เทวดาสคบ.ยิ่งสอบยิ่งเจอ ‘คลัง’ร่วมฟันแชร์ลูกโซ่

"ภูมิธรรม"​ สั่งฝ่ายกฎหมายเช็กบิล​  "โฆษก​ พปชร.​" ฐานป้ายสีปูดอักษรย่อ​คนเพื่อไทยเอี่ยวดิไอคอน บี้ส่งรายชื่อจริงมา อย่าเบี่ยงเบนประเด็นตัวเอง​ "ประเสริฐ" ส่อขยายเวลาสอบ "เทวดา​ สคบ." อ้างยิ่งสอบยิ่งเจอ​ "ธนกร” หารือ “จุติ” เตรียมชงแก้ กม. ไม่ให้กรมคุกลดโทษผู้ต้องขังคดีฉ้อโกง หวั่นบรรดา “บอส” นอนคุกไม่ถึง 5 ปี ออกมาใช้เงินสบาย “คลัง” ขึง 3 เกณฑ์เข้มเร่งสรุปเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หลังดีเอสไอขอความเห็น

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยเตรียมพิจารณาดำเนินคดี พล.ต.ท.ปิยะ​ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวหาพาดพิงบุคคลภายในพรรคเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน​กรุ๊ปว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย​คงต้องพิจารณา​ เพราะช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง และหลายเรื่องเข้าข่ายลักษณะให้ร้ายป้ายสี หากเกิดความเสียหายต้องฟ้องร้องกัน เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน ดังนั้นหากมีหลักฐานให้เอ่ยชื่อผู้เกี่ยวข้องมาเลย

อย่างไรก็ตาม ดูแล้วที่เปิดเผยเป็นอักษรย่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่มีบางคน เช่น​ อักษรย่อ​ ม. ซึ่งนางมนพร​ เจริญศรี​ รมช.คมนาคม​ ชี้แจงไปแล้วว่าดำเนินการตามหน้าที่​ หรืออีกคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยลาออกไปนานแล้ว​ เอามาโยงกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ อย่าเอาทุกอย่างเป็นการเมือง ไม่มั่นใจว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นของตัวเองหรือไม่ จึงอยากให้พิจารณาให้ถ่องแท้ อะไรที่เกินเลยไปต้องว่ากันตามกระบวนการกฎหมาย

เมื่อถามว่า เป็นการเอาคืนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้ร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้ไปดูข้อเท็จจริง เราไม่กล่าวหาหรือโยนอะไรไปให้ใคร หากฝ่ายกฎหมายดูข้อเท็จจริงนั้นคลาดเคลื่อนให้ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่มีการพูดถึงกลุ่มสามมิตร ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับนักการเมืองอักษรย่อ ส.นั้น ไม่ทราบขอให้ไปว่ากันเอง เกี่ยวข้องกับใครชี้แจงเอง แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่

เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการตรวจสอบภายในหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อสังคม นายภูมิธรรมกล่าวว่า แต่ไม่อยากเดาว่าเป็นใคร เช่น​ ส.​ หรือ ม. เป็นใคร เพราะมีเป็นร้อ​ย​ หากมีรายชื่อชัดส่งหนังสือมาถึงพรรคได้เลยว่ามีพฤติกรรมอย่างไร​ เราจะตั้งกรรมการสอบและให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการตามขั้นตอน

ด้านนายประเสริฐ​ จันทร​รวง​ทอง​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม​ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเทวดาใน​สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่า​คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ. เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ได้เรียกบุคคลภายนอกมาสอบเพิ่ม 6 คน และบุคคลภายใน 11 คน โดยยอมรับว่าอาจจะต้องขยายเวลาออกไป เพราะยิ่งสอบยิ่งเจอ​ แต่ไม่ได้เจอตอ ตอไม่กลัวอยู่แล้ว​ แต่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน​ และต้องเรียกข้อมูลเพิ่มเติม​

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  เปิดเผยว่า จากกรณีคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมากนั้น ในคดีฉ้อโกงประชาชนซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีนั้น ควรจะมีการแก้กฎหมายให้รัดกุม โดยได้ปรึกษากับนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เพื่อจะแก้ไขในส่วนของเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ กรณีการเสนอพิจารณาลดโทษ แม้ว่ากรมราชทัณฑ์ให้สิทธิผู้ต้องขังตามระเบียบกฎหมาย เพื่อให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัวเป็นคนดีของสังคม แต่คดีฉ้อโกงประชาชน จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ผู้ต้องขังถูกลดโทษและปล่อยตัวเร็วกว่ากำหนดหลายเท่า เพื่อเป็นการป้องปรามให้คนเกรงกลัวกฎหมาย ไม่กล้าทำผิดและไม่กล้าหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ จะเสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้าทันที เพื่อให้ทันใช้บังคับในคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ว่าสำนักงาน กกต.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ส่วนที่นักการเมืองหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ปนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล กกต.ขอไม่ให้ข้อคิดเห็น ที่เป็นการก้าวล่วงกระบวนการของศาล แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุที่ทำให้สมาชิกภาพของ สส.ต้องสิ้นสุดลง เมื่อถึงเวลานั้น กกต.จะต้องปฏิบัติดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตัวเอง

วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่าอยู่ระหว่างรอความเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อพิจารณาการเอาผิดตามผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) ว่า ในส่วนของกระทรวงการคลังพร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไออย่างเต็มที่ การพิจารณาเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ สศค.ซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมาย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า ดีเอสไอได้ประสานมายังกระทรวงการคลังเพื่อขอความเห็นว่าคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงหรือไม่ รวมถึงขอความร่วมมือให้ทางกระทรวงการคลังส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมอยู่ในคณะสอบสวนคดีดังกล่าวด้วย ซึ่งทางกระทรวงการคลังต้องพิจารณาในรายละเอียดทั้งหมดตามข้อมูลต่างๆ  และต้องอยู่บนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะในส่วนของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งในส่วนนี้มีเงื่อนไขสำคัญพร้อมกันในการพิจารณาอยู่ 3 ประการ ประกอบด้วย 1.การโฆษณาชวนเชื่อเป็นจำนวนเท่าไร 2.การกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือไม่ และ 3.ไม่ได้ประกอบอาชีพการซื้อขายจริง แต่นำเงินมาจากที่อื่นมาจ่ายให้กับผู้เสียหาย

 “การพิจารณาว่ามีความผิดเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกง หรือพิจารณาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ประการ ซึ่งส่วนนี้ สศค.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ น่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ไปช่วยดีเอสไอตรวจสอบด้วย เพื่อทำงานร่วมกัน” นายพรชัยระบุ

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน โดยมีระเบียบวาระเกี่ยวกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตัวแทน สคบ. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ต.ต.ธฤตวัน วนาพัทธ์ รองผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ โดยมีนายไผ่ ลิกค์ สส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในฐานะผู้ที่เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ กมธ.ด้วย

หลังประชุมนานกว่า​ 2 ชั่วโมง​ นายไผ่เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ร้อง​ ได้เข้าไปซักถามผู้ที่มาชี้แจง​ โดยได้สอบถามเรื่องคลิปต่างๆ ที่มีการพาดพิง​ถึงดีเอสไอ รวมไปถึงเรื่องที่ดีเอสไอบุกจับนาฬิกาปลอมของบอส​ดิไอคอน ซึ่งดีเอสไอรับปากว่าจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ทั้งนี้ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า กรรมาธิการทุกคนจะเกาะติดเรื่องนี้​ พร้อมขอร้องว่า​อย่าทำคดีให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย​

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า​บอสพอล​ได้โอนเงินให้กับแม่นักการเมือง​ ส.นั้น นายไผ่​กล่าวว่า​ เราคุยกันแล้ว​ ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทั้งคนรอบข้างหรือคนอยู่บ้านเดียวกันด้วย​ รวมถึงได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ ยืนยัน​จะไม่มีการอุ้มนักการเมือง​ ส.​ รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่ถูกเชื่อมโยงอักษรย่อ​ และมีการโยนกันไปมา​ว่าใครเป็นคนพานักการเมือง​ ส.เข้ามา​ ส่วนการอ้างอักษรย่อเป็นเรื่องเลอะเทอะ​

นางบุญยิ่ง​กล่าวเสริมว่า การปล่อยอักษรย่อออกมา​ เป็นการสร้างตัวละครขึ้นมา ทำให้สังคมสับสน อยากให้ดีเอสไอดำเนินการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง