จับโป๊ะ!ไร้ชื่อ‘พิศาล’หมายแดง

รัฐบาลยังหวังปาฏิหาริย์ในคดีตากใบ แม้เหลือ 2-3 วัน ยัน จนท.ทำงานหามรุ่งหามค่ำหวังจับผู้ต้องหามาดำเนินคดี "อังคณา" ผิดหวัง  รบ.ไม่จริงใจออก พ.ร.ก.ต่ออายุความ พ้อเสียดายความไว้ใจ "ภูมิธรรม" อ้างฝ่ายกฎหมายศึกษาอยู่   “วิสุทธิ์” ขอความเป็นธรรมอย่าโยนขี้ “พท.” พรรคเดียว ด้าน “สุณัย ผาสุข” แฉฐานข้อมูลอินเตอร์โพลไร้ชื่อ “พล.อ.พิศาล” ในหมายแดง

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักวิชาการเสนอรัฐบาลให้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อแก้ไขให้คดีตากใบไม่มีอายุความ เพราะจะหมดอายุในวันที่ 25 ต.ค.นี้ว่า ก็ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาดูอยู่ ทั้งหมดก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า นักวิชาการอยากเห็นรัฐบาลดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากกว่าปล่อยให้คดีขาดอายุความไปเฉยๆ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกไปขอตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางตำรวจหรือผู้นำทางทหารที่อยู่ในคดี และเจ้าหน้าที่ทางปกครองก็ไปมาหมดแล้ว มีการบันทึกและมีรูปถ่ายที่ชัดเจน รวมถึงการกำชับในเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นหลัก ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสืบค้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นรูปธรรมของการสั่งการ นอกนั้นอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราไม่ได้แทรกแซง ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน

 “เรื่องนี้รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ส่วนกระบวนการทางกฎหมายก็เคยขึ้นศาลมาแล้วถึง 4 คดี บางคดีผู้ถูกกล่าวหาเป็นประชาชน เป็นคนหนุ่มคนสาว ซึ่งนายกรัฐมนตรีในยุคสมัยหนึ่งก็ได้ประกาศยกเลิกคดี เพื่อหวังให้เกิดความสามัคคี แต่ความรุนแรงมันก็ไม่ลดลง เพราะฉะนั้นต้องดูให้ถ่องแท้ว่าความรุนแรงเกิดจากอะไร กรณีนี้เป็นแค่ตัวอย่างของการนำมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้นเอง ผมคิดว่าปัญหาเรื่องตากใบมันสลับซับซ้อน และต้องค่อยๆ ดูในหลายเงื่อนไข” นายภูมิธรรมกล่าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงคดีตากใบที่กำลังจะหมดอายุความในอีกไม่กี่วัน หมดหวังที่จะนำคนผิดมาลงโทษแล้วใช่หรือไม่ว่า เรื่องนี้ต่างฝ่ายตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงพยายามที่จะทำอย่างเต็มที่  ก็หวังว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงเวลา 2-3 วันนี้ จะสามารถออก พ.ร.ก.เพื่อขยายอายุความได้หรือไม่  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงยุติธรรมเคยให้ศึกษา แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีกรรมาธิการจากทุกพรรคมาช่วยกันพิจารณา ยืนยันรัฐบาลไม่มีอคติ และจะพยายามติดตามจับกุม ซึ่งต้องถือเป็นบทเรียนของสังคมไทยอย่างหนึ่ง ที่พอเรื่องนี้เกิดความเสียหายกับคน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เลยทำให้สังคมติดตาม ส่วนหนึ่งเป็นระบบของกฎหมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความล่าช้าของสำนวน

 ทราบว่าเมื่อปี 62 หลังจากอัยการงดการสอบสวนแล้ว พอมาต้นปี 67 พอกรรมาธิการติดตามเรื่องนี้ก็ทราบว่า ที่ศาลสั่งไต่สวนการเสียชีวิตของประชาชน ศาลยังไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้ทำให้เสียชีวิต และผู้เสียชีวิตเป็นใคร คิดว่าตำรวจจะต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม และจากการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทราบว่าตำรวจในอดีตสอบพยานเกือบ 100 ปาก ภายใน 3 เดือน จนมาสู่การออกหมายจับ แต่เนื่องจากระบบของเราถ้าจะฟ้องต้องมีตัวคนไปฟ้องต่อศาล

ส่วนกรณีนี้เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะกระทบต่อฐานเสียงของพรรคประชาชาติ ถ้าไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้เลยนั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เรื่องนี้ความจริงมันจบไปแล้ว คนที่นำเรื่องนี้ขึ้นมาคือ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ นำเรื่องเข้ากรรมาธิการ และเห็นว่าเรื่องนี้มีอายุความล็อกอยู่ ซึ่งมาศึกษาว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยได้ อย่างน้อยที่สุดคดีได้นำไปสู่การออกหมายจับแล้ว ทำให้ผู้ที่เสียชีวิตได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า มีผู้ต้องหาคนใดที่มีแนวโน้มจะได้ตัวมาใน 2-3 วันนี้ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดเขาไม่ฟังผู้บังคับบัญชา และไม่ฟังญาติ เขาคิดว่ามีเสรีภาพ มีอายุความ ซึ่งเป็นเรื่องของโทษตามกระบวนการและกฎหมาย ส่วนพวกที่หลบหนี ความรู้สึกของสังคมก็จะตามเขาไปตลอด 

เมื่อถามย้ำว่า ที่ระบุว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์หมายถึงอะไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เราทุกคนทุ่มเทกำลังทุกอย่างไปเพื่อทำงานนี้

พท.โวยอย่าโยนขี้ใส่

ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงคดีตากใบที่รัฐบาลอาจจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการออก พ.ร.ก. ไม่ให้คดีหมดอายุความว่า ต้องบอกว่าวันที่เขา (พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี) มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ตอนนั้นก็ยังไม่ถูกฟ้องร้องคดีใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าวันนั้นยังบริสุทธิ์อยู่และศาลยังไม่ได้รับเป็นคดีในขณะนั้น ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรม ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตนไม่ทราบรายละเอียด ไม่กล้าไปฟันธง ฉะนั้นเรื่องนี้เกิดมา 20 ปีผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว บางรัฐบาลอยู่เป็นสิบปี แต่จะมาโยนให้พรรคเพื่อไทยรับอย่างเดียวคงไม่ถูก ตอนนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ว่ากันตามศาล ว่าตามตำรวจให้ไปดำเนินการอำนวยความยุติธรรม" นายวิสุทธิ์กล่าว

ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า ในวันที่เหลืออยู่นี้ ประชาชนจะยิ่งมีคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ รวมไปถึงจะยิ่งมีการเปรียบเทียบกับขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในคดีอื่นๆ ที่มีการเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งคดีดิไอคอน ที่ใช้เวลาจับกุมตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว หรือคดีแป้ง นาโหนด ที่อาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจับกุมตัว หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับนักกิจกรรมทางการเมืองก็มีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ แตกต่างไปจากกรณีที่ข้าราชการผู้ใหญ่ตกเป็นจำเลยอย่างในกรณีนี้

นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดีตากใบที่เหลืออายุความ 3 วันว่า ยืนยันว่ารัฐบาลสามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อขยายอายุความในคดีตากใบได้ แต่จากที่ฟังนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะไม่ทัน แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถทำได้

นางอังคณากล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นความหวังสุดท้ายของผู้เสียหาย หากรัฐบาลสามารถขยายหรือชะลออายุความไว้ก่อน แต่หากประตูบานนี้ถูกปิดก็ยังมองไม่ออกว่าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยไม่มาศาลในวันที่ 25 ต.ค. ก็ถือว่าคดีหมดอายุความไปตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคดีมัสยิดกรือเซะ ที่มีผู้เสียชีวิต 31 คน ที่ได้หมดอายุความไปแล้ว

ส่วนหากคดีหมดอายุความไปแล้วจริงจะมีแนวทางอื่นในการดำเนินการได้หรือไม่นั้น หากกลไกภายในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ยังมีช่องทางให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายคือร้องต่อศาลระหว่างประเทศได้ เช่น สหภาพยุโรปในหลายประเทศ ก็อนุญาตให้ผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนสามารถฟ้องร้องในคดีได้ และเมื่อศาลมีคำพิพากษาบุคคลนั้นจะไม่สามารถเดินทางเข้าไปในประเทศที่เกิดเหตุได้ กลับไปก็จะถูกจำคุก แต่ประเทศไทยก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำคดีแบบนี้มาก

นางอังคณากล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย ทั้งกรณีความผิดในการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง ต้องไม่มีอายุความ และต้องขยายนิยามของผู้เสียหายให้กว้างขึ้น ให้รวมถึงสามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการทรมานและบังคับสูญหาย ทั้งนี้ อยากฝากถึงรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องหยุดสร้างวาทกรรมที่โยนความผิดให้ผู้เสียหาย เราจะเห็นบางหน่วยงานรัฐพยายามพูดว่ากรณีของตากใบ เป็นการกระทำของขบวนการให้เกิดการชุมนุม  

ไร้ชื่อ 'พิศาล' ในหมายแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ  วาระเพื่อพิจารณาติดตามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอยนวลพ้นผิด กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายสุณัย ผาสุข ผู้แทน Human Rights Watch Asia กล่าวว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วัน ซึ่งตนได้เช็กกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพลแล้ว กลับไม่พบว่าในฐานข้อมูลของอินเตอร์โพลมีชื่อของ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ย้ำว่าผลที่ออกมาจะเป็นการตอกย้ำบรรทัดฐานว่า อย่างไรก็ตามเรายังไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้

 “ทั้งนี้ ผมมีความกังวลว่าการใช้กำลังของรัฐจะดำเนินต่อไป และรัฐสามารถกระทำกับประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คำว่าตายจ่ายจบแล้ว ไม่ใช่การเยียวยา ส่วนคำพูดที่บอกว่ารับเงินไปแล้วก็จบ ยังไงก็ไม่จบ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งทดแทนความยุติธรรม” นายสุณัยกล่าว

นายชัยชาญ ยมจินดา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า  หากไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ทันวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งหากคดีขาดอายุ พนักงานอัยการต้องสั่งยุติคดี เพราะไม่สามารถส่งต่อไปที่ศาลได้ และไม่ใช่อำนาจของอัยการปัตตานี แต่ต้องส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้สั่งยุติคดีอีกครั้ง จากนั้นจึงจะต้องส่งกลับมาที่อัยการปัตตานีเพื่อส่งแก้คดี แล้วแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้

  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีตากใบที่กำลังหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค.นี้ว่า ตนได้เดินทางไปที่ บช.ภ.9 มีการสั่งให้มีการสืบสวนจับกุม จนถึงวันนี้ได้มีการตรวจค้นแล้ว 29 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติให้มีสื่อมวลชนเข้าไปร่วมปฏิบัติการด้วยทุกครั้ง การปฏิบัติการต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เท่านั้นยังไม่พอ ตนยังได้มีการสั่งการเฝ้าจุดและติดตามอย่างต่อเนื่อง และให้ระมัดระวังเรื่องการหลบหนีออกนอกประเทศ เราเฝ้าถึง 180 ครั้ง นั่นคือสิ่งที่เราทำตามหน้าที่ของตำรวจ

 “ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง และเราไม่ได้ยุ่งการเมือง เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เรามีอำนาจอย่างไรก็เดินหน้าไปตามนั้น ผมเองได้ย้ำทุกหน่วยอย่าได้หยุดติดตามจับกุม เรามุ่งเน้นความสำเร็จ เราไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเล่นละคร” ผบ.ตร.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง