คกก.กลั่นกรองดีเอสไอฟันคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ผิดแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมพ์ ขณะที่ “บอสพอล” ประชุมเข้ม 11 บอสชายสู้คดีในคุก จ่อดำเนินคดีพิธีกรอักษรย่อ “ค.” ด้าน "อนุทิน" บอก "เอกภพ สายไหมต้องรอด" ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา รมว.มท.1 แล้ว ขณะที่ "สามารถ" ชิงลาออก ส่วน พปชร.โยนขี้อดีต กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค เป็น “รมช.” ปล่อยผีตั้งแต่ปี 61-โยงนักการเมืองอดีตกลุ่มสามมิตร พท.มีเอี่ยว
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ร่วมกันให้สัมภาษณ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระยะเวลา 2 ชม. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของสำนวนคดี และการดำเนินการของตำรวจทั้งหมด เพื่อส่งมอบให้ดีเอสไอรับไปดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 นั้น
ร.ต.อ.วิษณุกล่าวว่า 28 ต.ค.2567 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้ส่งสำนวนให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยดีเอสไอจะมีการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษได้ 2 ช่องทางคือ 1.ความผิดตามบัญชีท้าย หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และ 2.หากไม่ได้อยู่ในบัญชีท้ายก็จะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งในกรณีนี้ทางอธิบดีดีเอสไอได้มอบหมายให้ตนในฐานะประธานกลั่นกรองการรับเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 (1) ซึ่งจะเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ ประกอบกับ พ.ร.บ.คอมพ์ ส่วนนี้จะอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 จึงได้เชิญพนักงานสอบสวนของ บช.ก. และผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน อันเป็นประโยชน์ให้คณะกรรมการกลั่นกรองได้พิจารณาในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เราจะรับข้อเท็จจริงและพิจารณาพยานหลักฐานว่าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายอย่าง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ มีลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่เท่าที่รับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.คอมพ์ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อรีบเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษใน 2 ความผิดนี้ต่อไปในช่วงบ่ายวันนี้
ร.ต.อ.วิษณุเผยอีกว่า การจะสอบปากคำผู้ต้องหารายใดเพิ่มเติม ดีเอสไอจะประชุมร่วมกันกับตำรวจเพื่อพิจารณาว่าส่วนใดบ้างที่ บช.ก.อยากจะดำเนินการ อีกทั้งเรื่องหมายจับของผู้ต้องหากลุ่มถัดไป ดีเอสไอขอดูที่พยานหลักฐานสำคัญที่ต้องเพียงพอตามสมควร และเราต้องพิจารณาร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง จะทำอย่างมีประสิทธิภาพ และจะทันผัดฝากขังผู้ต้องหาแน่นอน เพราะข้อกล่าวหา พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ สามารถขยายเวลาฝากขังได้ถึง 7 ฝาก แต่เราก็ต้องรีบพิจารณารวดเร็วด้วย
ทั้งนี้ จะได้มีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมทั้งจะเชิญผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทุกด้านมาเป็นที่ปรึกษาในคดีเช่นเดียวกัน เพราะเราต้องดูการต่อสู้ของผู้ต้องหาและประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์ การเสียภาษี เป็นต้น เนื่องด้วยเขาอยู่ในวงการขายตรงมาหลายปี
จ่อฟ้องพิธีกร 'ค.'
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเอกสารมอบอำนาจการเป็นทนายความมาให้ “บอสแล็ป” เซ็นมอบอำนาจ ใช้เวลาในการเข้าเยี่ยมราว 1 ชั่วโมง ก่อนออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ล่าสุดตัวเองเป็นทนายความดูแลคดีดิไอคอนกรุ๊ปให้กับ 11 บอสผู้ต้องหา จากทั้งหมด 18 บอสแล้ว วันนี้ได้มีการเยี่ยมบอสพอลและบอสแล็ป และมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร เดิมทีจะไปยื่น 5 รายชื่อที่ DSI แต่เมื่อวานพนักงานสอบสวนมีการส่งสำนวนไปที่ DSI แต่ไม่รู้ว่ามีการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ตอนนี้ต้องรอให้ชัดก่อนว่าใครจะเป็นเจ้าภาพที่ทำคดี วันนี้มีการพูดคุยกันในเรื่องการต่อสู้คดี โดยตอนนี้ทีมทนายสามารถเข้าระบบโปรแกรมเมอร์หลังบ้านของ The icon ได้ทั้งหมดแล้ว รู้งานหลังบ้านและสินค้าเข้า-ออกวันไหน และส่งออกให้ใครบ้าง ยืนยันว่าไม่ใช่ธุรกิจลูกโซ่ แต่เป็นการขายผ่านตัวแทน ซึ่งตรงนี้มีข้อมูลทุกอย่าง และมีการส่งของผ่านขนส่ง DHL ทุกครั้ง สามารถรีเช็กได้ ส่วนบุคคลที่บอสพอลขอให้ดำเนินการเพิ่มอีก 2 คน เป็นคนที่พูดโจมตีบริษัทในรายการทีวี อักษรย่อ ป. ส่วนอีกคนหนึ่งยังไม่ชัดต้องหาข้อมูลก่อน เบื้องต้นทราบว่าเป็นอัยการ ซึ่งตอนนี้มีรายชื่อแม่ข่ายแล้ว 7 คน โดยพฤติกรรมทั้ง 7 คน เป็นคนขายสินค้า มีตัวแทน แต่มีวิธีการหาตัวแทนยังไงไม่ทราบ แต่ทั้งหมดได้รับผลประโยชน์และผลตอบแทนจากทางบริษัท
นอกจากนี้ คนที่บอสพอลอยากให้ดำเนินการอีกคนคือ พรีเซนเตอร์อักษรย่อ ค. เป็นพรีเซนเตอร์ก่อนคุณกันต์ กันตถาวร ตอนนี้กำลังดูสัญญาของ ค. ซึ่งคนนี้ก็ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนบอสกันต์ แต่ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ออกมาแฉในหลายรายการว่าบริษัททำไม่ถูกต้อง
หลังจากการเข้าเยี่ยมบอสพอลในวันนี้จะมีการแยกแดน แดนละ 2-3 คน บอสพอลมีการพูดคุยได้ปกติ ซึ่งบอสพอลก็มีการประชุมวางแผนร่วมกับบอสทั้งหมดในการต่อสู้คดีอยู่ตลอด ส่วนเรื่องการประกันตัว ในสัปดาห์หน้าจะมีการฝากขังครบ 1 ผัด หรือ 12 วัน จะมีการพิจารณาการขอยื่นประกันตัวของทั้ง 15 บอส ในส่วนของบอสดารา 3 คน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ สำหรับการประเมินว่าจะยื่นขอประกันตัวได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งทางทีมทนายก็ต้องมีการพูดคุยกันอย่างรอบคอบ
'สามารถ' ชิงลาออก พปชร.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการโอนคดีดิไอคอนกรุ๊ปไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ยังมีข้อกังวลอาจจะทำให้คดีล่าช้า และอาจมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาก่อนว่า ดีเอสไอกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประสานทำงานร่วมกันตลอดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องรายละเอียดทุกอย่างตำรวจได้ส่งข้อมูลสนับสนุนให้ดีเอสไอแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะล่าช้า ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมทางตำรวจก็นำส่งอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ว่าคดีจะไม่ล่าช้า นายกฯ กล่าวว่า “ใช่ค่ะๆ”
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเทวดา สคบ.ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ได้มีการประชุมและรายงานให้ทราบว่ามีการตรวจสอบคลิปเสียงที่ปรากฏขึ้นมา มีความเห็นว่าต้องขยายผล มีบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทำให้ต้องเรียกสอบพยานเพิ่มอีก 17 ปาก เป็นคนนอก 6 ปาก และเป็นคนใน 11 ปาก ส่วนที่ปรากฏตัวย่อต่างๆ ก่อนหน้านี้จะสอบไปถึงหรือไม่นั้น ตนขอให้ดูพยานหลักฐานก่อน เพราะเราสอบคนในไปถึง 11 ปาก คงจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเยอะ ส่วนเรื่องกรอบเวลา 30 วันนั้น ถือว่าตึงมาก ยิ่งดำเนินการยิ่งพบคนที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งหากระยะเวลา 30 วันไม่เพียงพออาจจะต้องมีการขยาย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาตำรวจสอบสวนกลางเตรียมเรียกนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ปมเรียกทรัพย์คดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ไม่ได้ตั้งนายเอกภพเป็นที่ปรึกษาแล้ว เรามีเรื่องอะไรที่สงสัยก็ต้องชะลอไว้ก่อน
เมื่อถามว่า นายเอกภพยังเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอยู่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ความเป็นสมาชิกใครก็เป็นได้ อย่างที่บอก เขามีความผิดหรือไม่เรายังไม่ทราบ ซึ่งการกระทำของนายเอกภพก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พรรคไม่เคยเข้าไปข้องแวะหรือเกี่ยวข้อง และนายเอกภพไม่สามารถใช้ตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทยได้แล้ว เพราะหมดไปตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เพียงแต่ตนยังอยู่ที่เดิม และยังไม่ได้ตั้งใครเป็นที่ปรึกษา
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส.พรรค ถึงกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรค พปชร. ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอนว่า นายสามารถได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่านายสามารถลาออกเอง และขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้
แฉ รมช.ปล่อยผีปี 61
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ว่า เรื่องดิไอคอนถูกเพิกเฉยมาตลอดตั้งแต่ปี 61-67 ได้อย่างไร ไปเปิดดูชื่อกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ไม่ทราบว่าชื่ออะไร แต่อักษรย่อ ม. อยู่พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ ส่วนเลขานุการ กมธ. ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใน ครม.แพทองธาร ซึ่งไม่ทราบว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะกล้าสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ตรงไปตรงมาหรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องดิไอคอนเคยมีการร้องเรียนผ่านอนุ กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เรื่องถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้วจบลงอย่างไม่มีอะไร ถ้าในวันนั้นมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ผู้เสียหายคงไม่เยอะเท่าทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ม.ค.66
“สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องคล้ายๆ กับเทวดา ยังมีบุคคลที่มีชื่ออักษรย่อ ก. ธ. ส. ต. อ. และจ่าคนหนึ่ง ซึ่งบุคคลทั้ง 6 คนนี้มีความใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เป็นนักการเมืองอยู่ในพรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ ส. อ. ด. เดาง่ายๆ ว่าเทวดาอยู่ข้างหลังเป็นใคร ที่สำคัญคือจากประวัติของนายสามารถเมื่อปี 57 เป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร และปี 62 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม เสียงในคลิปต่างๆ จะเห็นว่าสามารถแต่งตั้งดีเอสไอได้ในขณะนั้น ซึ่งนายสามารถเป็นผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ย่อมสามารถหาได้ง่ายๆ ว่าใครเป็น รมว.ยุติธรรม” พล.ต.ท.ปิยะกล่าว และว่า ขอถามประธานสภาฯ จะกล้าดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ คงจะต้องช่วยกันติดตามกันอีกที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"
อิ๊งค์สนอง‘พ่อแม้ว’ ลุยปราบแก๊งโกงล้างบางมาเฟีย/โต้สนธิปั่นMOU44ลงถนน
"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ภาพแฟ้มกองโตเต็มโต๊ะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
30บาทรักษาทุกที่เฟส4 เริ่ม1ม.ค.ลดแออัดรพ.
นายกฯ คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.68
ชงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป มติกพช.ชะลอซื้อพลังงาน
นายกฯ มอบ "พีระพันธุ์" นั่งหัวโต๊ะถก คกก.นโยบายพลังงาน
เปิดศูนย์ปีใหม่ 10วันอันตราย ดื่ม-ง่วงไม่ขับ
นายกฯ เรียก ผบ.ตร.หารือ ห่วงปีใหม่ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัย
กกต.ปลุก‘กปน.’ จับโกงเลือกอบจ. พท.ทุบพรรคส้ม
กกต.ติวเข้มวิทยากรเตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบจ. กำชับ 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบต้องทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ