"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง พร้อมผุดศูนย์ปฏิบัติหน้าที่ ตั้งอัยการเป็นที่ปรึกษา ขณะที่ "ทนายบอสพอล" ขู่ฟ่อ ตัดพยานเหลือ 50 เจอฟ้อง 157 ผงะ! เทวดา สคบ.โอละพ่อ จ่อหมายเรียก "เอก สายไหมต้องรอด" กุพยานเท็จ “รอง ผบช.ก." ยันคดี "เจ๊อ้อย" คืบหน้า 80 เปอร์เซ็นต์ เชื่อ "ทนายตั้ม" ไม่หนี
เมื่อวันจันทร์ เวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 และคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2560 แก่ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวหลังการประชุมว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมร่วมกัน และมีมติเอกฉันท์เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และนิติบุคคล 1 ราย ในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือแชร์ลูกโซ่ รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2560 โดยจะแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้และต่อเนื่องสัปดาห์ เพราะความพร้อมของผู้ต้องหาและทนายความแต่ละคนไม่เท่ากัน
“ทั้งนี้ยังมีการพิจารณาจัดตั้ง ศูนย์เพื่อปฏิบัติหน้าที่และแบ่งมอบหมายงานเพิ่มประสิทธิภาพ และอาจมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นมาร่วมสอบสวนด้วย ตาม ม.33 หรือตั้งที่ปรึกษาคดีพิเศษ ตาม ม.30 ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เรื่องงบดุล งบบัญชี รวมถึงแต่งตั้งอัยการเป็นที่ปรึกษาด้วย” พ.ต.ต.ยุทธนาระบุ
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ในชั้นนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่อเนื่องจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำนวนมา รวมทั้งมีการสอบพยานเพิ่มเติมจนมีหลักฐานตามสมควร ผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และนิติบุคคล 1 ราย เข้าข่ายการกระทำความผิดทั้ง 2 ข้อหาดังกล่าว ส่วนรายละเอียดผู้ต้องหาแต่ละบุคคลยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยบอสดาราแม้อาจจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโครงการสร้างธุรกิจ แต่ก็มีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน และแต่ละคนมีจุดประสงค์เดียวกัน จึงเข้าความผิดตามองค์ประกอบ
"ส่วนองค์ประกอบที่สำคัญเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่นั้น เนื่องจาก สคบ.ยืนยันว่าการกระทำเข้าลักษณะขายตรง จึงเข้าข่าย ม.4 ไม่สามารถประกอบธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมาย ในการให้ผลประโยชน์ตอบแทนได้ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายังมีสิทธิ์ให้การอย่างไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ และสามารถแก้ข้อกล่าวหาหรือข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ นอกจากนี้สำนวนคดีพิเศษที่ 119/2567 จะสรุปส่งอัยการให้ทันระยะเวลาควบคุมตัว" พ.ต.ต.ยุทธนาระบุ
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาล็อตสองนั้นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะพยายามเร่งรัดดำเนินคดีเอาผิดผู้ต้องหา 18 บอส ล็อตแรกเสร็จสิ้นเรียบร้อยเสียก่อน ในคดีฟอกเงิน (คดีพิเศษที่ 115/2567) อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย รวมถึงบริษัท ว่ามีการจำหน่ายจ่ายแจก ยักย้ายถ่ายโอนไปยังที่ไหนแล้วบ้าง รวมทั้งพิจารณาเป็นแต่ละรายกรรม และแต่ละเส้นทางการเงิน อาจต้องใช้เวลาสักระยะ
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวเสริมว่า ส่วนการโอนเงินระหว่างบอสพอลและแม่นักการเมือง ส.นั้น มีรวบรวมหลักฐานมาส่วนหนึ่งแล้ว อาจต้องมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทั้งหมด สำหรับการยึดอายัดทรัพย์บางส่วนของดีเอสไอ เช่นที่ดินใน จ.ปทุมธานี ก็ได้เตรียมประสาน ปปง.
"วันนี้มีพยาน 20 ปากของฝั่งดิไอคอน ได้ชี้แจงแล้วว่าให้ทำบัญชีธุรกิจยื่นมาแก้ข้อกล่าวหาได้ โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะนัดมาให้ข้อมูลอีกครั้ง ส่วนประเด็นรายละเอียดอยู่ในสำนวน กรณีอ้างว่ามีพยานมากกว่า 1 หมื่นคน ดีเอสไอต้องพิจารณา แต่หากได้ข้อเท็จจริงมาแล้วต้องรีบสรุปสำนวนคดี คงไม่สอบสวนทุกราย หากต้องสอบสวนหมดเกรงว่าจะเกิดความเสียหายต่อรูปคดี ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรม" พ.ต.ต.ยุทธนาระบุ
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ระบุว่า หากตัดพยานเหลือเพียง 50 คน ตนก็จะไปร้องขอความเป็นธรรมและแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 สุดท้ายคดีก็จะไม่ไปไหน และอัยการก็จะตีสำนวนกลับอยู่ดี ซึ่งเราจะต้องใช้สิทธิพยานทุกปากในฝั่งจำเลย เพราะกว่าหมื่นคนก็ไม่เคยมาให้การ ก็อาจจะวุ่นวาย และสร้างภาระให้อัยการและศาล จึงมองว่าควรให้จบในชั้นสอบสวน และเชื่อว่าดีเอสไอใจกว้างมากพอจะสอบเพิ่ม
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปเสียงเทวดาอักษรย่อ ส.ในคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า ในส่วนนี้มีการสืบสวนหาข้อมูล และพบแล้วว่ามีเส้นเงินที่ไปถึงจริง แต่เป็นเส้นเงินระหว่างนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับแม่ของนักการเมือง ส. แต่การจะดำเนินคดีก็ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของบอสพอลว่าจะดำเนินคดีหรือไม่
“โดยเส้นเงินที่ตรวจพบมีการโอนเงินจริงอยู่ที่ 7-8 แสนบาท ยังไม่ถึง 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคลิปเสียงเทวดาจะดำเนินการเอาผิดได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ผู้เสียหายจะร้องทุกข์เอาผิดหรือไม่ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะจัดให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำบอสพอลเพิ่มเติม” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คลิปเสียงเทวดาดังกล่าวจะมีความเชื่อมโยงไปถึง สคบ.หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ตรงนี้เป็นเรื่องที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มีการกุพยานขึ้นมาพาดพิง ทำให้หน่วยงานต่างๆ เสียหาย เบื้องต้นทนายบอสพอลได้เข้ามาแจ้งความเอาผิด ข้อหาหมิ่นประมาททั้งตัวนายเอกภพและพยานเท็จ ไปบ้างแล้ว รวมถึงตัวนายเอกภพก็จะถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพ์อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ต้องรอการให้ปากคำจากฝั่งผู้แจ้งความให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการออกหมายเรียกให้เอก สายไหมต้องรอด เข้ามาให้ปากคำเมื่อไหร่
เมื่อถามว่า แต่บอสพอลพูดเองว่ามีเทวดาใน สคบ. พล.ต.ต.จรูญเกียรติยืนยันว่า จากการพูดคุยทราบว่า เป็นการที่บอสพอลสอนลูกน้องว่าทุกสถานที่หรือหน่วยงานต่างๆ จะมีเทวดาดูแล ดังนั้นเวลาไปหน่วยงานไหนให้ไปผูกมิตรผูกสัมพันธ์ มีของขวัญไปฝากเทวดาผู้นั้น เพื่อให้การประสานงานสะดวกคล่องตัว แต่ประเด็นเรื่องการเรียกรับเงินนั้นบอสพอลไม่ได้พูดอะไร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ส่วนการดำเนินคดีกับนักร้องเรียนหญิง ก.นั้น ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และมีข้อหาที่เข้าข่ายความผิดแล้ว 1 ข้อหา คือ กรรโชกทรัพย์ และตอนนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ตามมาตรา 148 ด้วยหรือไม่ เมื่อได้ความชัดเจนแล้วก็จะพิจารณาว่า จะออกหมายเรียกนักร้องเรียนหญิงมารับทราบข้อหาหรือออกหมายจับ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีแก่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทว่า ความคืบหน้าภาพรวมอยู่ที่ 80% ขณะนี้มีการสอบชัดเจนไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องพิจารณาต่อ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากทนายตั้มแต่อย่างใด
“สำหรับที่มีกระแสว่าทนายตั้มจะหนีออกนอกประเทศ ผมคาดว่าตัวทนายตั้มจะไม่หนี เพราะเห็นออกหน้าสื่ออยู่ตลอด แต่หากมีการออกไปนอกประเทศจริงก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับคดี และในส่วนของกำหนดการออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้น ผมขอไม่กำหนดระยะเวลาว่าจะออกวันนี้หรือพรุ่งนี้แต่อย่างใด อยากทำงานให้ละเอียดที่สุด จึงขอเวลาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอย่างเคร่งครัด" พล.ต.ต.สุวัฒน์ระบุ
ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม มายื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบการทํางานของสภาทนายความฯ โดยเฉพาะกรณีทนายความกระทําผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาทของทนายความต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี มรรยาทต่อตัวความ และมรรยาทเกี่ยวกับความประพฤติของทนายความ โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
'ดีเอสไอ' แจ้งเพิ่มข้อหา 18 บอส 'ดิไอคอน' คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 และคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก
พยาน 20 คน ฝั่งดิไอคอน ให้ปากคำดีเอสไอ ทนายขอให้สอบพยานเพิ่มอีกกว่า 2 พันคน
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจขายสินค้าบริษัทฯ จริง