิทราก็มีปัญหาเกี่ยวกับเด็กอายุ 8 ขวบ ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในการมอบโล่รับรองคุณงามความดีที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างดีพอ จึงทำให้เกิดความเสียหายมาถึงปัจจุบันนี้ จึงเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยประเด็นการกระทำดังกล่าว แม้จะเกิดขึ้นก่อนได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาก็ตาม อีกทั้งยังเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยเกริกขอโทษประชาชน
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรักษาราชการอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อ 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ป ในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19, 20ว่า ในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 10.00 น. ได้มอบหมายให้คณะพนักงานสอบวนคดีพิเศษเดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ในส่วนของผู้ต้องหา จำนวน 18 ราย สำหรับข้อกล่าวที่แจ้งเพิ่มเติมนั้นคือ ความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19, 20
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ทั้งนี้ ได้รับการประสานจากทนายความของผู้ต้องหาบางรายว่า อาจจะยังไม่พร้อม ดังนั้น ในวันที่ 11 พ.ย. อาจจะยังไม่ครบทั้ง 18 ราย อย่างไรก็ตาม หากมีการแจ้งข้อหากล่าวหาแล้ว ระยะเวลาในการควบคุมตัวผู้ต้องหานั้น พนักงานสอบสวนจะสามารถควบคุมตัวได้เพิ่มขึ้นเป็น 84 วัน จากเดิมจะครบกำหนด 48 วัน
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า โดยตนเองและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดาบอสหญิง 7 ราย ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง สำหรับกลุุ่มบอสชายทั้ง 11 ราย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีฮั้วประมูล และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.ต.วรณันยังกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบยึดอายัดที่ดิน 78 แปลง ว่า กำลังตรวจสอบรายละเอียดว่าเป็นของบุคคลใดบ้าง เนื่องจากกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือการสอบสวนเรื่องแชร์ลูกโซ่ คณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะมีการประชุมร่วมกันทุกวันศุกร์ เพื่อตรวจความคืบหน้าระหว่างกันว่าประเด็นที่ได้มีการมอบหมายไปนั้น ได้ดำเนินการไปอย่างไรแล้วบ้าง
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า ส่วนของคดีมูลฐาน อย่างคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอน หรือคดีพิเศษที่ 115/2567 กรณีฟอกเงินทางอาญา เพื่อให้มีข้อสั่งการไปยังกองคดีนั้นๆ รับไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือการสอบสวนเรื่องแชร์ลูกโซ่ คณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะมีการประชุมร่วมกันทุกวันศุกร์ของสัปดาห์เพื่ออัปเดตความคืบหน้าระหว่างกันว่าประเด็นที่ได้มีการมอบหมายไปนั้น ได้ดำเนินการไปอย่างไรแล้วบ้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม
แจ้งข้อหาเพิ่ม 'ทนายตั้ม' ปมเงิน 39 ล้าน หลังรวบคนสนิทร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงปมเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย แจ้งความดำเนินคดี ว่า ด้านตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยวันที่ 11 พ.ย. 67