18บอส‘ฟอกเงิน-อั้งยี่’

"18 บอส" อ่วม! ตร.เตรียมบุกเรือนจำแจ้งข้อหา "ฟอกเงิน-พ.ร.ก.กู้เงิน-อั้งยี่-ซ่องโจร" พร้อมถกดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เร่งพิสูจน์ไฟล์คลิปเสียงเทวดา หลัง "เอก" คนขับรถบอสพอลดอดมอบมือถืออีกเครื่อง ยอดเหยื่อดิไอคอนพุ่งเกือบ 5 พันคน เสียหายกว่า 1.4 พันล้าน ราชทัณฑ์โร่แจงภาพ "กันต์" สวมชุดนักโทษ พระวัดดังขอนแก่นรับ "บอสพอล" โอนเงินทำบุญจริง

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เสียหายจากดิไอคอนกรุ๊ปเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ บช.ก. บริเวณชั้น 2 ของอาคารตึกประชาอารักษ์อย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้เสียหายทั่วประเทศตอนนี้มีกว่า 4,700 คนแล้ว มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ได้สอบปากคำไปแล้ว 2,822 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 965 ล้านบาท ขณะที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้อายัดรถของกลางเพิ่มเติมอีก 4 คัน ประกอบด้วยรถตู้หรู 3 คัน ยี่ห้อเลกซัส 2 คัน เอ็มจี 1 คัน และรถตู้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป  ยี่ห้อโตโยต้า อีก 1 คัน โดยทั้ง 4 คันอายัดมาจากที่ทำการบริษัทดิไอคอน

ทั้งนี้ เพจตำรวจสอบสวนกลางโพสต์ข้อความว่า "ได้ตรวจยึดทรัพย์สินคดี 'ดิไอคอน' แล้ว รวมกว่า 225 ล้านบาท ดังนี้ 1.รถยนต์ จำนวน 29 คัน 2.บ้านและที่ดิน จำนวน 3 แปลง 3.เงินสด จำนวน 7,524,000 บาท 4.ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จำนวน 151 รายการ ได้แก่ นาฬิกา และของแบรนด์เนมต่างๆ 5.อาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก          ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนล็อต 2 มีรายงานว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เนื่องจากสำนวนคดีในส่วนของ 18 ผู้บริหารหลักยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องดำเนินการเร่งสรุปสำนวนเพื่อให้ทันครบกำหนดฝากขังเสียก่อน ประกอบกับยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ต่างจังหวัดและต่างประเทศจำนวนมาก อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมเข้าแจ้งความ และยังมีผู้เสียหายกลุ่มนอกราชอาณาจักรอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหากผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีไม่ทันในวันที่ 31 ต.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องตัดสำนวน เนื่องจากจะได้เร่งสรุปความเห็นและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คนก่อน  สำหรับผู้เสียหายที่มาในวันที่ 1 พ.ย. 67 จะถูกตั้งเลขคดีใหม่เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า

จ่อแจ้งข้อหาฟอกเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีคำสั่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าร่วมสืบสวนสอบสวนคดีดิไอคอนกรุ๊ปนั้น ล่าสุด  พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ได้หารือร่วมกับ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เกี่ยวกับการแจ้งข้อหาแก่บรรดาบอสทั้ง 18 คนเพิ่มเติม โดยมีข้อหา "ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงิน" เป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่นๆ ประกอบ เช่น "ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน” รวมไปถึงข้อหา “อั้งยี่ และซ่องโจร” เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักษณะขององค์กรอาชญากรรมด้วย

สำหรับการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ทีมสอบสวนจะมอบให้พนักงานสอบสวน บช.ก.เข้าไปแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งชุดพนักงานสอบสวนจะประสานงานกับทีมสืบสวนที่มีตำรวจกองปราบปรามเป็นตัวหลัก ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อให้ได้หลักฐานเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย ทั้งนี้ หลังจากแจ้งข้อหาฟอกเงินแล้ว ทีมสอบสวนจะหารือกันอย่างใกล้ชิดกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าจะรับสำนวนไปดำเนินการต่อหรือไม่ เนื่องจากว่าคดีดิไอคอนกรุ๊ปเข้าหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษ

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียนนักการเมืองชื่อดังเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ปว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่างๆ ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พลที่ยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเชิญตัวนักการเมืองดังหรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในวันที่ 21 ต.ค. ตนและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.จะมีการประชุมย่อยนอกรอบเพื่อหารือแนวทางการทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติดตามตัวนายเอก คนขับรถส่วนตัวของนายวรัตน์พล เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของบอสพอลอีกเครื่องมาตรวจสอบนั้น มีรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 19 ต.ค. นายเอกได้ประสานติดต่อเพื่อส่งมอบโทรศัพท์มือถือดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยนายเอกยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนานำโทรศัพท์ของบอสพอลไปซุกซ่อน เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาฯ ส่วนตัวของบอสพอลดูแลเก็บรักษาไว้ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ต้องการจะตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้ในทันที

สำหรับโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าข้อมูลภายในเครื่องน่าจะมีไฟล์คลิปเสียงที่นายวรัตน์พลเคยแอบบันทึกอัดเก็บไว้ ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียนและนักการเมืองดังต่างๆ ที่พยายามเข้ามาเจรจาเรียกรับเงินค่าดูแล ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าตัวที่เคยให้ปากคำไว้อยู่จริง ซึ่งหากตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องแล้วพบว่ามีไฟล์คลิปเสียงดังกล่าวอยู่จริง จะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการคลี่ปมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงลับฉาวต่างๆ ว่ามีบุคคลใดบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับมอบโทรศัพท์มือถือนายวรัตน์พล ก็ได้รีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท.เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร

แจงภาพนักโทษบอสชาย

วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ชี้แจงกรณีเพจเฟซบุ๊ก “เรื่องเด่นข่าวดัง” เผยแพร่ภาพของนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ แต่งกายในชุดนักโทษ โดยขึ้นข้อความว่า เมนูเช้านี้ของบรรดา “บอสฝ่ายชาย” โดยมี ป.ล.แนบท้ายว่าภาพจำลองเหตุการณ์จริงนั้น ว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพประกอบในละคร “ศีล 5 คนกล้าท้าอธรรม” โดยออกอากาศตอนจบไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2558 ภายหลังได้มีการนำละครเรื่องนี้กลับมาออกอากาศซ้ำอีกครั้งในปี 2559 ทางไทยรัฐทีวี ซึ่งภาพดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ และมิใช่ภาพจำลองเหตุการณ์จริง  รวมถึงไม่ใช่สถานที่ภายในเรือนจำ

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ต.ค. เวลา 10.00 น.จะเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีฟอกเงิน กับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช กรณีที่มีคลิปเสียงปรากฏเรียกรับเงินจากบอสพอลดิไอคอนกรุ๊ป

สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ เรื่องความพึงพอใจต่อผลงานตำรวจคดีดิไอคอน จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 1,160 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่  17-19 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ติดตามข่าวสารสูงถึง 93.6% และมีเพียง 6.4% ที่ไม่ได้ติดตามข่าว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประชาชนถูกหลอกลวง เดือดร้อนจากขบวนการดิไอคอน ระบุว่าเป็นเพราะความโลภ 92.9% ความลุ่มหลง 90.8% ความเข้าใจผิดในการลงทุน 87.4% ความหละหลวมของหน่วยงานรัฐ 65.3% การทุจริตคอร์รัปชัน 64.9% ที่น่าสนใจคือ ความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจคดีดิไอคอน พบว่าความพึงพอใจมากถึงมากที่สุด 88.7% พึงพอใจน้อยถึงไม่พึงพอใจเลย 11.3%

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า จากกรณีโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้งขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ซึ่งโพสต์ภาพสลิปการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่มีชื่อผู้โอนระบุว่าเป็นบอสพอล และเป็นเงินทำบุญโดยโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพระสงฆ์ชื่อว่า พระอุดร บุญชูหล้า โดยโอนครั้งละ 200,000-600,000 บาท บางเดือนโอนไป 2-3 รอบ ในเวลาไม่กี่ปีโอนเงินบริจาครวมกว่า 12 ล้านบาท โดยอ้างว่าทำบุญวัดสว่างน้ำใส ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่วัดสว่างน้ำใส อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น

โดยได้พบกับพระมหาอุดร ซึ่งเล่าว่าปกติจะจำพรรษาอยู่ที่วัดในกรุงเทพฯ และจะมาที่วัดสว่างน้ำใสหลังจากเข้าพรรษาทุกปี โดยรู้จักบอสพอลครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดในกรุงเทพฯ ซึ่งมาทำบุญที่วัดเป็นเหมือนญาติโยมทั่วไป ส่วนประเด็นที่บอสพอลโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว ไม่โอนเข้าบัญชีวัด เพราะว่าจะได้นำไปทำบุญต่อได้สะดวกกว่าการใช้บัญชีวัด และไม่ได้มีเฉพาะบอสพอลที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ญาติโยมคนอื่นๆ ที่ร่วมทำบุญก็โอนเข้าบัญชีส่วนตัวเช่นกัน แต่ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว จะนำไปทำนุบำรุงที่วัดสว่างน้ำใสซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตตาหารสำหรับญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม และยังนำมาสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นในวัดด้วย เช่น บ่อบาดาล 3 บ่อ บ่อละ 2 แสนบาท, หอกระจายข่าว, ถังประปา, กุฏิที่อยู่

ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าบอสพอลทำธุรกิจอะไร เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนที่รู้จักกัน ตอนนั้นบอสพอลยังถือว่าไม่ได้รวย เป็นลูกศิษย์ที่นานๆ จะมาเจอกัน  ครั้งล่าสุดเจอปีที่แล้วที่มาทอดกฐินที่วัดสว่างน้ำใส ได้เงินทำบุญ 1.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบอสพอลในทางคดีแต่อย่างใด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มือกม.ตำรวจ วิเคราะห์กระบวนการหลอกลวง ธุรกิจ ’ดิไอคอนกรุ๊ป’

ตอนถูกชักชวนเข้ามาธุรกิจนี้ ดาราทุกคนถูกบอสพอลเสนอการตลาดแบบตรง (ขายออนไลน์) และเช็คแล้วบริษัทจดทะเบียนถูกต้องแถม

'โตโน่ ภาคิน' เผยเคยมีงานติดต่อให้เป็น 'บอส' ยันหากไม่ได้ใช้จริงต้องขอปฏิเสธ

ยอมรับว่ามีงานที่ติดต่อเข้ามาให้รีวิวผลิตภัณฑ์รวมถึงติดต่อให้เป็น "บอส" ในลักษณะเดียวกับบรรดาคนดังที่มีเอี่ยวกับ ดิไอคอนกรุ๊ป แต่นักร้องหนุ่ม โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เผยในงานเปิดตัวแบรนด์ VEXXO SMART LIFE ว่าตนได้บอกปัดไปหลายงานมาก แต่ไม่ขอพูดเยอะเพราะไม่อยากซ้ำเติมใคร