แจกยาว! จับตาดิจิทัลวอลเล็ตมีเฟส 3! “จุลพันธ์” รับมีสิทธิ์สูงทยอยจ่ายเงินหมื่นเป็นล็อต ขณะที่ "แพทองธาร" คุย "กกร." โยนเศรษฐกิจแย่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาทำประชาชนเป็นหนี้พุ่ง ย้ำจะขายซอฟต์พาวเวอร์ ด้านประธาน กกร.ยื่นสมุดปกขาวเสนอแนวทางแก้เศรษฐกิจให้รัฐบาล ชม "ทักษิณ" แก้ปัญหาเก่งที่สุด
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมเร็วๆ นี้ เพื่อเตรียมหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะต้องเร่งออกมาในช่วงปลายปีนี้ ต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 รวมถึงจะมีการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วย
ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมดนั้น ในส่วนของกระทรวงการคลังได้เตรียมไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลยังยืนว่าจะเดินหน้าจ่ายเงินในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนในส่วนที่เหลือที่จะได้รับสิทธิ์ตามโครงการ เพื่อเป็นการเดินหน้าและสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อรองรับและเสริมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
สำหรับกระบวนการจ่ายเงินนั้น นายจุลพันธ์ยอมรับว่า มีแนวโน้มและมีความเป็นไปได้สูงที่จะทยอยจ่ายเงินเป็นงวดๆ ไม่ได้จ่ายเป็นก้อนเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้วยืนยันว่า ประชาชนทุกคนที่ได้สิทธิ์จะได้รับเงินครบ 10,000 บาทอย่างแน่นอน
“กระบวนการจ่ายเงินจะเป็นแบบทยอยจ่ายหรือจ่ายเป็นก้อน ยังต้องขอมาพิจารณาดูในรายละเอียด ดูข้อมูล ดูความเหมาะสมและดูตัวเลขทุกอย่างประกอบกันก่อน แต่ก็ยอมรับว่ามีแนวโน้ม มีความเป็นไปได้สูง และมีสิทธิ์ที่จะทยอยจ่ายเป็นงวดๆ อันนี้ก็ต้องพูดกันตรงๆ ว่ามีสิทธิ์ทั้งหมดและมีความเป็นไปได้มาก ซึ่งหากจ่ายเป็นงวดก็ต้องแยกเป็นเฟส 2 และเฟส 3 ต่อไป ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดต้องรอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาก่อน แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอนคือ ทุกคนจะได้รับเงินครบ 10,000 บาท” นายจุลพันธ์กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ในฐานะประธาน กกร. และประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย และนายสุธีร์ สธนสถาพร ผู้อำนวยการสำนักงาน กกร. โดยก่อนเริ่มหารือนายสนั่นได้มอบสมุดปกขาว ซึ่งเป็นข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจัดทำโดย กกร.ให้แก่นายกฯ
ขายซอฟต์พาวเวอร์
ขณะที่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ดีใจที่ได้เจอที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เพราะได้เจอครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยก่อนแถลงนโยบายรัฐบาล ก็อยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งครั้งที่แล้วก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี และแน่นอนว่าผลกระทบนี้ส่งผลถึงประชาชนให้มีหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น อยากให้ภาครัฐและภาคเอกชนได้พูดคุยร่วมมือกัน เราไม่สามารถจะพูดได้แค่เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้อย่างเดียวที่เป็นปัญหา แต่ต้องมีการหารายได้ใหม่เข้าสู่ประเทศ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจโตได้ และสิ่งที่รัฐบาลทำขณะนี้มีเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ และมีความร่วมมือกับเอกชนจำนวนมาก เพราะมองว่าเอกชนคือภาคสำคัญที่จะทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มและสนับสนุนประชาชนด้วย จึงอยากจะให้รัฐกับเอกชนทำงานร่วมกันเยอะขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและโอกาสใหม่ๆให้ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก วันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนรับฟังจากภาคเอกชน เพื่อให้สามารถปรับให้เข้ากับนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นายกฯ กล่าวด้วยว่า จะติดตามดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำไว้ดีอยู่แล้วให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดความสะดุด ซึ่งทีมงานยังคงเป็นทีมงานเดิม พร้อมขอบคุณคำแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ กกร. และเห็นด้วยที่จะมีการนัดหารือกันในลักษณะนี้ต่อไป โดยเฉพาะการประชุมกันต่อหน้าเพื่อจะให้มีการเพิ่มเติมข้อมูลเข้าไปอีก
ด้านนายสนั่นกล่าวในวงหารือว่า เชื่อมั่นรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายและปัญหาหลากหลายมิติ กกร.จึงได้ระดมความคิดเห็นจากภาคธุรกิจในสาขาต่างๆ จัดทำเป็นสมุดปกขาวเสนอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว โดยมีทั้งหมด 4 ประเด็น ได้แก่ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ, การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs), การบริหารจัดการน้ำ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
เช่นระยะเร่งด่วน เสนอมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน ลดต้นทุนของผู้ประกอบการทั้งการควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น ตรึงราคาค่าไฟ น้ำมันดีเซล เพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ และลดภาระประชาชน รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยเอกชนขอให้เป็นไปตามกลไกของคณะอนุกรรมการไตรภาคี
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควรแยกวิธีให้เหมาะสม และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเป้ากระตุ้นไปยังกลุ่มเปราะบาง ถือเป็นสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลดำเนินการไปแล้ว ขณะที่ประชาชนกลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ สามารถดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะโครงการคูณสอง เพื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณมาก สำหรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงสามารถออกมาตรการ ดึงการจับจ่ายใช้สอยให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น เช่น มาตรการทางภาษี ที่รัฐไม่ต้องใช้งบประมาณเลย
ชม 'ทักษิณ' แก้ปัญหาเก่ง
นายสนั่นกล่าวด้วยว่า ในปีหน้าจะต้องช่วยกันทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เติบโตขึ้น 4% และให้คำมั่นว่าสามารถเรียกใช้ กกร.ได้ และขอชื่นชมว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาเศรษฐกิจเก่งที่สุด
หลังการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงภายหลังการประชุมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 ว่า เรากระตุ้นเศรษฐกิจ เราไม่ได้คิดทีเดียวหรือจะทำอย่างนั้นตลอดไป แต่เราจะดูเรื่อยๆ ถึงผลได้ ผลเสีย ความเหมาะสม จังหวะเวลา จึงได้รับข้อคิดเห็นมาว่าจะกระตุ้นแบบไหนแล้วได้ผลที่สุด ประชาชนได้ประโยชน์ที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากที่สุด ทั้งนี้ คิดว่า จีดีพีน่าจะโตกว่า 2.4 ที่ได้ตั้งไว้ตอนต้นปี 67 แต่เกิดอุทกภัยทำให้ดึงลงมาบ้าง แต่เมื่อเราเติมเงิน 1 หมื่น และหลายๆ เรื่องที่เราทำ เชื่อว่าน่าจะดึงกลับขึ้นมาได้ใกล้ๆ กับที่เราตั้งไว้ ยังหวังที่จะเห็นอยู่ที่ 2.7-2.8 ขณะที่นายสนั่นกล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นขึ้นมา ฉะนั้น การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนสามารถเอาไปจับจ่ายใช้สอยได้ ดีกับคนค้าขายและโรงงานผลิต
นายสนั่นเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับปากตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชน ในการพบกัน 6 เดือนครั้ง เพื่อพูดคุยอย่างเป็นทางการ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้เรานำเสนอ โดยนายพิชัยตอบรับว่าจะกระตุ้นเร็ว และเสนอโครงการคนละครึ่ง Easy Recipe E-Recipe และขณะเดียวกันอยากให้เร่งทำก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมยินดีพิจารณาร่วมกัน
นายสนั่นกล่าวอีกว่า มาตรการที่ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ ไม่ให้มีการยึดรถกระบะหรือรถปิกอัปที่ขาดส่งค่างวดสำเร็จแล้ว เพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน รัฐบาลรับเรื่องนี้ไปดำเนินการแล้ว ก็จะต้องมีการหารือและได้รับความร่วมมือจากธนาคารและไฟแนนซ์ ซึ่งจะมีมาตรการออกมา เรื่องนี้ใช้เงินไม่มาก แต่ต้องมีการคัดกรอง
ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เร่งที่จะแก้ไขปัญหาของกลุ่มเปราะบางและหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ระหว่างการเร่งสรุปให้เป็นรูปธรรมภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะดูตั้งแต่เรื่องบ้านหลังแรก และรถยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพ รวมถึงเอสเอ็มอีรายเล็กที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาประกอบอาชีพนำไปสู่การมีรายได้ และสร้างความมั่นคงในชีวิต คู่ขนานไปกับการหาแหล่งเงินทุน ทั้งจากทางภาครัฐและระบบธนาคารพาณิชย์ไปพร้อมๆ กัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน