"ดีเอสไอ" รับ "ดิไอคอน" เป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนความผิดอื่นยังอยู่ในอำนาจตำรวจ "บิ๊กต่าย" สั่งสอบบอสตำรวจผิดอาญา-วินัยหรือไม่ ขีดเส้น 2 วันรายงานผล ญาติ "บอสชาย" แห่เยี่ยมวันแรก "รองโฆษกราชทัณฑ์" เผยทุกคนเริ่มปรับตัวได้ดี เครียดน้อยลง "ภูมิธรรม" รับ "บอสพอล" เคยอบรมกำลังพลจริง ปัดเอี่ยวเครือข่าย กมธ. กระทุ้ง "จิราพร" ย้าย "เทวดา สคบ." ก่อนทำลายหลักฐาน
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ แถลงว่า ดีเอสไอรับคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ เป็นคดีพิเศษ เฉพาะความผิดอาญาฐานฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่โอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังคงสอบสวนความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดอื่น ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะรับดำเนินการเรื่องทรัพย์สิน
ส่วนที่ดีเอสไอตรวจยึดไว้จะแจ้งให้ ปปง.ดำเนินการ โดยทรัพย์ขณะนี้แบ่งเป็น กลุ่ม 1 ที่ดิน 3 แปลงที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี, กลุ่ม 2 ทรัพย์สินที่เป็นที่ตั้งของ บ.ดิไอคอนฯ รวมทั้งอาคารสิ่งปลูกสร้างจำนวนหลายแปลง และกลุ่ม 3 เป็นทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้จากย่านรามอินทรา คือนาฬิกาและกระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหลังมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นของปลอม
"กรณีนี้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบว่ามีการทำความผิดมูลฐานที่ ตร.สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าเงื่อนไขกรณีที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งการสืบสวนสอบสวนพบว่าการฉ้อโกงประชาชนจะมีการหลอกเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย และเชื่อว่ามีการนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปซื้อทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพ ส่วนผู้ต้องหากลุ่มแรก 18 คนที่ ตร.ดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เชื่อว่าคนกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ในการรับโอนและครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำความผิดอยู่ด้วย ซึ่งมีโอกาสถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน เพราะถือว่าเป็นความผิดต่างกรรม นอกจากนี้ยังมีบุคคลอื่นที่เป็นแถว 2-3 ก็จะดำเนินคดีทั้งหมด" พ.ต.ต.ยุทธนาระบุ
ด้านนายวิทยา นีติธรรม โฆษก ปปง. ชี้แจงข้อสังเกตที่มีการระบุตำรวจและดีเอสไอเข้าดำเนินการกับทรัพย์สินด้วยการตรวจยึดเป็นของกลาง จะทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินงานของ ปปง.หรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นประโยชน์และถือเป็นการเติมเต็มข้อจำกัดของ ปปง. เพราะจะทำให้สามารถรวบรวมทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดให้กลับมาให้ได้มากและเร็วที่สุด
ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีความพยายามจะแย่งคดีอะไรกับ ตร. โดยการทำงานของทั้ง 2 หน่วยมีการประสานงานกันอย่างตลอดเวลา ส่วนกรณีทนายความของผู้ต้องหาจะแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการตรวจค้น 11 จุดเป้าหมายว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุนั้น สามารถทำได้ตามสิทธิ์ แต่ยืนยันว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างถูกต้องและครอบคลุมที่สุดแล้ว
ส่วนกรณีปรากฏคลิปนายตำรวจยศพันตำรวจเอกขึ้นเวทีของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยมีลักษณะพูดชักชวนการร่วมลงทุน โน้มน้าวประชาชนที่มาเข้าฟัง และวิพากษ์วิจารณ์สวัสดิการของข้าราชการตำรวจที่ไม่ดีทำให้ต้องเลือกทำธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ปนั้น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐมีบันทึกข้อความที่ 0001 (ผบ)/16 ลงวันที่ 24 ต.ค.2567 เรื่อง ให้ดำเนินการกรณีข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ถึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. (สส 2) เพื่อทราบและควบคุมกำกับการปฏิบัติ ผบช.ก. และ จตร.(หน.จต.) ใจความว่า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 โดยมีคลิปวิดีโอข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมพูดชักชวนให้กลุ่มบุคคลเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการพูดพาดพิง ถึง ตร.ในที่สาธารณะในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายและบั่นทอนจิตใจข้าราชการตำรวจในองค์กร จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
1.ให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ตรวจสอบบุคคลดังกล่าว และเรียกตัวมาสอบสวนปากคำในทางคดี หากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดหรือร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาในบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด 2.ให้สำนักงานจเรตำรวจ (จต.) ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวว่า มีมูลกรณีการกระทำความผิดทางวินัยหรือไม่อย่างไร แล้วรายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 26 ต.ค.67 เพื่อทราบและดำเนินการว่า ได้สั่งการไปตั้งแต่ช่วงเช้าผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือ 1.ตรวจสอบนายตำรวจที่ออกมาทำลักษณะเป็นโค้ชพูดชักชวนเช่นนี้ให้เรียกมาสอบปากคำภายในวันนี้ (24 ต.ค.) ให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เป็นผู้พิจารณาว่ามีพฤติกรรมรายละเอียดเป็นอย่างไร และให้หลักการว่าจะไม่มีการช่วยเหลือในฐานะตำรวจ หากพบพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายลักษณะความผิดทั้งการฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
2.ต้องตรวจสอบว่าการที่แต่งเครื่องแบบตำรวจไปทำพฤติการณ์เช่นนั้นสามารถทำได้หรือไม่ และใช้เวลาราชการไปทำหรือไม่ ได้สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ (จต.) ตรวจสอบความผิดทางวินัย โดยต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร กลับมารายงานภายในระยะเวลา 2 วัน นับตั้งแต่วันนี้
"จากคลิปดังกล่าวยอมรับว่าพันตำรวจเอกรายนี้มีลักษณะพูดโน้มน้าวชักชวนจริง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเข้าข่ายหลอกลวงให้ประชาชนร่วมทำสิ่งใดอย่างใดอย่างหนึ่ง และทำให้เสียทรัพย์สิน แน่นอนว่าจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญา" ผบ.ตร.ระบุ
ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีญาติของบรรดาบอสชายเข้าเยี่ยมเป็นวันแรก ขณะที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมว่า ได้นำเอกสารที่จะแจ้งความกรณีที่มีพนักงานของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ถูกตำรวจเชิญมาให้ปากคำและยึดโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกรณีนักร้องเรียนหญิงที่มีพฤติกรรมเรียกรับเงินมาให้นายวรัตน์พลเซ็นชื่อมอบอำนาจ
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า อาการล่าสุดของบรรดาบอสชายและบอสหญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ การปรับตัว การรับประทานอาหารนั้น ทุกคนเริ่มปรับตัวได้ มีความเครียดน้อยลง และนี้ยังไม่มีใครเจ็บป่วย โดยวันที่ 24 ต.ค. ถือเป็นวันเยี่ยมญาติวันแรกของบรรดาบอสชาย หลังครบกำหนดระยะเวลาการกักโรคโควิด ทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังแดนควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ห้องละ 2-3 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยเลขแดนเพื่อความปลอดภัย ขณะที่บรรดาบอสหญิงที่ครบกักโรคโควิดตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.นั้น ถูกย้ายเข้าแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีภาพผู้ต้องหาคดีดิไอคอนบางคนได้มาอบรมให้กับกำลังพลว่า ตอนที่มาอบรมให้กำลังพลนั้น คดีนี้ยังไม่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาคนดังกล่าวถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม เป็นนักการตลาดที่มีความสามารถคนหนึ่ง และกองทัพก็ต้องการดูแลกำลังพลมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยต้องการให้กำลังพลมีความสามารถในการค้าขาย และมีความสามารถในการบริหารทรัพย์สิน ในการแก้ไขหนี้สิน จึงได้เชิญบุคคลดังกล่าวมาบรรยายให้ความรู้ แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าวแต่อย่างใด จึงอย่านำมาผูกโยงกัน
ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) คุ้มครองผู้บริโภค นำโดยนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. กล่าวถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าหากเกี่ยวโยงกับบุคลากรในสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะต้องมีการโยกย้าย เพราะอาจมีการทำลายหลักฐานได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน