แจ้ง4ข้อหาหนัก ตั้ม-เมียนอนคุก แฉจะหนีไปเขมร

ตำรวจออกหมายจับก่อนตามรวบ  "ทนายตั้ม-เมีย" ได้ที่ฉะเชิงเทรา ระหว่างพยายามหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน แจ้ง 4 ข้อหา "ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-ร่วมกันฟอกเงิน-สมคบฟอกเงิน" ทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อหา นอนห้องขังกองปราบฯ เตรียมฝากขังศาลอาญา พนักงานสอบสวนค้านประกันตัว กองปราบฯ ค้นบ้านยึดกระเป๋าแบรนด์เนม-เครื่องประดับหรูหลายสิบรายการ  "ดีเอสไอ" เร่งทำสำนวนแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ 18 บอสดิไอคอน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ "เจ๊อ้อย" แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ  "ทนายตั้ม" ฐานฉ้อโกงเงิน จำนวน 71  ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำเจ๊อ้อยหลายครั้งหลังพบเส้นทางการเงินอีก 39 ล้านบาท ซึ่งทนายตั้มอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเจ๊อ้อยถูกแก๊งสแกมเมอร์หลอกไปเอง แต่เจ้าหน้าที่พบเส้นทางการเงินอาจเข้าข่ายร่วมกันฟอกเงิน

โดยเวลา 12.00 น. พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปขอศาลอาญาออกหมายจับนายษิทรา และศาลได้อนุมัติออกหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหาฉ้อโกง,  ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน  ขณะเดียวกัน ศาลได้ออกหมายจับนางปทิตตา  เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลติดตามจับกุมนายษิทราและนางปทิตตา ได้ที่บนถนนสาย 304 ตรงข้าม สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ขณะกำลังเดินทางไปทำบุญที่ จ.สระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถยนต์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ซึ่งภายในรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง อยู่ด้านหลังรถ ต่อมาเวลา 13.40 น. ได้คุมตัวทั้งคู่มาถึงกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้แผงเหล็กกั้นเป็นสัดส่วน โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่เข้มงวด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายษิทรามีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนภรรยาปกปิดใบหน้าด้วยแว่นกันแดดและแมสก์สีดำ โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ จะดื่มเยี่ยววันไหน กังวลหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารทันที

จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา รวม 4 ข้อหา ตามหมายจับศาลอาญา คดีฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ส่วนนางปทิตตา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ก่อนเริ่มสอบทำการสอบปากคำทั้งคู่ทันที โดยนำตัวแยกสอบสวน

หลังการสอบปากคำผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง มีรายงานว่า ทนายตั้มและภรรยาให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากในหมายจับระบุ มีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี, ได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น หลังจากนี้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างจะต้องนำตัวผู้ต้องหาคุมขังไว้ที่กองปราบฯ คาดว่าในวันที่ 8 พ.ย. พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังต่อศาลอาญาต่อไป

มีรายงานว่า ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านของนายษิทรา ที่หมู่บ้านหรูย่านตลิ่งชัน โดยใช้เวลาตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะขับรถออกมา โดยตรวจยึดหลักฐานมาตรวจสอบจำนวนหนึ่ง มีทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับราคาแพงหลายสิบรายการ เพื่อนำมาตรวจสอบว่าได้มาจากการกระทำความผิดตามข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้หรือไม่ หลังจากนี้จะมีการเข้าตรวจค้นที่สำนักงานกฎหมาย Sitra Law ของทนายตั้มที่ย่านสาทร เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ผบ.ตร.กำชับตนเข้ามาดูแลให้ตำรวจสอบสวนด้วยความรัดกุมรอบคอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้ ซึ่งพบว่าตัวนายษิทรามีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยมีการไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ

"เท่าที่ทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่นายษิทราออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจากสิ่งที่ตำรวจตรวจได้ จนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล จึงตัดสินใจเข้าจับกุม" พล.ต.ท.อัคราเดชระบุ

ส่วนกรณีมีรายงานว่าทนายตั้มพยายามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายช่วยหลบหนี ให้ค่าจ้างคนละ 19 ล้านบาทนั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ตอบว่า ยังไม่มีรายงานตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะเข้าจับกุมทนายตั้มมีท่าทีอย่างไร ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยว่า ทนายตั้มจำนนต่อหลักฐาน ส่วนที่อ้างว่าจะไปปฏิบัติธรรม เป็นคำให้การของผู้ต้องหาที่มีสิทธิจะพูด ทั้งนี้ นอกจากเคสของเจ๊อ้อยแล้ว ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีก 3 เคสที่เตรียมเข้าดำเนินคดีกับทนายตั้ม ซึ่งมีความเสียหายแตกต่างกันไป ส่วนพยานบางปากที่ถูกกันไว้เป็นพยานก่อนหน้านี้ จากการสืบสวนพบว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับทนายทนายตั้ม ประเด็นนี้ยังต้องชั่งน้ำหนักตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้รู้กฎหมายและอาจรู้จักผู้ใหญ่ระดับสูง จะมีผลต่อคดีหรือไม่  พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ส่วนวันนี้มีปฏิบัติการคนบ้านของทนายตั้มและภรรยา จำนวน 2 จุด จุดแรก บ้านเดิมที่จังหวัดสมุทรสาคร และบ้านที่ย่านตลิ่งชันเป็นจุดที่นำเงินไปแปรสภาพ

ที่กรมสอบสวน​คดี​พิเศษ​ (ดีเอสไอ)​ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า ขณะนี้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 18 คน โดยพนักงานสอบสวนกำลังทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะทำเสร็จทันเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำในที่ 8 พ.ย.หรือไม่ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมเข้าแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาในเรือนจำทันที สำหรับผู้ต้องหากลุ่มต่อไปนั้น ตอนนี้ยังมีเวลาที่จะสืบสวนสอบสวน จึงต้องมุ่งเน้นการทำสำนวนของผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน เพื่อที่จะส่งสำนวนต่ออัยการให้ทันภายในระยะเวลาฝากขัง 84 วัน

ส่วนกรณีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความผู้ต้องหา ยืนยันว่าจะนำพยานมาให้สอบปากคำกว่า 2,000 คน และหากดีเอสไอสอบไม่ครบ อาจจะพิจารณาแจ้งความในมาตรา 157 นั้น พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ได้แจ้งให้ทนายทำบัญชีระบุพยานมาว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไร รวมถึงประเด็นที่จะเข้าให้การ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณา ไม่สามารถสอบปากคำทุกคนได้ เพราะอาจจะเกิดความเสียหายต่อคดี

ด้านนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ขณะนี้ทยอยออกคำสั่งในการยึดทรัพย์ไปแล้วประมาณ 320 ล้านบาท ส่วนกรณีจะอายัดทรัพย์สินของมารดาของผู้ต้องหาคนหนึ่งหรือไม่นั้น ต้องดูที่เจตนาเช่นกันว่ารับเงินโดยสุจริตหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'

ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม