มติพท.ชงนิรโทษไม่รวม112

"พท." เคาะมติเห็นพ้องเสนอร่าง กม.นิรโทษกรรมประกบ หวังสร้างสมานฉันท์ "วิสุทธิ์"   ย้ำชัดไม่นิรโทษฯ คดีมาตรา 110-112 ชี้ใครเสนอก็เดือดร้อนโดนตีตกหมด "ฝ่ายค้าน" ซัดเพื่อไทยกลับลำนิรโทษฯ จี้รัฐบาลตอบจุดยืนให้ชัด "รังสิมันต์" สวดยับ บอกถ้าเป็น “ภูมิธรรม” วันนี้คงรับตัวเองไม่ได้ "จุลพันธ์" ปัดฟันธง พ.ร.บ.กาสิโนคลอดทันปีนี้หรือไม่ มั่นใจหากผ่านสภาฉลุยแน่ "ภท." ระบุหากผลประโยชน์เพื่อ ปชช.ไม่ขัดข้อง “พปชร.” เตรียมยื่น จม.เปิดผนึกถึงนายกฯ ยกเลิก MOU 2544 หวั่นเสี่ยงเสียเกาะกูด

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ตุลาคม 2567 เวลา 12.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมหน้า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะมีร่างของพรรคเข้าไปด้วยหรือไม่ว่า อันนี้ต้องคุยกันก่อน แต่ขอให้ความมั่นใจว่าเดี๋ยวเปิดประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีข้อสรุปเรื่องนี้

ถามว่า จะมีร่างของพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคจะต้องคุยกันก่อนว่าจะอย่างไรบ้าง

ซักว่านโยบายจะต้องไม่แตะมาตรา 112 ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แน่นอน ต้องไม่แตะเรื่อง 112 อันนี้เป็นสิ่งที่เราย้ำอยู่แล้ว และในการร่วมรัฐบาลเราก็ย้ำเรื่องนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ตกลงในข้อนี้ว่าจะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 อันนี้ชัดเจน

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่อาคารชินวัตร 3 มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท., นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน สส.พรรค  เป็นประธานการประชุม โดยมี น.ส.แพทองธาร รวมทั้งรัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาร่วมประชุมประจำสัปดาห์กับ สส.ด้วย

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้คิดถึงทุกคน เพราะที่ผ่านมางานยุ่ง และพยายามเคลียร์ให้ได้เยอะที่สุดเพื่อที่จะได้มาประชุมพรรคได้ทัน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ สส.ทุกท่านที่สภาไม่ล่มเลย ต้องขอชมทุกๆ คนที่ร่วมมือกันทำให้การประชุมเป็นไปได้ด้วยดี

มีรายงานว่า ในการประชุม สส.เพื่อไทย เมื่อเริ่มต้นการประชุม สส.หลายคนได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการลงมติข้อสังเกตรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่สร้างความสับสน เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้เห็นชอบข้อสังเกตดังกล่าว ข้อเท็จจริงคือให้เป็นเอกสิทธิ์ สส.ในการโหวตเท่านั้น   ระหว่างนั้น นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวกับ สส.ว่า เรื่องบางเรื่องพรรคควรมีมติให้ชัดเจน อย่างการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ขณะนี้มีอยู่ในสภา 4 ฉบับ พรรคควรมีมติออกมาให้ชัดเจน ควรมีบทบาทเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของตัวเอง ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในประเทศ จึงขอเสนอให้พรรคมีมติเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบ 4 ร่างเดิม แต่ไม่ให้มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และมาตรา 112

จากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ   ในฐานะประธาน สส. กล่าวเสริมว่า ถ้าเช่นนั้นขอให้ที่ประชุมลงมติ สส.ต่างพร้อมใจยกมือสนับสนุนพร้อมเพรียงให้พรรคเพื่อไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยไม่รวมความผิดมาตรา 110 และมาตรา 112 และมอบให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไปยกร่างกฎหมายมาเสนอต่อไป

ต่อมานายวิสุทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมพรรคหารือถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดย สส.เห็นตรงกันให้มีมติพรรคเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในนามพรรคเพื่อไทยในสมัยประชุมสภาหน้า ไปประกบกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4  ฉบับที่ค้างอยู่ในสภาขณะนี้ โดยให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมไปยกร่างกฎหมาย

 "เนื้อหาส่วนใหญ่จะยึดตามรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่จะไม่มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และ 112 เพราะกระแสขณะนี้ไม่มีพรรคใดเอานิรโทษฯ มาตรา 112 ถ้าเสนอไปก็เดือดร้อนหมด เสนอไปก็ตกอยู่ดี ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดจะนิรโทษกรรมมาตรา 112 แค่บอกจะหาแนวทางนิรโทษกรรมคดีการเมือง ดังนั้นการไม่นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 จึงไม่ถือว่าพรรคเพื่อไทยผิดคำพูด" นายวิสุทธิ์กล่าว

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวถึงร่างนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาในสมัยประชุมหน้า พรรค ภท.จะเสนอร่างของพรรคหรือไม่ว่า ไม่มีความจำเป็น  เพราะพรรคยึดหลักที่ชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรม เราไม่ได้มีปัญหากับเรื่องมาตรา 112 เราจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอร่างของเราเอง

"ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดทั้ง 4 ร่าง แต่จุดยืนของพรรคยังเหมือนเดิม คือไม่นิรโทษกรรม 112 และขอย้ำว่าพรรค ภท.ไม่ได้คัดค้านการนิรโทษกรรม เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112" นายไชยชนกกล่าว

ถามถึงกระแสข่าวพรรคฝ่ายค้านเตรียมขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายไชยชนกกล่าวว่า เราเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ  (ส.ส.ร.) แต่จะต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 รวมถึงเรื่องที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เช่น การแก้หมวดจริยธรรม ขณะเดียวกันจะต้องรอผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

"ส่วนตัวคิดว่าเรื่องรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ควรต้องยึดหลักผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง และผู้โหวตเห็นชอบต้องเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง หรือเสียงข้างมาก 2 ชั้น" เลขาฯ พรรค ภท.กล่าว

ปชน.ซัด พท.กลับลำนิรโทษฯ 112

ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม  ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขที่เสนอโดยพรรค รทสช.ว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเสนอไปตั้งแต่ก่อนมีการศึกษาแนวทางการตราร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว จุดยืนของพรรคประกาศชัดเจนว่า การนิรโทษกรรมจะต้องไม่รวมผู้กระทำความผิดมาตรา 112 เรื่องทุจริต และเรื่องฆ่าคนตายคดีอาญาร้ายแรง

"3 ส่วนนี้ต้องไม่นำเข้าไปอยู่ในเงื่อนไขของการนิรโทษกรรม แต่ถ้าเป็นการนิรโทษกรรมทางการเมือง เราไม่มีปัญหา ซึ่งเท่าที่ฟังทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาเห็นตรงกัน ขณะที่ทางพรรค พท.เองได้ประกาศชัดไม่แตะเรื่องมาตรา 112" เลขาฯ พรรค รทสช.ระบุ

เช่นเดียวกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า  จุดยืนของพรรคชัดเจนไม่ยุ่งเกี่ยวกับความผิดมาตรา 112 ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเรา ส่วนร่างของพรรค รทสช.ก็เป็นแนวทางที่เราคุยกันไว้ และแม้จะมีหลายฉบับก็ไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืน คือไม่แตะมาตรา 112 เหมือนเดิม

ด้าน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุยืนยันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรค พท.ที่จะเข้าสภาในสมัยประชุมหน้า จะไม่รวมการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องมาตรา 112 ว่า สิ่งที่ประชาชนจับตามองคงไม่พ้นความไม่เป็นเอกภาพของพรรค พท.ที่มีต่อร่างรายงานการศึกษาการนิรโทษกรรม ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวชี้วัดต่อหลักการของพรรค พท. ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ถึงความหวาดกลัวพรรคร่วมรัฐบาลจนไม่กล้าทำอะไร แม้แต่รักษาสัจจะคำมั่นและหลักการให้เพื่อนร่วมงานพรรคตนเอง

"มีอย่างน้อย 3 ประเด็นที่รัฐบาลควรต้องตอบให้ชัดเจน และเอาจริงเอาจังกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือ 1.พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย โดยไร้มาตรา 112 จะยื่นเข้าสภาเมื่อไร 2.ในชั้นกรรมาธิการนิรโทษกรรม กมธ.สัดส่วนตัวแทน พท.ออกเสียงเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมรวมมาตรา 112 ไว้แบบมีเงื่อนไข แต่เพราะเหตุใดวันนี้ พท.จึงกลับลำ 3.พท.ต้องตอบประชาชนให้ได้มีจุดยืนเรื่องการนิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับพรรคเพื่อไทยผ่านจริง พรรคเพื่อไทยจะเอานักโทษคดีการเมืองมาตรา 112 เหล่านี้ไปไว้ตรงไหน" น.ส.ศศินันท์กล่าว

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า สำหรับนายภูมิธรรม ตนเองทราบดีว่าคนเดือนตุลาก็มีอุดมการณ์ที่หลากหลาย  สิ่งที่เคยต่อสู้ในวันนั้นอาจจบลงไปแล้ว แต่คุณมองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การชุมนุมปี 2563 การต่อสู้ของภาคประชาชน ไม่เห็นตัวเองในนั้นบ้างเลยหรือ

 “ถ้าสมมติว่าผมเป็นคนแบบคุณอ้วน ภูมิธรรม  ผมคงรับตัวเองไม่ได้นะ อะไรทำให้การตัดสินใจของท่านในการคลี่คลายความขัดแย้ง ทั้งที่ตัวเองมีโอกาสแล้ว ความจริงคุณภูมิธรรมเคยเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสังคม เคยถูกกล่าวหา วันนี้บ้านเมืองของเราต้องการโอกาสที่ 2 เราต้องการการนิรโทษกรรม” นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่า มองนายภูมิธรรมอาจจะได้รับใบสั่งมาหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่อยากไปสรุปว่ามีใบสั่งหรือไม่มี แต่อยากให้มองว่านี่คือโอกาสที่สังคมไทยจะได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ วันนี้ท่านได้อยู่ในอำนาจแล้ว อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มันจะเป็นบาดแผลครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เฉพาะของสังคมไทย แต่จะเป็นบาดแผลของตัวท่านเองด้วย

วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.…. หรือกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่ากว่าจะเข้าสภา รับหลักการ  และตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) จนส่งต่อให้วุฒิสภา ก็ใช้เวลาอีกพอสมควร เป็นเรื่องปกติ

นายจุลพันธ์ปฏิเสธตอบกรณี กม.ดังกล่าวจะทันปีนี้หรือไม่ รวมทั้งยืนยันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่คือความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงเวลาในสภาก็เข้ากันไปอภิปราย และ กมธ.ก็แก้ไขตามนั้น ไม่มีอะไร ฉลุยอยู่แล้ว เพราะเป็นนโยบายที่ประกาศอยู่ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่จะช่วงไหนตนตอบไม่ได้จริงๆ เพราะต้องรอคิว

ถามว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนควรทำให้เสร็จภายในปีนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนที่เราจะทำให้เสร็จ แต่จะกำหนดไม่ได้ว่าต้องเสร็จภายในกี่เดือน เพราะเป็นการแก้ไขและยกร่างกฎหมายใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา

พปชร.ทำ จม.จี้ปมเกาะกูด

ส่วนนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า เราต้องขอดูร่างกฎหมายดังกล่าวก่อน แต่จุดยืนของเราไม่เคยเปลี่ยน อาทิ ผลประโยชน์ต้องไม่กระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และต้องกระจายทั่วถึงไปที่พี่น้องประชาชน และต้องสร้างโอกาสและไม่เอาเปรียบกัน ซึ่งตนเชื่อว่าหากนำข้อเสนอของตนไปศึกษาก็อาจจะมีรูปแบบอื่นๆ ที่นำเสนอออกมา ซึ่งเราก็ไม่ขัดข้องอะไร

ถามว่า พรรค ภท.เห็นชอบในหลักการให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใช่หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า สิ่งที่เราเห็นด้วยคือสิ่งที่รับรู้ว่ามันมีในสังคม ที่รับรู้ว่าเป็นสีเทา-สีดำ ที่จะต้องทำให้มาอยู่บนดิน เพื่อทำมาก่อให้เกิดประโยชน์ อาทิ เก็บภาษี เก็บข้อมูลได้ เพื่อเราจะนำมาพัฒนาหรือควบคุมเพื่อประโยชน์ต่อสังคม

ซักว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จำเป็นต้องเปิดที่จังหวัดบุรีรัมย์หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า ไม่จำเป็น และเรื่องนี้ไม่อยู่ในระบบการคิดตั้งแต่แรก และหากเป็นแนวทางที่ถูกต้องก็มีอยู่ทั่วประเทศได้ และหากพื้นที่ไหนมีศักยภาพก็สามารถตั้งได้ ไม่ใช่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง และต้องสามารถตั้งได้ในทุกๆ ที่อย่างเท่าเทียม

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะแกนนำพรรค พท. กล่าวถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพลกว่า 57% ระบุมองรัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบเทอมว่า ตนว่าไม่น่าจะไปสนใจอะไรประเด็นนี้ บางครั้งเวลาเลือกตั้ง โพล 85% ก็ยังไม่ใช่ สุดท้ายก็แพ้  เอาแน่เอานอนบางเรื่องบางราวไม่ได้ แต่เอาเป็นข้อมูลให้ไว้วิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นความสนุกสนานเป็นอาหาร

ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวถึงกรณีโพลมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ 57% ระบุไม่เชื่อมั่นการทำงานของพรรคฝ่ายค้านว่า เราไม่เสียกำลังใจ และจะใช้การทำงานอย่างหนักของเราพิสูจน์ในอนาคต สมัยประชุมนี้จบไป สมัยประชุมหน้าเราจะกลับมาอย่างเต็มที่แน่นอน แล้วจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น

ที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรค พปชร. แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค พปชร.ว่า ในวันที่ 30 ต.ค. ที่รัฐสภา ทีมงานของพรรคนำโดยตน และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมทั้ง พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกพรรค จะแถลงข่าวเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 2544 และจะทำการยื่นจดหมายเปิดผนึกแก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าวว่า เอ็มโอยูที่รัฐบาลจัดทำขึ้นร่วมกับประเทศอื่นนั้น มีเส้นเขตแดนที่ขัดและแย้งกับพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดยพระบรมราชโองการนี้ได้ใช้อนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งจัดทำ ณ กรุงเจนีวา วันที่ 29 เม.ย.1958 โดยเกาะกูดเป็นของไทย แต่ในเอ็มโอยูดังกล่าวมีเส้นของเพื่อนบ้านทับเกาะกูด เมื่อขัดกันแล้วสุ่มเสี่ยงที่ต่างประเทศจะนำไปอ้างเหมือนกับที่เราสูญเสียเขาพระวิหาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่สมควรทำ ควรจะยกเลิก

"จะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ เราจะยึดถือตามพระบรมราชโองการเมื่อปี 2516 ไม่ว่าจะถูกเหน็บแนมว่าคลั่งชาติอย่างไรก็ตาม แต่เราจะยึดตามอย่างถึงที่สุด" ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี กล่าวถึงเรื่องเกาะกูดและ MOU 2544  การแบ่งปันผลประโยชน์พื้นที่ทางทะเลอย่างเป็นทางการว่า จากการพูดคุยกับทีมกฎหมายหลายคน ยืนยันหากรัฐบาลยังคงเดินหน้า แม้ว่าจะได้ผลประโยชน์ร่วมกันมาแล้ว ประเทศไทยก็ยังมีความเสี่ยงสูญเสียดินแดนทางทะเล มีความเป็นไปได้สูงมากที่เหตุการณ์นี้จะซ้ำรอยการสูญเสียเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา

"เรื่องนี้หากไปยอมรับทำเอ็มโอยูแล้ว หากมีการขึ้นสู่ศาลระหว่างประเทศ จะทำให้ไทยเสียเปรียบ เพราะไปทำเอ็มโอยูยอมรับการรุกล้ำทางทะเล และทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน ดังนั้นรัฐบาลต้องไม่ยอมรับ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยเสียพื้นที่ทางทะเล" นพ.วรงค์กล่าว

นอกจากนี้ นพ.วรงค์ได้เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณียื่นคำร้องขอให้ยุบพรรค พท. ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าครอบงำ ชี้นำพรรค โดยได้ยื่นข้อมูลเพิ่มเติมให้ กกต. 3 ประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเปิดได้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหลักฐานชิ้นนี้จะเอาผิดพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ