"ภูมิธรรม" ลั่นคดีตากใบจบแล้ว อย่าพุ่งเป้ามาที่ "แพทองธาร" เพราะขณะเกิดเหตุอายุ 10 ขวบ ยันไม่มีเยียวยาเรื่องเงินอีก อย่าต่อความยาวสาวความยืดไม่มีข้อยุติ ย้ำเป็นความมั่นคงของรัฐไทย ไม่ใช่รัฐบาล เกิดเหตุยิง "ร.ต.ท." ดับข้างมัสยิด คาดสร้างสถานการณ์ สว.ใต้อ้างแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 24-28 ต.ค. กองกำลังติดอาวุธจะก่อเหตุในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตำบลรอบนอก จุดตรวจและฐานปฏิบัติการ
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีคดีตากใบที่หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่า ท่าทีที่ฝ่ายรัฐมีความพยายามจะจบคดีนี้ตั้งแต่แรก ใช้เวลา 4-5 ปีในการศึกษาติดตามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และการพูดความจริงไม่หมดก็จะเป็นปัญหาได้ไม่ว่าใครก็ตาม ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาใคร ดังนั้นที่บอกว่ารัฐไม่ได้ใส่ใจ
"ยืนยันว่าเรามีกระบวนการยุติธรรมที่ได้ดำเนินการอยู่ตลอด ซึ่งตลอดเวลาที่ศาลได้ตัดสินช่วง 5 ปีแรก จนถึงตอนนี้เกือบ 15 ปี ไม่เคยมีการหยิบยก ไม่ว่าผ่านรัฐมนตรี ผ่านนายกฯ มาหลายสมัยก็ต้องเข้าใจด้วย ดังนั้นการที่พุ่งเป้ามาให้นายกรัฐมนตรี ในสมัยนี้รับผิดชอบ ซึ่งตอนเกิดเหตุการณ์คุณแพทองธารอายุแค่ 10 ขวบเอง ก็อยากให้เข้าใจตรงนี้"
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในบทบาทของความเป็นรัฐ น.ส.แพทองธารได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่มาตลอด แต่ก็เป็นปกติธรรมดาที่มีคดีที่เราทำได้สำเร็จ จับผู้ร้ายได้หรือจับไม่ได้ก็มี ไม่มีใครปรารถนาให้เป็นประเด็นหรือจุดที่จะทำให้เป็นปัญหาในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อถึงเวลายังไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ใช่ผู้มีความผิด ยังเป็นการกล่าวหา นายกฯ ก็ได้แสดงความเสียใจกับเรื่องที่ไม่สามารถทำให้ได้ตามวัตถุประสงค์ และไม่สามารถทำเรื่องการออกกฤษฎีกาให้ตามที่หลายฝ่ายเสนอ ถ้าเรายึดถือกระบวนการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราพยายามทำเต็มที่แล้ว แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ นายกฯ ก็ได้ขอโทษว่าไม่สามารถทำให้ลุล่วง ซึ่งนายกฯ ให้ถือเรื่องนี้เป็นบทเรียน และศึกษาดูว่ากระบวนการยุติธรรมที่จะทำให้มันดีกว่านี้คืออะไร
"จริงๆ ถ้าคดีต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน กระบวนการที่จะดำเนินการต่างๆ จะดีกว่านี้ ไม่ใช่เพิ่งมาเรียกร้องเอาช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่คดีกำลังถึงที่สุด ที่โดยธรรมชาติไม่มีใครจะยอมขึ้นศาลหรอก อันนี้ไม่ได้หมายความว่าผมไปเชียร์เขา แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเกิดความยากลำบากในการติดตาม ผมคิดว่าความรุนแรงในภาคใต้ก็ยังคงมีอยู่ตราบใดที่เรายังทำงานไม่บรรลุผล ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีตากใบว่าพอผลของคดีตากใบเป็นแบบนี้ จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องตลอด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีแผนจะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ เลย แต่ตนจะลงพื้นที่แน่ เพราะรับผิดชอบดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในพื้นที่ แต่ว่าช่วงนี้ยังมีเรื่องอื่นให้ดำเนินการอยู่
'ตากใบ' ถือว่าจบแล้ว
เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการขยายการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ นายภูมิธรรมตอบว่า เราให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ ส่วนถามว่ากังวลหรือไม่นั้น เราคาดการณ์ยาก เราไม่เลือกที่จะไปคาดการณ์ในเชิงร้ายที่สุด แต่เรื่องของการป้องกันเราดูแลอยู่ตลอด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ยิ่งการแสดงเชิงสัญลักษณ์ก็อยากให้แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะในสภา ที่มีการพูดว่ามีคนตาย 700 กว่าคน ที่จริงมัน 70 กว่าคน แต่ถ้าจะเอาคนตายรวม 700 คน ก็ต้องรวมทหารด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี จะพูดอย่างไรก็ได้
"แต่ถ้าพูดกันตรงไปตรงมาก็ต้องถือว่าจบแล้ว ส่วนจะนำบทเรียนไปหาทางแก้ไขคลี่คลายอย่างไร รวมถึงกรณีที่มี สส.เรียกร้องเรื่องการดูแลเยียวยาเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องไปคิด แต่ไม่ใช่เรื่องเงิน เพราะเรื่องเงินมันจบไปแล้ว การมาพูดเรื่องเงินอีกมันต่อความยาวสาวความยืดไม่มีข้อยุติ เหนือสิ่งอื่นใดอย่าให้ประเด็นเหล่านี้ถูกนำมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นความมั่นคงของรัฐไทย ก็ต้องคำนึงถึงรัฐไทย ไม่ใช่รัฐบาลไทย เพราะถ้าจะพูดกันจริงๆ รัฐบาลไทยก็มีมาหลายชุดแล้ว แต่มันไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมา จึงขอร้องว่าอย่าใช้ประเด็นนี้มาเคลื่อนไหวทางการเมือง" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า กรณีคนร้ายบุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในมัสยิดที่กำลังละหมาดที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค. มาจากผลที่คดีตากใบหมดอายุหรือไม่ว่า นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่เอฟเฟกต์หรืออะไรหรอก เพราะเกิดขึ้นตลอด ไม่ใช่ครั้งแรก ฉะนั้นอย่าไปโยง เพราะจะทำให้เรื่องต่างๆ ไม่จบ อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ ส่วนรัฐจะไปดูว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยบรรเทาเบาบางไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับนายภูมิธรรม กรณีข้อกังวลจะมีเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้มีการดำเนินการด้านการข่าวและการเฝ้าระวัง และได้คุยกับ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ประสานงานกับฝ่ายการข่าวของทหารมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวล
ยิง 'ร.ต.ท.' ดับข้างมัสยิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 25 ต.ค. พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่มัสยิดนูรุนฮิดายะห์ ม.2 ต.คลองมานิง อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจึงรีบรายงานให้ พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ทราบ พร้อมนำกำลังที่เกิดเหตุไป
พบชาวบ้านจำนวนมากอยู่บริเวณมัสยิดมุงดูเหตุการณ์ จึงได้กันพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นฟอร์ซา 350 สีดำ ทะเบียน 1 กพ 6622 ปัตตานี ล้มอยู่บริเวณประตูทางเข้าข้างมัสยิด นอกจากนี้ภายในมัสยิดมีกองเลือดจำนวนมากกระจายไปทั่วพื้น ส่วนผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ได้นำร่างไปชันสูตรที่โรงพยาบาลปัตตานี ทราบชื่อ ร.ต.ท.อดิศักดิ์ บือราเฮง อายุ 54 ปี ตำแหน่งรอง สว.จราจร สภ.เมืองปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 7 ปลอก ตกเกลื่อนบนถนนและภายในมัสยิด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้านพักซึ่งอยู่ห่างจากมัสยิดประมาณ 100 เมตร จากนั้นจึงเข้าไปทำการละหมาดร่วมกับชาวบ้าน จากนั้นเมื่อละหมาดเสร็จแล้วผู้ตายจึงเดินออกจากมัสยิดพร้อมกับชาวบ้านเพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างที่สตาร์ทรถจักรยานยนต์จะออกจากมัสยิด หนึ่งในคนร้ายซึ่งเข้าไปละหมาดพร้อมผู้ตายเดินออกมาและได้ชี้เป้าให้อีกคนที่รออยู่ด้านนอก
จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ผู้ตาย กระสุนเข้าลำตัวจนรถเสียหลักล้มลง ผู้ตายพยายามวิ่งเข้าไปในมัสยิดเพื่อหลบหนี แต่เนื่องจากบาดแผลที่ถูกยิงมีเลือดไหลเป็นจำนวนมากทำให้ผู้ตายล้มอยู่ภายในมัสยิด คนร้ายที่ไล่ตามได้เข้าไปยิงซ้ำเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตทันที หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ ส่วนข้อเท็จจริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนหาพยานต่างๆ ไล่ภาพกล้องวงจรปิดที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุและหลบหนีเพื่อหาคนร้ายมาดำเนินคดี
แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่
ช่วงกลางดึกวันเดียวกัน พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามด่านตรวจ จุดตรวจ และเจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่อำเภอตากใบและอำเภอสุไหงโก-ลกของจังหวัดนราธิวาส ทั้งแนวชายแดน เขตรอยต่อทางบกและทางน้ำ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน หลังมีกระแสข่าวลือถึงความพยายามเข้ามาก่อเหตุก่อกวน สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ระแวง ไม่สบายใจถึงความปลอดภัย ขณะที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนฝ่ายกำลังพลเรือน ก็ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อควบคุมดูแลพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะได้เดินทางไปยังจุดตรวจยูงทอง ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ทหารตำรวจพลเรือน, จุดตรวจสถานีตำรวจภูธรตากใบ และกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พร้อมตรวจตราความเรียบร้อยระบบการทำงานของ CCTV ระบบป้องกันภัย ไฟส่องสว่างทั่วบริเวณ ตลอดจนแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย และล่องเรือสำรวจทางน้ำตลอดเส้นทางลำน้ำโก-ลก ก่อนแม่ทัพภาพที่ 4 และคณะจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40
พล.ท.ไพศาลได้กำชับต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ตรึงเข้มมาตรการในการดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด รู้ทันเหตุและตื่นตัวในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่อาจจะเข้ามาก่อกวนสร้างความสับสนวุ่นวายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ เฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ ยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัย โดยจะต้องบูรณาการร่วมของเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีอิสระในการก่อเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งได้สร้างความความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนประชาชน จึงต้องเพิ่มความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และในช่วงของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่คดีตากใบจะหมดอายุความ อาจมีการปลุกปั่นสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน หวังทำลายความสงบสุขในพื้นที่
ระวัง 24-28 ต.ค.
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า สถานการณ์วันสุดท้ายคดีตากใบหมดอายุความ ถึงแม้เมื่อคืนได้ผ่านเหตุร้ายไปได้ เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่ทุกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายเคลื่อนไหวก่อเหตุได้
เขาเผยว่า มีแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 24-28 ต.ค. กองกำลังติดอาวุธจะก่อเหตุใน อ.เมืองนราธิวาส เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตำบลรอบนอก อาทิ ต.ลำภู กะลุวอ กะลุวอเหนือ บางปอ และ ต.มะนังตายอ จุดตรวจและฐานปฏิบัติการ
นายไชยยงค์ยังกล่าวอีกว่า มีข่าวจากแหล่งข่าวว่ามีการขนระเบิด 2 ลูกเข้าทาง อ.ตากใบ มาพักคอยใน อ.เมืองนราธิวาส ประกอบระเบิดในรถยนต์หรือรถ จยย. ก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้กำลังทหารห้ามลาป่วยลากิจเด็ดขาด รักษาความสงบเรียบร้อยในชายแดนใต้
สว.ผู้นี้บอกว่า บีอาร์เอ็นใช้ยุทธการเดิมคือยุทธการควบคู่กันไป คือฉวยโอกาสการก่อการร้าย และประสานปีกทางการเมืองของขบวนการในพื้นที่ จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการบีอาร์เอ็น ที่ต้องการปลุกระดมมวลชน ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ และแสดงเชิงสัญลักษณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น มีการจัดกิจกรรม เช่น เสวนาระลึกวีรชนตากใบ ฉากหนังสั้นตากใบ ตากใบลมหายใจที่ลอยนวล “ต้องการสื่อให้สังคมโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิมรับทราบว่า คนมุสลิมในประเทศไทยได้รับความอยุติธรรม”
นายไชยยงค์กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษและแสดงความเสียใจ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าไม่ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลง แต่เขาต้องการความยุติธรรม ต้องการรัฐบาลเพื่อไทยนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คนขึ้นศาลเพื่อให้ศาลไต่สวน ให้คดีจบด้วยกระบวนการของศาล ไม่ทำให้เหตุการณ์ร้ายลดลง เพราะประเด็นเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมาเกิดในสมัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกของคุณทักษิณ สังคมบอกว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่ได้อำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสีย
นายไชยยงค์กล่าวอีกว่า มีข่าวจากหน่วยความมั่นคงว่าก่อเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนไม่ได้ก็จะถือโอกาสนำระเบิดมาก่อเหตุใน จ.สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ เมือง และ อ.สะเดา หากป้องกันเมืองไม่ได้จะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงอีก และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ได้แก่ อ.นาทวี เทพา จะนะ และ อ.สะบ้าย้อย ขณะนี้ทราบว่าได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังขั้นสูงสุดแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟุ้งปีใหม่โอกาสดีทุกคน มั่นใจ‘แม้ว-หนู’ไร้ปัญหา
นายกฯ อิ๊งค์อวยพรปีใหม่ ให้ทุกคนมีจิตใจเบิกบานยันปี 68
ทักษิณจ่อพบอันวาร์ในไทย
"ทักษิณ" ยันเตรียมพบ "อันวาร์" กำลังรอคอนเฟิร์ม
แฉ10โกงทำประเทศจน เอกชนสมคบกับจนท.รัฐ
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแฉ 10 กรณีทุจริตแห่งปี 2567 ที่ทำคนไทย “เจ็บ” และ “จน" หลายเรื่องราวยังไม่จบ
สมัครอบจ.คึกคักพท.เกทับปชน.
เปิดรับสมัครนายกและสมาชิก อบจ.วันแรกทั่วไทยสุดคึกคัก
รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง สื่อทำเนียบฯตั้งฉายา‘แพทองโพย’อิ๊งค์มองมุมดีส่งเสริมกัน
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” นายกฯ "แพทองโพย" วาทะแห่งปี
‘แม้ว-หนู’จูบปากตีกอล์ฟ ‘แก้วสรร’ให้ลุ้นกลางปี68
ชื่นมื่น! “ทักษิณ” ควง "อนุทิน” ตีกอล์ฟ สยบรอยร้าวรัฐบาล