นายกฯสั่งล้อมคอก‘ขายตรง’

นายกฯ สั่งทุกหน่วยงาน “เร่งรัด-วางกรอบ-ป้องกัน” ไม่ให้ ปชช.ถูกหลอกจากธุรกิจขายตรง-ออนไลน์ พร้อมให้ ตร.จัดช่องทางแจ้งความได้รวดเร็ว "สคบ." ริบโล่คืนจากดิไอคอนแล้ว  ตั้ง คกก.สอบปม "เทวดารับส่วย" ปธ.สภาฯ ขันนอต กมธ. 35 คณะ “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลคลิปเสียงคล้าย “สามารถ” ผบ.ตร.ยันแจ้งข้อหาบรรดาบอสก่อนสิ้นเดือน ดีเอสไอสอบงบการเงินพบผิดปกติ พร้อมรับเป็นคดีพิเศษ

วันที่ 15 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า  สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ จากการขายตรงและสินค้าออนไลน์ (ดิไอคอนกรุ๊ป) ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดให้มีช่องทางที่ประชาชนจะสามารถเข้าแจ้งเรื่องของเบาะแสและการแจ้งความได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เร่งกำหนดมาตรการและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงให้ความรู้กับประชาชนด้วย เพราะบางคนเข้ามาในธุรกิจนี้ แต่ไม่ทราบว่าการขายตรงต้องมีอะไร อย่างไรบ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหาต่อไป  ป้องกันไม่ให้มีการหลอกลวงเช่นนี้ขึ้นอีก

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข  โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำสินค้าที่ไม่ผ่านการรับรองมาวางจำหน่าย ในระบบขายตรงหรือออนไลน์ พร้อมสั่งการให้กระทรวงการคลังเข้าไปตรวจสอบ และกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดการทำธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดิไอคอนบานปลายถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นรับส่วยรับสินบน ทำให้ธุรกิจที่หลอกลวงประชาชนยังอยู่ เพราะผู้บริหารดิไอคอนก็ยอมรับเองว่ามีการจ่ายส่วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องมีการสอบสวนต่อว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ต้องการให้ตำรวจจริงจังเรื่องนี้ และในทางคดีต้องดูว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจะเข้ามาช่วยด้วยหรือไม่ และหากเข้ามาช่วยจะได้ทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อให้คดีมีความละเอียดและดียิ่งขึ้น ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับส่วยนั้น ได้พูดคุยกับทาง ผบ.ตร.ไปแล้ว ขอให้จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้มีผู้เสียหายเพิ่มเติม

เมื่อถามถึงคลิปเสียงที่หลุดมา พัวพันไปถึงนักการเมือง ซึ่งสามารถวิ่งเต้นเพื่อไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งการแล้ว

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการขายสินค้าออนไลน์ เนื่องจากขณะนี้มีสภาพปัญหาตามที่สังคมรับทราบ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดให้มีช่องทางที่ประชาชนสามารถแจ้งความได้อย่างรวดเร็ว

น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียง ระบุมีเทวดาที่ สคบ.เรียกรับผลประโยชน์ ขณะนี้มีการดำเนินการอย่างไรบ้างว่า จะมีการเชิญคนนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการในการตรวจสอบ โดยได้มีการประสานบุคคลที่มีชื่อเป็นคณะกรรมการครบแล้ว จะมีตัวแทนอัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และตัวแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยวางกรอบตรวจสอบไม่เกิน 30 วัน 

สำหรับชื่อแคนดิเดตเลขาธิการ สคบ. อย่าง พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรองเลขาธิการ สคบ. จะมีการตรวจสอบอย่างไรบ้าง น.ส.จิราพรกล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง ส่วนการมอบโล่ให้บริษัทดังกล่าว จากการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สคบ.พบว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ยืนยันว่าโล่นี้เป็นรางวัลเกี่ยวกับกับสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่การประกอบธุรกิจ ซึ่ง สคบ.ได้มีการส่งหนังสือแจ้งเรียกคืนเรียบร้อยแล้ว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าของดิไอคอนกรุ๊ป เท่าที่ได้ติดตามดูสัดส่วนการตรวจสอบของ อย.กับสินค้าต่างๆ เหล่านี้ ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงปัญหาเรื่องของฉลากที่อวดอ้างสรรพคุณเกินความเป็นจริง ฝ่าฝืนมาตรา 40 และ 41 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 โดยมีการดำเนินการคดีฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องไปเรียบร้อยแล้ว

ปธ.สภาฯ ขันนอตกมธ. 35 คณะ

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งกรรมการสอบกรณีคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่างนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอดิไอคอนกรุ๊ป กับผู้ที่อ้างว่าเป็นนักการเมืองว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้เรียกเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับคณะที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของรัฐสภามาพูดในหลายเรื่อง แต่เฉพาะเรื่องของคลิปเสียงนี้ ซึ่งฟังแล้วไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นถ้ามีผู้แจ้งมาแต่อ้างเรื่องกรรมาธิการ และกรรมาธิการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ทางสภาก็ต้องดำเนินการต่อไป

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ได้กำชับกับเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าต่อไปนี้เราจะต้องเข้มงวดในเรื่องของคนข้างนอกที่จะเข้ามาข้างในสภามากยิ่งขึ้น และตนจะออกหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะ และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ว่าให้ตรวจสอบบุคคลต่างๆ ที่ตั้งเป็นที่ปรึกษาหรือคณะทำงานของคณะกรรมาธิการ ว่ามีบุคคลใดที่ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้พิจารณาเพื่อถอดถอนออกจากกรรมาธิการ เพราะถ้าเรื่องเกิดขึ้นไม่ว่าจะในกรรมาธิการชุดใด ถ้ามีที่ปรึกษาหรือคณะทำงานนั้นไปแอบอ้าง เกิดความเสียหายแล้ว คนแต่งตั้งคือประธานกรรมาธิการจะต้องรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุดคือประมวลจริยธรรม เพราะประมวลจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภาครอบคลุมไปถึงครอบครัว สส.และครอบครัวของกรรมาธิการ 

ทั้งนี้ หากเหตุการณ์ร้ายแรงต้องส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ร้ายแรงก็มีบทลงโทษตามขั้นตอนของสภา ถ้าเป็นกรรมาธิการ แต่ไม่ใช่ สส. ก็ไล่ออก แต่ถ้าทำผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เราก็ต้องดำเนินการไม่ละเว้น โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชน เพื่อไม่ให้หลงเชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภา ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ถ้ามีเราก็ต้องแก้ไข

  ที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงคล้ายเสียงนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรค พปชร. เรียกรับเงิน "บอสพอล ดิไอคอน" เพื่อช่วยไม่ให้ถูกตรวจสอบในชั้นคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวสั้นๆ ว่า เดี๋ยวจะมีผู้ชี้แจง ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ได้มีการต่อสายพูดคุยกับนายสามารถหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้ำคำตอบเดิมว่า เดี๋ยวจะมีการชี้แจง ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่า กังวลหรือไม่ เพราะถือว่านายสามารถเป็นคนสนิท พล.อ.ประวิตรส่ายหัวพร้อมบอกว่าไม่กังวล

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. แถลงภายหลังการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึงกรณีคลิปเสียงดังกล่าว พล.อ.ประวิตรได้ยืนยันว่าพรรค พปชร.มาตรฐานจริยธรรมสูง ถ้าสมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็นมีตำแหน่งในพรรคหรือไม่มี ถ้าผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีถึงที่สุด แต่ถ้าผิดวินัยหรือระเบียบข้อบังคับพรรคจะดำเนินการตามมาตรฐานของพรรค  ที่สำคัญคลิปดังกล่าวในวันนี้ยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ว่าเสียงของใคร ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือในปี 2565 ซึ่งถ้าเป็นคนที่ถามหากัน ในปีดังกล่าวยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. แต่ถ้ามีการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่ากระทำผิดจริง หัวหน้าพรรคยืนยันจะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างแน่นอน

แจ้งข้อหาดิไอคอนก่อนสิ้นเดือน

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมด้วยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา, นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หรือทนายรณณรงค์ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด  พาผู้เสียหายกว่า 100 ราย กรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทุกรายในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า มีความคืบหน้าเป็นไปอย่างมาก ตอนนี้อยู่ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ส่วนการจะออกหมายจับผู้ถูกล่าวหาทั้งหมดหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนต้องมีความรอบคอบและรัดกุมในการทำสำนวน จากที่ดูหลักฐานเชื่อว่าเข้าข่ายความผิดตลาดขายตรง, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค, พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ และฉ้อโกงประชาชน ทั้งนี้ ได้สอบปากคำผู้เสียหายไปทั้งหมดมากกว่า 900 คน จากที่ผู้เสียหายได้ลงทะเบียนเกือบ 1,100 คน มูลค่าความเสียหาย 400 ล้านบาท และขอยืนยันว่าภายในเดือนนี้จะสามารถออกหมายจับกับผู้กระทำความผิดได้

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการว่าจะเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง สำหรับการที่ผู้ถูกกล่าวหามีการชิงชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายก่อนนั้น ไม่มีผลกระทบต่อรูปคดี เพราะไม่สามารถยอมความได้ ต้องดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมายตาม ป.วิอาญา

ทางด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกดีเอสไอ ประชุมพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามบัญชีแนบท้ายท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และเตรียมทำหนังสือประสานตำรวจกรณีบริษัท ดิไอคอนฯ ที่มีผู้เสียหายมากกว่า 1,000 คน และมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 200 ล้านบาทแล้ว

พ.ต.ต.วรณันเปิดเผยว่า ตามที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายแล้วกว่า 1,000 ราย โดยจากมูลค่าความเสียหาย และจำนวนผู้เสียหาย ชัดเจนว่ากระทบต่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งหากพบเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มีการหมุนเวียนจ่ายเอาเงินสุดท้ายมาจ่ายให้ หรือมีการเชิญชวนให้ลงทุนธุรกิจเสนอผลตอบแทนกลับ แต่เคสนี้มีข้อเท็จจริงต้องดูให้ละเอียด ที่มีสัญญาแบบขายขาด แล้วช่วยทำการตลาด จึงเป็นรายละเอียดที่ต้องถอดจากพฤติการณ์ ถ้าเข้าเงื่อนไขดีเอสไอพร้อมรับเป็นคดีพิเศษทันที ทั้งนี้ ได้ตรวจย้อนหลังงบการเงินของดิไอคอนตั้งแต่ปี 2562 พบความผิดปกติหลายประเด็น ทั้งรายได้-รายจ่าย ซึ่งอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขำไม่ออก!นายกฯ คิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจวิดีโอคอลจังหวัดต่างๆ ขอให้รวยๆ

นายกฯ คิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต่อยอดเงินหมื่น หลังผลตอบรับดี ชี้ช่วย “ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก-เพิ่มพื้นที่ค้าขาย-ลดค่าครองชีพ“ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.1 แสนล้าน ก่อนวิดีโอคอลทักทายจังหวัดต่างๆ

นับถอยหลัง 10 วันคดีตากใบ คือโอกาสของนายกฯ-ลูกอดีตนายกฯและกระบวนการยุติธรรม

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงคดีสลายการชุมนุมเหตการณ์ตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ว่า