‘อิ๊งค์’ปลื้มผลโพลดันก้น โรมรุกทักษิณนอนชั้น14

รัฐบาลปลื้ม! ผลสำรวจดัชนีการเมืองไทยขยับขึ้นเกินครึ่งแล้ว ตัวชี้วัด 25  ประเด็นพุ่ง ยกเว้นผลงานฝ่ายค้าน “เพื่อไทย-รทสช.” พาเหรดตีปี๊บ มีหนาว กมธ.มั่นคงเตรียมถกใหญ่ปมชั้น 14 “โรม” เรียกทั้ง “เสรีพิศุทธ์-โจ๊ก-แพทย์ใหญ่” แจงข้อมูล “เรืองไกร” จัดหนักอุ๊งอิ๊งค์ทั้งเรื่องทรัพย์สิน-โดดซ้อมพระราชพิธีฯ 

เมื่อวันอาทิตย์ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,136 คน ซึ่งสำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งดัชนีการเมืองไทยเดือน ต.ค. ภาพรวมได้ 5.01 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.ที่ได้ 4.80 คะแนน ซึ่งดัชนีชี้วัดทั้ง 25 ประเด็นนั้นในเดือน ต.ค.ต่างเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลงานของนายกรัฐมนตรี, การมีส่วนร่วมของประชาชน,   เสถียรภาพทางการเมือง และการแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม มีเพียงผลงานของฝ่ายค้านที่ได้คะแนนลดลง โดยได้ 5.34 จากที่ได้ 5.41 ในเดือน ก.ย.

สำหรับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือน ต.ค.นั้น ในฟากรัฐบาลคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 52.81%, นายอนุทิน ชาญวีรกูล 26.40% และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 20.79% ส่วนฝ่ายค้านคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 37.80%,  น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 34.36% และนายรังสิมันต์ โรม 27.84%

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า น.ส.แพทองธารขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นต่อการทำงานของตนและรัฐบาล ซึ่งขอยืนยันว่าจะเร่งทำงานหนักอีกมาก เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปีในทุกๆ ด้าน โดยในช่วง 2 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตลอดระยะปีเศษ ตั้งแต่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันที่ทำงานไปได้ประมาณกว่า 2 เดือน รัฐบาลได้มุ่งเน้นการตอบสนองปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินหมื่น การเข้าช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์เมื่อยามเกิดภัยพิบัติในทุกองคาพยพ หรือการแก้ไขปัญหาเชิงรุก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการปราบปรามยาเสพติด ที่เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนเป็นอย่างมาก

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวเช่นกันว่า  ถือเป็นตัวสะท้อนความคิดเห็นความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาประสบกับสถานการณ์หลายด้าน ทั้งอุทกภัยโคลนถล่ม รวมถึงอุบัติเหตุรถบัสไฟไหม้ โดยนายกฯ และรัฐบาลก็ได้เร่งทำงานและแก้ปัญหาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทันที ถือว่าทำงานรวดเร็ว ขณะเดียวกันคะแนนความพึงพอใจและบทบาทการทำงานของฝ่ายค้านที่ประชาชนให้พบว่ามีคะแนนลดลง ถือเป็นตัวสะท้อนผลงานของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน ที่จะต้องปรับปรุง

“ต้องขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน ที่มองเห็นถึงการทำงานที่ทุ่มเทของนายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิรูปพลังงานของประเทศไทยทั้งระบบ โดยการร่างกฎหมายเตรียมเข้าสู่สภา เพื่อให้มีการวางโครงสร้างด้านพลังงานในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเตรียมแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมให้เกิดการรับมือสถานการณ์วิกฤตพลังงานในอนาคตของประเทศด้วย ตามแนวทางรื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป” นายธนกรกล่าว

ขณะเดียวกัน มีรายงานจากสภาผู้แทนราษฎรว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์เป็นประธาน กมธ. ได้มีมตินัดประชุม วันที่ 7 พ.ย. เวลา 09.30 น. โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญคือ พิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางในการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมกรณีกรมราชทัณฑ์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจกับการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยมีรายงานว่า ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ. ได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย,  พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์, น.ส.รวมทิพย์ สุภานนท์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชทัณฑ์, รศ.ดร.นพ.วิชัย วงศ์ชนะภัย ผช.เลขาแพทยสภา และนายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะประธาน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เผยว่า ได้ตรวจสอบข่าวสารบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง และข่าวนายกฯ จึงได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธารมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ โดยมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งในการโอนหุ้นบริษัทต่างๆ ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรณีไม่ได้เข้าร่วมซ้อมพิธีรับเสด็จงานพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค

วันเดียวกัน มีรายงานว่า พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกฯ อดีตหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน และ พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก รักษาการหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ได้มอบหมายให้ น.ส.กชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน และหัวหน้าสาขาภาคเหนือ ดำเนินการทางการเมืองต่อไปแทน โดยจะประชุมกรรมการบริหารพรรครวมแผ่นดิน 10 พ.ย.นี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เพื่อเปลี่ยนชื่อพรรค เป็นพรรคก้าวอิสระ และเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ โดยยึดธีมการเป็นพรรคประชาธิปไตยที่แท้จริงและจริงใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง