สภาฉลุย‘กม.ห้ามตีเด็ก’ ขนส่งทางรางยึดร่างรบ.

สภาผ่านฉลุย “กม.ห้ามตีเด็ก” “ณัฐวุฒิ”  ชี้แม้ไม่มีคำว่า “ไม่เป็นการเฆี่ยนตี” ไม่ได้หมายความว่าผู้ปกครองจะทำร้ายบุตรได้ เหตุยังมี กม.คุุ้มครองเด็กเอาผิดอยู่ ส่วน พ.ร.บ.ขนส่งทางรางผ่านฉลุย ที่ประชุมโหวตรับหลักการ 406 เสียง ยึดร่างรัฐบาลเป็นหลักพิจารณา 

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่.. พ.ศ..… หรือกฎหมายห้ามตีเด็ก ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาวาระที่ 2 และวาระที่ 3

นายสรรพสิทธิ์​ คุมพ์ประพันธ์ ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ในที่ประชุม กมธ.ได้มีการถกเถียงกัน โดย  กมธ.เสียงข้างมากให้มีวลีที่ว่า “ไม่เป็นการเฆี่ยนตี”  ส่วน กมธ.เสียงข้างน้อยเห็นว่าไม่ต้องมีข้อความว่า เป็นการเฆี่ยนตี นอกจากนี้ กมธ.ได้มีข้อสังเกตเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกฎหมายในความรับผิดชอบ และดำเนินการให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

โดยที่ประชุมแสดงความคิดเห็นว่า การทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน หรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ เช่น น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.   พรรคประชาชน อภิปรายว่า การไม่ตีเด็ก หรือการทารุณกรรม ยังเป็นหลักการสากลที่ยอมรับกัน และในฐานะที่ตนมีลูก 2 คน ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ตนยังไม่เคยตีลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเชื่อว่าถ้าเราไม่ตีลูกก็สามารถสั่งสอนด้วยวิธีการอื่นได้   หากในบ้านยังมีการตีเพราะความรักหรือเพื่อการสั่งสอน เราจะไม่สามารถสอนบุตรหลานของเราในอนาคตได้เลยว่าการทำร้ายกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี  เพราะฉะนั้นการเขียนปกป้องเด็กระบุไปในกฎหมายแพ่งครั้งนี้ เป็นเพียงเราต้องการจะจุดประกายในการที่จะเริ่มต้นคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่จะเป็นบุคลากรของประเทศในอนาคต ที่จะปลอดภัยจากการถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ  และอยากจำว่าปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการบ่มเพาะในวัยเด็กตั้งแต่ 0-6 ขวบ ที่อาจจะได้รับการเลี้ยงดูมาไม่สมบูรณ์ มีการตีหรือมีการทำร้าย ทำให้เกิดปัญหาในสังคมในปัจจุบัน

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ใน กมธ.มีการถกเถียงกันมาก และเสียงข้างมากยังยืนยันว่าอยากให้มีการใส่คำว่า "ไม่เป็นการเฆี่ยนตี" ในกรณีการลงโทษ หรือการปรับพฤติกรรมของพ่อ แม่ผู้ปกครอง แม้ กมธ.เสียงข้างน้อยจะตัดคำว่า “ไม่เป็นการเฆี่ยนตี” ออกไป ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ปกครองจะสามารถเฆี่ยนตีบุตรได้ เพราะการเฆี่ยนตีเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ในการสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรเชิงบวก หรือแม้กระทั่งการเฆี่ยนตีด้วยความรุนแรงที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจนั้น ก็ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กหรือประมวลกฎหมายอาญาอื่นที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับเสียงข้างน้อย  253 เสียง ให้ตัดคำว่า “ไม่เป็นการเฆี่ยนตี” เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก ให้ใส่คำว่า “ไม่เป็นการเฆี่ยนตี” 145 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

จากนั้นเป็นการลงมติวาระ 3 ที่ประชุมเห็นด้วย 391 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง ถือว่าที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และเห็นด้วยกับข้อสังเกต จากนั้นจะส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามมติที่ประชุมร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ.....ทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างของคณะรัฐมนตรี ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคประชาชน ที่ได้ค้างการลงมติมาจากการประชุมครั้งที่แล้ว

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี อภิปรายว่า  ขอบคุณ สส.ที่ได้ร่วมอภิปราย พ.ร.บ.การขนส่งทางราง แต่เนื่องจากมีร่าง พ.ร.บ.อยู่ 3 ร่าง ขอเสนอประธานสภาฯ ให้ลงมติรับหลักการในคราวเดียวกัน และตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา

จากนั้นได้มีการลงมติ ผลปรากฏว่า เห็นด้วย 406 ไม่เห็นด้วย 0 งดออกเสียง 0 ไม่ลงคะแนน 4 ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ในวาระ 1 รับหลักการทั้ง 3 ฉบับ และมีการเสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวนทั้ง 31 คน

 ภายหลังการลงมติ สส.พรรคเพื่อไทยเสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้ใช้ร่างของคณะรัฐมนตรี หรือร่างของรัฐบาลเป็นหลักในการพิจารณา แต่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ขอให้ใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นหลัก ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม สอบถามมติที่ประชุมอีกครั้ง โดยเสียงส่วนใหญ่ เห็นด้วย 265 ไม่เห็นด้วย 144 ให้ใช้ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก พร้อมทั้งกำหนดวันประชุมนัดแรก วันที่ 1 พ.ย.

ถัดมาที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่…) พ.ศ….. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) ได้พิจารณา ซึ่งเป็นวาระต่อเนื่องหลัง ในมาตรา 4 หลังจากที่ กมธ.ขอถอนรายงานออกจากวาระเพื่อปรับปรุงแก้ไข หลังจากที่ถูกสภาทักท้วง เนื่องจากการพิจารณาของ กมธ.ในรอบแรกนั้นมีการแก้ไขที่ขัดต่อหลักการ

ทั้งนี้ ในการพิจารณาไม่สามารถลงมติได้ เนื่องจาก สส.ของพรรคภูมิใจไทยลุกทักท้วงว่า การแก้ไขของ กมธ.นั้นไม่สามารถลงมติเห็นชอบได้  เพราะยังมีเนื้อหาที่ไม่ตรงกับหลักการ ขณะที่ สส.ของพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์  สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่าในเนื้อหาตนมองว่าสามารถเห็นชอบได้ แต่หากยังมองว่ามีเนื้อหาที่ขัดหรือแย้งกันนั้นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี ในการอภิปรายยังคงถกเถียงว่าเนื้อหาที่ กมธ.แก้ไขนั้นจะขัดต่อหลักการหรือไม่  และสามารถลงมติเห็นชอบได้หรือไม่ ซึ่งมีประเด็นที่โต้แย้งกันถึงการแก้ไขเนื้อหาที่ตรงกับหลักการของร่างกฎหมายที่ผ่านชั้นวาระรับหลักการที่มีถึง 3 ฉบับในฉบับใดหรือไม่ พร้อมกันนี้มีผู้เสนอให้ กมธ.ถอนเนื้อหาออกไปเป็นครั้งที่ 2 เพื่อแก้ไขอีกครั้ง

ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคประชาชน อภิปรายว่า การพิจารณาแก้ไขของ กมธ.นั้น เป็นไปตามหลักการของร่างกฎหมายที่รับไป อย่างไรก็ดี ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ถอนรายงานของ กมธ.ออกไป เนื่องจากจะติดปัญหาว่าหากร่าง พ.ร.บ.ใดถูกตีตกในสมัยประชุมใด จะไม่สามารถเสนออีกได้ในสมัยประชุมเดียวกัน ดังนั้นต้องการให้เดินหน้าพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ที่ระบุให้เดินหน้าพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาของสภานั้น พบว่าในมาตรา 4 มาตรา 5 มาตราที่เพิ่มใหม่ จำนวน 2 มาตรานั้น มติของสภาไม่เห็นชอบด้วย

จากนั้นก่อนการลงมติวาระ 3 นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. ลุกขึ้นอภิปรายว่า “ก่อนโหวตวาระ 3 ไม่อยากให้นำร่างกฎหมายถูกขยายความหรือนำไปเป็นประเด็นการเมือง ผมเข้าใจดีว่า สส.หลายคนห่วงเรื่องหลักการ เป็นหน้าที่ของวิปที่ไปคุยกัน แต่สิ่งที่ผมอยากฝากว่า หากวาระ 3 มีปัญหาไม่ผ่าน  อย่านำไปเล่นประเด็นการเมือง”

อย่างไรก็ดี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า การทำงานในสภาปีกว่า มีความเกรงใจกัน ทุกคนเสนอร่างกฎหมายประกบกันเข้ามาทุกร่าง ไม่ได้ทิ้งร่างทั้งที่ไม่เป็นทำนองเดียวกัน เพราะเกรงใจกัน ทำให้การประชุม กมธ.จึงเกิดปัญหา ขอเชิญวิปหารือกันว่าเป็นทำนองเดียวกันหรือไม่ ถือเป็นบทเรียนเข้ามา 3 ครั้งแล้วเป็นปัญหาฝากให้วิปพิจารณาก่อนว่าทำนองเดียวกันหรือไม่เพื่อไม่เกิดปัญหา

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ พบว่าเห็นชอบ 4 เสียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย 405 คน งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 ถือว่าที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากไม่เห็นชอบ เป็นอันว่าตกไปตามข้อบังคับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง