นายกฯ ทำขึงขังขอดูระเบียบยึดบำเหน็จบำนาญ ขรก.เอี่ยวคดีตากใบ ยันมีผลต่อการเติบโตทางราชการแน่นอน พร้อมลงพื้นที่สาม จชต.แน่ “อนุทิน” สั่งปลัด มท.ตั้ง กก.สอบ “ปลัดอำเภอท่าอุเทน” 1 ใน 8 อดีตผู้ต้องหาโผล่ทำงานวันแรกหลังคดีขาดอายุความ “โรม” หดหู่จบแบบไม่มีใครถูกดำเนินคดี แนะ “นายกฯ" เลิกมอบหมาย “ภูมิธรรม” ดูความมั่นคง หมิ่นพรรคส้มไม่ได้ "รองหัวหน้า ปชน." จ่อฟ้องคนกล่าวหาเป็นพรรคบีอาร์เอ็น มูลนิธิผสานวัฒนธรรมลั่นความทรงจำของ ปชช.ไม่หมดอายุความ จี้ลงโทษวินัย ขรก.ที่ทำผิด
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ตุลาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อเรียกร้องให้ยึดบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่เป็นผู้ต้องหาและจำเลยในคดีตากใบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ ซึ่งตนได้สั่งการและได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีเรื่องของการทำระเบียบอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีระเบียบที่สามารถยึดบำเหน็จบำนาญได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังต้องดูในข้อรายละเอียดก่อน ขอเวลานิดนึง แต่ทราบเรื่องหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อถามว่า นายกฯ จะมีโอกาสลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อไปให้กำลังใจผู้เสียหายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ มีแพลนในการลงพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว แต่ขอเรียนอีกทีว่าจะไปจังหวัดไหนอย่างไรบ้าง ยังไงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องได้ไปอยู่แล้ว และวันเดียวกันนี้ตนได้ใส่เสื้อลายของทางภาคใต้มาด้วย
เมื่อถามว่า กรณีนายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน ผู้ต้องหาในคดีตากใบ กลับเข้ามาทำงานหลังคดีหมดอายุความเพียง 1 วัน จะกระทบต่อความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ไม่จริงจังเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวเรื่องนี้ให้นายอนุทินเป็นผู้ตอบรายละเอียด เพราะได้คุยกันแล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เรามีหลักเรื่องนี้เป็นสำคัญ ฉะนั้นหาก มท.1 ไปจัดการเรื่องนี้ก็ต้องใช้กระบวนการตามกฎหมายเป็นหลักสำคัญ
เมื่อถามย้ำอีกว่า จะกระทบต่อความเชื่อมั่นฝ่ายความมั่นคงของรัฐหรือไม่ เพราะคดีจบอายุความผู้ต้องหาก็กลับมาทำงานทันที นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป และเราก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศต่อ และเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ เมื่อถามอีกว่าจะสะท้อนการเติบโตหน้าที่ทางราชการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนค่ะ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน ปรากฏตัวมาทำงานเมื่อวันที่ 26 ต.ค. หลังคดีหมดอายุความว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่านายวิษณุได้แจ้งลาช่วงวันที่ 16-18 ต.ค.67 โดยระบุว่าลาพักผ่อน แต่ภายหลังได้รับหมายจากตำรวจมาดำเนินคดีวันที่ 15 ต.ค. นายอำเภอท่าอุเทนได้ยกเลิกใบลา และสั่งให้นายวิษณุเข้ารายงานตัว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มารายงานตัว และมีการลาเพิ่มเติม ทำให้ขาดราชการ 6 วัน แต่ก็ยังไม่ถือว่าขัดระเบียบ เพราะตามระเบียบให้ลาได้ 15 วันจึงจะไล่ออกได้ จึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าในเมื่อนายอำเภอเรียกตัวแล้วเหตุใดจึงไม่มารายงานตัว เราต้องฟังเขาก่อน ส่วนบทลงโทษต้องเป็นไปตามระเบียบ
เมื่อถามว่า จะมีการสอบจริยธรรมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ใช่ ตนเคยบอกไว้ว่าคนพวกนี้คงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะมีแรงกดดันมหาศาลจากสังคม “เปลี่ยนชื่อเป็น 'เอ๊ะ' ได้เลย เพราะเจอชื่อนี้เมื่อไหร่ก็ต้องเอ๊ะไว้ก่อน ซึ่งเป็นโทษทางสังคมที่เขาจะได้รับ"
เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการเติบโตทางราชการของนายวิษณุหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คิดว่ากระทบ สมมติเขาเติบโตไปถึงจุดหนึ่งแล้วมีชื่อปรากฏขึ้นมาต้องมีคำว่าเอ๊ะแน่นอน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนการจะสั่งย้ายไป อ.ตากใบนั้น ถ้าตนสั่งก็ผิด เพราะไม่สามารถก้าวก่ายข้าราชการประจำได้ เพราะเป็นอำนาจของปลัด มท. ส่วนข้อเสนอให้ตัดบำเหน็จบำนาญ การจะลงโทษอะไรใครก็ต้องยึดตามระเบียบ เพราะหากทำผิดระเบียบจะถูกฟ้องได้
ด้านนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ นครพนม เปิดเผยว่า กรณีมีปลัดอำเภอท่าอุเทน มีชื่อในหมายจับคดีตากใบ ถึงแม้จะหมดอายุความในคดีอาญา เนื่องจากหมายจับคดีอาญาแจ้งมาทางจังหวัดนครพนม และประสานไปยังอำเภอท่าอุเทนต้นสังกัด แต่เจ้าตัวไม่มาทำงานจึงไม่เจอตัว และมีรายงานเบื้องต้นว่ามารายงานตัวทำงานเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567 หลังคดีความหมดอายุเมื่อ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ในส่วนระเบียบทางราชการ ต้องมีการตรวจสอบ พร้อมได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย เพื่อตรวจสอบเอาผิดในส่วนของการขาดราชการ โดยผลอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับกรรมการลงความเห็น มีทั้งโทษความผิดวินัยร้ายแรง
"หากขาดราชการเกิน 15 วัน แต่หากไม่เกิน จะเป็นโทษว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ ลดขั้นเงินเดือน ขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ยืนยันทางจังหวัดนครพนมไม่ได้ละเลย พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการด้วย" นางรณิดากล่าว
ปลัดท่าอุเทนขาดงานแค่ 6 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลัดที่มีชื่อในหมายจับคดีตากใบคือ นายวิษณุ เลิศสงคราม อายุ 45 ปี ปัจจุบันมีตำแหน่งปลัดชำนาญการ ฝ่ายความมั่นคง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมรับราชการทหารเรือมาก่อนในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ภายหลังได้โอนย้ายมารับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ สังกัดกรมการปกครอง และเคยมาทำงานในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.นครพนม กระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ย้ายมาสังกัด อ.ท่าอุเทน ก่อนเกิดเหตุมีหมายจับคดีอาญา ทราบว่ามีการยื่นลาพักผ่อนตั้งแต่วันที่ 15-18 ตุลาคม 2567 ก่อนมีการออกหมายจับ จึงได้มีบันทึกเสนอต่อจังหวัดนครพนม ว่าขาดราชการประมาณ 6 วัน เพื่อสอบสวนเอาผิดทางวินัยตามขั้นตอน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีตากใบ ตำรวจได้เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาทันที ที่ผ่านมาตำรวจและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนพยายามติดตามตัวผู้ต้องหาทุกคนอย่างเต็มที่แล้ว แม้ภายหลังคดีหมดอายุความ พบว่าปลัดอำเภอท่าอุเทนซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี ปรากฏกายกลับมาทำงานตามปกติ ก็ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดในการพิจารณาต่อไป ส่วนการที่ไม่สามารถตามจับผู้ต้องหาได้จะเป็นความผิดพลาดของตำรวจหรือไม่นั้น เชื่อว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อไม่สามารถตามจับกุมผู้ต้องหาคดีตากใบได้ อาจส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงขึ้น พล.ต.ท.สำราญกล่าวว่า ได้มีการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนตำรวจในพื้นที่ ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีปลัดอำเภอท่าอุเทน อดีตผู้ต้องหาในคดีตากใบ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ทันทีที่คดีหมดอายุความว่า คงรู้สึกไม่ต่างจากหลายๆ คนว่ารัฐบาลได้มีความพยายามอย่างจริงจังทุกทางที่จะเป็นไปได้ในการตามหาตัวจำเลยในคดีตากใบมากน้อยเพียงใด รัฐบาลอาจจะไม่ได้พยายามอะไรเลย การที่คดีตากใบจบแบบนี้ อาจจะเป็นความพึงพอใจของรัฐบาลแล้วที่คดีจบได้เสียที ซึ่งไม่ได้จบแบบมีความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย แต่จบแบบสุดท้าย ไม่มีใครสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองก่อนหน้านั้นที่เป็นต้นสายให้พรรคเพื่อไทยได้อีกต่อไป
นายรังสิมันต์กล่าวด้วยสีหน้าหดหู่ว่า นอกจากกรณีปลัดอำเภอคนนี้แล้ว ยังมีพฤติการณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงพฤติกรรมของนายกฯ เอง มีหลายอย่างที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรงไม่สามารถเชื่อว่ารัฐบาลมีความตั้งใจและเพียรพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายปมนี้ ซึ่งเรื่องนี้อาจกลายเป็นวิกฤตอีกครั้งหนึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล คงไม่สามารถบอกได้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร แต่ที่ผ่านมาคำขอโทษมาช้า 18 ปี อาจทำให้ความรู้สึกของประชาชนที่มองรัฐบาลชุดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ที่มองว่าถูกครอบครองโดยนายทักษิณ
“คำขอโทษ ถ้าขอโทษอย่างทันท่วงที น้ำหนักมันจะเยอะ แต่พอมันช้าไป น้ำหนักของคำขอโทษก็หายไปเยอะ สิ่งที่คนอยากเห็นไม่ใช่แค่คำขอโทษอย่างเดียว แต่คือการกระทำที่แสดงถึงความจริงใจ ซึ่งแทบไม่มี สิ่งที่ผิดพลาดของรัฐบาลนี้คือการปล่อยให้นายภูมิธรรมออกมาพูดหลายอย่างที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง นายกฯ ควรมอบหมายงานที่เหมาะสม เพราะนายภูมิธรรมได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะมาจัดการเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องความมั่นคง” นายรังสิมันต์กล่าว
ปชน.ขู่ฟ้องเป็นแนวร่วม BRN
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค ปชน.จะฟ้องบุคคลที่ออกมากล่าวหาพรรคเป็นแนวร่วมของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น ว่าคนที่ดูเรื่องนี้คือ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ที่ดูฝ่ายกฎหมาย เรื่องนี้พรรคประเมินว่ามันเลยเถิดจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไปแล้ว มีการทำกันอย่างเป็นระบบ ฉะนั้นเราจึงตัดสินใจว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ในการดำเนินคดี โดยเหตุผลที่เราตัดสินใจฟ้องในกรณีนี้คือเรื่องความรู้ความรู้สึกของคนที่ได้เห็นและรับชมคลิปดังกล่าว ทุกคนรู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต นี่คือการกล่าวหาว่าเราเบื้องหลังกลุ่มบางกลุ่มที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งถือว่าเลยเถิดไปมาก จึงคิดว่าไม่ควรปล่อยให้กระบวนการที่ทำกันเป็นระบบ ซึ่งพยายามทำให้ประชาชนเข้าใจแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีตากใบ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดลอยนวล ชาวบ้านมาศาลทุกครั้ง แต่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกลับหนีคดี ไม่เคารพกฎหมายและไม่ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่ผิดจะหนีทำไม “แม้คดีขาดอายุความ แต่ความทรงจำของพวกเราไม่มีขาดอายุความ พวกเรายังเจ็บปวดเพราะคนในครอบครัวบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เพราะการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังอยู่ในใจพวกเราตลอดไป” ตัวแทนชาวบ้านกล่าวในที่สุด หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่โดยตรงในการติดตามจับกุมจำเลยทั้ง 14 คนก็ไม่ได้จับกุมนำตัวจำเลยมาศาลให้ทันก่อนอายุความหมดลง ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความไม่บริสุทธิ์ใจของจำเลยและผู้ต้องหาทั้งหมดที่ไม่มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนผ่านกระบวนการยุติธรรม แต่ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดในเจ้าหน้าที่รัฐไทยที่ยังคงดำรงอยู่ในรัฐไทยอย่างยาวนาน และทำลายหลักนิติธรรมของประเทศอย่างต่อเนื่อง
การป้องกันมิให้เกิดการละเมิดซ้ำโดยรัฐต้องดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันมิให้การสังหารหมู่และการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ด้วยการลงโทษทางวินัยข้าราชการที่กระทำผิด ทบทวนยกเลิกกฎอัยการศึกและสถานการณ์ฉุกเฉิน แก้ไขปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมตากใบ รวมทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาญาจักรบนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน และการแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อให้คดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ เช่นเดียวกับคดีตากใบ อุ้มฆ่า ทรมาน และสังหารนอกระบบกฎหมาย เป็นคดีที่ไม่มีอายุความ เป็นต้น
นอกจากนั้น รัฐบาลจะต้องตรวจสอบ สอบสวนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมละเลย ซ่อนเร้นหรือจงใจบิดเบือนคดีตากใบ ด้วยการไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดอย่างเที่ยงตรงจนคดีหมดอายุความ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ อิ๊งค์บอกตำรวจอยากดูแล ปท.แบบคนรุ่นใหม่มีอะไรคุยกันได้
นายกฯ มอบนโยบายตำรวจ ขอดูแลปชช.ช่วงปีใหม่ เชื่อ ตร.ภายใต้การนำ ”บิ๊กต่าย“ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข-ปลอดภัย บอกอยากดูแลประเทศแบบคนรุ่นใหม่ มีอะไรคุยกันได้
งานหลัก! นายกฯ อิ๊งค์ไปกดปุ่มเปิดนิทรรศการตำรวจ
นายกฯ เปิดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ตร. เน้นย้ำแก้ภัยไซเบอร์ พร้อมสวัสดีปีใหม่ผบ.ตร.
'เท้งเต้ง' เซ็ง 'แพทองโพย' เบี้ยวกระทู้สดชงสภาแก้ข้อบังคับการประชุม
'หัวหน้าเท้ง' หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม หลัง 'นายกฯ' เลี่ยงตอบแล้ว 3 หน ปมค่าไฟแพง เหน็บเมื่อวานนักข่าวถามจะไปสภาหรือไม่ 'อิ๊งค์' กลับตอบ 'เมอร์รี่คริสต์มาส'
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"
อิ๊งค์สนอง‘พ่อแม้ว’ ลุยปราบแก๊งโกงล้างบางมาเฟีย/โต้สนธิปั่นMOU44ลงถนน
"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ภาพแฟ้มกองโตเต็มโต๊ะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เปิดศูนย์ปีใหม่ 10วันอันตราย ดื่ม-ง่วงไม่ขับ
นายกฯ เรียก ผบ.ตร.หารือ ห่วงปีใหม่ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัย