ปิดฉาก 20 ปี "คดีตากใบ" ศาลจังหวัดนราธิวาสสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เหตุขาดอายุความเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา จับตัว 7 จำเลยสำคัญมาพิจารณาคดีไม่ได้ ส่วนอีกสำนวนอัยการยังไม่นำตัวผู้ต้องหา 8 คนยื่นฟ้องต่อศาล เชื่อยกเรื่องขาดอายุความสู้ทำให้ลอยนวลทั้งหมด 14 คน "สว.เทวฤทธิ์" จี้นายกฯ-รมว.กห.พิสูจน์ความเสียใจด้วยการตั้ง กก.สอบคดีรุนแรงชายแดนใต้ รวมทั้งสอบ "พิเชษฐ์" ปล่อย "พิศาล" ลาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีคดีตากใบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมคุมตัวผู้ต้องสงสัยระเบิดกลางเมืองปัตตานี แจ้งเตือนจะมีก่อเหตุอีก
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ศาลจังหวัดนราธิวาสอ่านคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ อ.1516/2567 ที่นางสาวฟาดีฮะห์ ปะจูกูเล็ง กับพวกรวม 48 คน ยื่นฟ้อง พลเอก พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กับพวก 9 คน เป็นจำเลยฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย, พยายามฆ่า, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง, ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย, เสรีภาพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ สภ.ตากใบ จว.นราธิวาส หรือคดีตากใบซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 78 คน
โดยเดิมในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลไต่สวนมูลฟ้องเเล้วเห็นว่ามีมูลจึงมีคำสั่งประทับฟ้อง ในส่วนจำเลยที่ 1, 3-6 และ 8, 9 มีมูลความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 มาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
และให้ยกฟ้อง ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นรับอันตรายสาหัสโดยกระทำทารุณโหดร้าย และยกฟ้องจำเลยที่ 2 เเละ 7
เดิมศาลออกหมายเรียกจำเลยที่ 1, 3-6 และที่ 8, 9มาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อถึงวันนัด จำเลยที่ 1, 3-6 และที่ 8, 9 ไม่มา ศาลจึงออกหมายจับ เว้นแต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ศาลมีหนังสือขออนุญาตจับต่อสภาผู้แทนราษฎร และเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การฯ กับติดตามผล
การจับและขออนุญาตจับในวันที่ 15 ต.ค. 2567
14 ผู้ต้องหาลอยนวล
ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 2567 ศาลได้รับสำเนาหนังสือของสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 24 ก.ย. 2567 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีความคุ้มกันใดๆ ในชั้นพิจารณาของศาล รวมทั้งจากการจับและคุมขังในคดีอาญา ศาลจึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้มีอำนาจจัดการตามหมายจับควบคู่ไปกับพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานตำรวจตามปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนี
ในวันนัดวันที่ 15 ต.ค. 2567 ยังไม่สามารถจับกุมจำเลยคนใดได้ ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อ
ต้องเลื่อนคดีไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนีมาเสียก่อน แต่ศาลอนุญาตให้ญาติผู้ตายแถลงการณ์ด้วยวาจาเกี่ยวกับคดีนี้ แล้วมีคำสั่งเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ต.ค. (วันนี้)
ในวันนัดวันนี้ ยังคงไม่สามารถจับกุมจำเลยที่ 1, 3-6 และที่ 8, 9 ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6)
เหตุที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีแทนพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นกรณีที่มีปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความปรากฏต่อศาลในชั้นทำคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ศาลยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป แต่คดีนี้จำเลยที่ 1, 3-6 และที่ 8, 9 ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา แต่หลบหนีจนคดีขาดอายุความ เป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ทั้ง 48 ระงับ ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนคดีสำนวนสลายการชุมนุมตากใบอีก 1 สำนวน ที่เมื่อวันที่ 12 ก.ย. อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน (ผู้ต้องหาซ้ำกับจำเลยสำนวนแรก 1 คน) ในสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรมโดยสั่งฟ้อง พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนอีก 7 คนเป็นพลขับ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น นั้น เนื่องจากคดีนี้ทางพนักงานอัยการโจทก์ยังไม่ได้มีการนำตัว 8 ผู้ต้องหายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งแม้คดีจะหมดอายุความในวันเดียวกัน แต่เนื่องจากตัวผู้ต้องหายังไม่ได้ถูกนำยื่นฟ้องต่อศาล จึงเท่ากับว่ายังไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีได้ วันนี้ศาลปัตตานีจึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา
ซึ่งในกรณีที่ภายหลังหากพนักงานอัยการมีการนำตัวจำเลยทั้ง 8 ยื่นฟ้องต่อศาล ตัวจำเลยก็สามารถต่อสู้เรื่องอายุความ จนอันเป็นเหตุให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องได้
จี้สอบ 'พิเชษฐ์' ปล่อย 'พิศาล' ลา
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีคดีตากใบที่ขาดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการติดตามผู้ต้องหา 14 คนมาดำเนินคดี ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ประชุมเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 9 เข้าให้ข้อมูล พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 14 คน หลบหนีผ่านช่องทางที่เป็นทางการและช่องทางธรรมชาติ แม้คดีจะล่วงเลยไปแล้ว แต่อยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ที่นอกจากจะออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษแล้ว ยังต้องพิสูจน์ด้วยการลงมือ รวมถึงประเด็นเรื่องอายุความ ซึ่งมีข้อเสนอของนักสิทธิมนุษยชนขอร้องให้ประเทศอังกฤษดำเนินคดีกับผู้ที่หลบหนี เนื่องจากมีข้อกฎหมายที่รับรองไว้
นอกจากนี้ นายเทวฤทธิ์ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง จากการที่เจ้าหน้าที่รัฐไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง จนนำไปสู่ความสูญเสีย ทั้งกรณีตากใบและกรณีอื่นๆ เช่น การวิสามัญที่เขาตะเว เมื่อปี 2562 รวมถึงคดีสลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ
"แม้คดีจะหมดอายุความแต่สามารถทดเวลาได้ คือ ร้องขอให้ประเทศต้นทาง ที่รู้ว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอย่างเป็นทางการดำเนินคดี เพื่อเป็นการแสดงความพยายามถึงที่สุด ไม่ใช่บอกแค่ว่า พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เพื่อปัดภาระความรับผิดชอบ ไม่ใช่ภาระของพรรค แต่คือภาระความรับผิดชอบของรัฐบาล และการแสวงหาข้อเท็จจริง อำนวยความยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงโดยรัฐ รวมถึงการคุ้มครองประชาชนที่ลุกออกมาเรียกร้อง โดยเฉพาะญาติที่ออกมาฟ้องคดีที่ใช้ความกล้าหาญมาก เนื่องจากอยู่ในภาวะหวาดกลัวมานาน"
นายเทวฤทธิ์กล่าวด้วยว่า การหลบหนีแปลว่ามีรอยรั่ว เราจะปล่อยให้หลบหนีแล้วจบไม่ได้ ใครปล่อยให้รั่วออกไป หากจริงใจและเสียใจต้องหาว่าใครปล่อยให้รั่วออกไป อย่างนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่เซ็นอนุมัติให้ พล.อ.พิศาลลาป่วยถึงวันที่ 30 ต.ค. 2567 จะบอกว่าใครยื่นมาก็เซ็นให้ทั้งหมดไม่ได้ เพราะนายพิเชษฐ์รู้ดีว่าคดีมีการฟ้องไปแล้ว คงต้องมีการตรวจสอบว่าการเซ็นอนุมัติของนายพิเชษฐ์ใช้ดุลยพินิจถึงที่สุดหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบการเดินทางออกนอกประเทศอย่างเป็นทางการและช่องทางธรรมชาติ
“คนอายุปูนนั้นออกไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ออกไปได้ไม่ใช่ตัวลำพังเพียงแค่ 14 คน ฝากไปยังรัฐบาลโดยเฉพาะนายภูมิธรรมที่ดูแลความมั่นคง และนายกฯ ที่ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษ เป็นการพิสูจน์ความจริงใจในการแสดงคำขอโทษและเสียใจ” นายเทวฤทธิ์กล่าว
แจ้งเตือนจะมีก่อเหตุอีก
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 28 ต.ค. พันเอก ปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการร่วมจำนวน 30 นาย มีการบังคับใช้กฎหมาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่บ้านตลาด ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังสืบทราบมาว่าพบบุคคลเป้าหมายในคดีร่วมกันก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่เขต อ.เมืองปัตตานีเมื่อคืนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานผู้นำท้องที่ร่วมปฏิบัติ และเมื่อไปถึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 2 จุด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้นำท้องที่เข้าเจรจา ให้ผู้ต้องสงสัยที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านไม่มีเลขที่ออกมาแสดงตัว ปรากฏว่าเป้าหมายแรกซึ่งอยู่ห่างจากเป้าหมายที่สอง ประมาณ 500 เมตร ผู้ต้องสงสัยที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านได้ยอมออกมาแสดงตัว โดยไม่มีการขัดขืนและไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนทราบชื่อคือ นายอาดือนัน มามะ อายุ 34 ปี จากการตรวจค้นภายในบ้านเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิง สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเพิ่งทำการพ่นสีใหม่ ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยที่นำมาก่อเหตุลอบวางระเบิดในคืนดังกล่าว นอกจากนี้ได้ยึดเสื้อผ้า เอกสารและแผงวรจรไฟฟ้าเพื่อนำไปตรวจสอบ
ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เป้าหมายที่สอง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้นำท้องที่เจรจาให้บุคคลต้องสงสัยที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านออกมาแสดงตัว แต่ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยได้กระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังติดตามและปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว สำหรับผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีเชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ปรากฏอยู่ในภาพวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุรายนี้สวมใส่ชุดโต๊ปสีขาว โดยขี่รถจักรยานยนต์มาคนเดียว ก่อนจะนำระเบิดจำนวน 3 ลูกมาวางไว้ริมถนนกะลาพอ ต.จะบังติกอ อ.เมืองปัตตานี ก่อนจะหลบหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ไปเพียง 3 นาที ก็ได้เกิดระเบิดขึ้นหนึ่งลูก ส่วนอีกสองลูกเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้ ในที่เกิดเหตุยังพบใบปลิวที่ระบุว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มพูโล P4 ด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอาดือนัน มามะ ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวไปทำการสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยหน่วยความมั่นคงยังได้แจ้งเตือนไปยังทุกหน่วยให้เฝ้าระวังเหตุต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มก่อความไม่สงบมีแผนที่จะก่อเหตุอีกครั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน