นายกฯ สวมชุดผ้าไหมแม่ มอบรางวัลสุดยอดซีอีโอ ลั่นสื่อ-รัฐบาลเป้าหมายเดียวกัน ทำเพื่อ ปชช. พร้อมหนุนธุรกิจ SME “ขุนคลัง” เคาะจีดีพีไทยปีนี้โตเต็มสูบ 2.7% ชี้เงินเฟ้อไทยควรอยู่ที่ 2% เร่งออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ \หนุนเปิดช่องต่างชาติเช่าที่ดินยาว 99 ปี กระตุ้นลงทุน “แบงก์ชาติ” ยันจับมือ "คลัง" ช่วยหนุนเศรษฐกิจ เห็นพ้องกรอบเงินเฟ้อ 1-3% เหมาะสม จับตาอัตราแลกเปลี่ยนใกล้ชิด
ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 09.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลสุดยอดซีอีโอ ในงานสัมมนาเศรษฐกิจไทยประจำปี 2567 “Thailand 2025 : Opportunities, Challenges and the Future” โดยได้สวมชุดผ้าไหมทอมือสีกลีบบัวจากภาคอีสาน ซึ่งเป็นชุดของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาของ น.ส.แพทองธาร เคยสวมสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นายกฯ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคน สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจกับรัฐบาลเป็นความสัมพันธ์ที่เรามีกันมาอย่างยาวนาน และสมาคมมีหน้าที่ในการตั้งคำถาม ตรวจสอบ มีคำถามจากประชาชน เพื่อถามและได้คำตอบจากรัฐบาล เพื่อสื่อสารต่อให้ประชาชนได้รับรู้เข้าถึงข้อมูลของรัฐบาล เข้าใจการทำงานของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ถือได้ว่าเราทั้งสองฝ่ายเป็นกลุ่มที่ทำงานเพื่อประชาชน มีประชาชนเป็นเป้าหมาย แต่ละคนทำหน้าที่ต่างกันในความรับผิดชอบของตัวเอง
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนคนรุ่นใหม่หรือรุ่นไหนก็ตามที่มีความตั้งใจความพยายามในการทำธุรกิจ SME โดยจะลดต้นทุนให้ทั้งหมด ฉะนั้นขออนุญาตบอกผู้สื่อข่าว หากมีข้อมูลอะไรดีๆ รัฐบาลพร้อมรับฟังและนำข้อมูลเหล่านี้ไปแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง เพราะพูดเสมอว่าจริงๆ แล้วถ้าเราอยู่ในปัญหาก็จะเห็นปัญหาได้ในมุมหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ามีคนที่ช่วยกันดู วิเคราะห์ ซัปพอร์ตหลายด้านจะเห็นปัญหาได้ครบขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดยิ่งขึ้น รัฐบาลต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อที่จะแก้ปัญหาของประชาชนให้ดีที่สุด
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Thailand 2025: Opportunities, Challenges and the Future” ว่า ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 2.7% บวกลบ แต่มองว่าควรจะขยายตัวได้มากกว่านี้ หลังจากในช่วงมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจไทยขยายตัวค่อนข้างมาก โดยปีที่ผ่านมาจีดีพีเติบโตได้แค่ 1.9% เท่านั้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยมองว่าควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยอย่างต่ำควรอยู่ที่ 2% ดังนั้นจำเป็นต้องพิจารณารอบด้านว่าวันนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาพอะไร และต้องแก้ปัญหาที่มีอยู่ ต้องมองเงื่อนไขที่จะเดินไปข้างหน้า ซึ่งเรียกความความท้าทายและโอกาสที่จับต้องได้
"ปีนี้เดาว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ 2.7% บวกลบ คิดว่ามันควรจะมากกว่านี้ แต่มีน้ำท่วมเข้ามาแทรก ส่วนปี 2568 หากอยู่บนสิ่งที่เห็น การขยายตัวน่าจะได้ถึง 3% บวกลบ ซึ่งผมคิดว่า 3% แต่ก็คิดว่ามันควรจะขึ้นไปได้มากกว่านี้ เราอาจจะมองลึกไปถึงตอนที่เศรษฐกิจเคยขยายตัวได้ถึง 5% เศรษฐกิจมันโตมาในระดับหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็นคือเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ที่ 3.5%" นายพิชัยระบุ
สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ปัจจุบันได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 89% ของจีดีพี หรือ 12 ล้านล้านบาท จากก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปอยู่มากกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งมองว่าไม่ควรจะมีหนี้เกิน 14 ล้านล้านบาท ดังนั้นจึงเหลือช่องแค่ 1 ล้านล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งการที่หนี้ครัวเรือนปรับลดลงมานี้ ไม่ได้มาจากการแก้ปัญหา แต่เป็นเพราะมูลค่าจีดีพีที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินชะลอการปล่อยสินเชื่อทั้งประชาชนและภาคเอสเอ็มอี สะท้อนว่าคนที่เป็นกำลังของประเทศกำลังประสบปัญหาหนี้ท่วม ส่วนหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่ 65-66% โดยรัฐบาลพยายามรักษาวินัยการเงินการคลังเพื่อไม่ให้หนี้สูงเกินกว่ากรอบที่ 70% ต่อจีดีพี ด้านนโยบายการเงินของไทย อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 2.50% เป็นระยะเวลานาน แต่มีคนเรียกร้องให้ปรับลดต่ำลงมาอีก
นายพิชัยกล่าวว่า จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับครัวเรือน โดยภาระการจ่ายหนี้ต้องลดลง ให้คนมีโอกาสที่จะใช้จ่ายยาวขึ้น ดอกเบี้ยน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย เพื่อดำเนินโครงการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับภาคครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้รถกระบะ และหนี้ที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนเร็วๆ นี้ เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้
"นักลงทุนต่างชาติมีความต้องการเข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก คิดเป็นวงเงินหลายแสนล้านบาท และต้องการลงทุนในระยะยาวมากขึ้น ซึ่งการเข้ามาปักฐานการลงทุนในไทยหากมีสัญญาเช่าที่ดินที่นาน เช่น 99 ปี น่าจะเป็นโอกาสที่ดี แต่หากไม่มีสัญญาเช่าที่ดินที่นานขนาดนี้ อาจจะทำให้การเข้ามาลงทุนของต่างชาติเกิดยากขึ้น อย่ามองว่าทรัพย์พวกนี้จะตกไปที่ต่างชาติ อย่างที่ดินของรัฐที่เยอะนั้น เอามาสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย แล้วก็ให้เช่าในราคาถูกระยะเวลานาน” นายพิชัยระบุ
ขณะที่ นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า จากการหารือเรื่องกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 ระหว่าง รมว.การคลังและผู้ว่าการ ธปท. เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ทั้งกระทรวงการคลังและ ธปท.ต่างมีความเห็นร่วมกันว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสม และมีเป้าหมายร่วมกันที่จะให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามศักยภาพ และมีการลงทุนเพิ่มขึ้น
โดยการดำเนินการเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายร่วมกันนั้น หน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คือการดูแลภาวะเศรษฐกิจการเงินให้เหมาะสม และเอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ โดยการใช้เครื่องมือแบบผสมผสานตามที่ได้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย การดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนเกินไป มาตรการทางการเงินในการแก้หนี้ ซึ่งเป็น Policy package ที่สร้างสภาวะแวดล้อม และบรรยากาศทางการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ทั้งกระทรวงการคลังและ ธปท.ยังเห็นพ้องกันว่าไม่ต้องการเห็นภาวะเงินฝืด หรือการที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งในกรณีอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำที่ไม่พึงประสงค์นั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจะฟื้นขึ้น ขยายตัวเร็วขึ้น และเงินเฟ้อจะสูงขึ้น อยู่ภายในกรอบ 1-3% เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นธรรมชาติของเศรษฐกิจที่อุปสงค์เพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ปัจจัยอุปทาน ปัจจัยเชิงโครงสร้าง ไม่ได้หน่วงจนเงินเฟ้อต่ำ ทุกฝ่ายก็เห็นด้วยกันว่าเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป็นสิ่งที่ดี
สำหรับกระบวนการกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อร่วมกันของกระทรวงการคลังและ ธปท.นั้น ยังคงเดินไปตามกระบวนการปกติที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งไปตามปกติที่จะต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายนโยบายการเงินในปี 2568 ต่อไป
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังเสนอให้ ธปท.เพิ่มการดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน มารวมอยู่ในการพิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินด้วยนั้น นายปิติกล่าวว่า เรื่องค่าเงินไม่ได้เป็นเป้าหมายขั้นสูงสุด แต่เป็นเพียงตัวแปรหรือองค์ประกอบที่สำคัญตัวหนึ่งของภาวะการเงิน ที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดในเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่ง ธปท.ดูแล และมีการติดตามเรื่องค่าเงินอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องความผันผวนที่หากเกินเลยไปจากปัจจัยพื้นฐาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
นายกฯ อิ๊งค์บอกตำรวจอยากดูแล ปท.แบบคนรุ่นใหม่มีอะไรคุยกันได้
นายกฯ มอบนโยบายตำรวจ ขอดูแลปชช.ช่วงปีใหม่ เชื่อ ตร.ภายใต้การนำ ”บิ๊กต่าย“ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข-ปลอดภัย บอกอยากดูแลประเทศแบบคนรุ่นใหม่ มีอะไรคุยกันได้