คลังแจง "คนละครึ่งเฟส 4" เข้า ครม.สัปดาห์นี้ไม่ทัน รอสภาพัฒน์เคาะงบโครงการก่อน จ่อชงยืดเวลาใช้ยาว 3 เดือน ยันเริ่ม 21 ก.พ. ไม่ช้าเกินไป หวังช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ที่จะปรับเวลาการเริ่มโครงการให้เร็วขึ้นนั้น ยังเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์นี้ไม่ทัน เนื่องจากอยู่ระหว่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ พิจารณาเรื่องการใช้เงินก่อน โดยโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ต้องใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจ 5 แสนล้านบาท ซึ่ง สศช.ต้องพิจารณาเห็นชอบก่อน
สำหรับการปรับเวลาโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จากเดิมจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.2565 ให้เร็วขึ้นเป็นลงทะเบียนยืนยันตัวตนในวันที่ 14 ก.พ. และเริ่มใช้วงเงินได้ 21 ก.พ.2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาสินค้าแพง ถือว่าไม่ได้ช้าเกินไป เนื่องจากต้องมีขั้นตอนที่เตรียมการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการปฏิบัติมาภายหลัง
นอกจากนี้ ในส่วนของแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มนั้น รมว.การคลังระบุว่า ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น เพราะปัจจุบันรัฐบาลได้มีการดำเนินการควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น อาทิ ราคาพลังงาน และราคาสินค้าต่างๆ อยู่แล้ว
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าอาจจะยืดระยะเวลาดำเนินโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ไปเป็น 3 เดือน จากเดิมกำหนดไว้ 2 เดือน รวมถึงหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขการดำเนินโครงการทั้งหมด ซึ่งอาจจะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ในหลักการต้องพิจารณาตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยรายละเอียดทั้งหมดยังต้องรอสรุปให้เรียบร้อยก่อน
“ไม่อยากให้มองว่าโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะให้เงินมากขึ้นหรือน้อยลง เพราะหากพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจต่างๆ แล้ว สถานการณ์ยังคงอ่อนไหว ก็มีความเป็นไปได้ที่ระยะเวลาดำเนินโครงการจะมากเดือนขึ้น แต่หากเศรษฐกิจเริ่มแข็งแรงขึ้น โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ระยะเวลาดำเนินโครงการก็อาจจะลดลง ทุกอย่างสามารถยืดหยุ่นได้ โดยหากระยะเวลาโครงการมากขึ้น วงเงินที่ใช้ก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นอัตโนมัติอยู่แล้ว รายละเอียดทั้งหมดกำลังประชุมกันอยู่ ต้องรอสรุปอีกที” รมช.การคลังระบุ
ทั้งนี้ มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้ มาตรการที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดคือการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการผ่านมาตรการคนละครึ่ง ซึ่งมีประชาชนได้ประโยชน์กว่า 28 ล้านคน ช่วยให้การบริโภคของประชาชนโดยเฉพาะในระดับฐานรากดีขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้
กสม.ตบปากทักษิณ ซัดปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ/‘พท.’ชง‘ลูกอิ๊งค์’คุยพ่อลดดีกรี
"ประธาน กกต." ลั่นพร้อมดูแลเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ.แล้ว
ชทพ.ย้ำห้ามแตะสถาบัน สว.ค้านหั่นเสียง‘สภาสูง’
ชาติไทยพัฒนายันแก้รัฐธรรมนูญห้ามแตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด “สว.” ย้ำไม่เอาแน่หากเสนอตัดเสียงสภาสูงออก
นายกฯสั่งดูแล คนไทยในสหรัฐ เหตุไฟป่า‘L.A.’
“แพทองธาร” บอกเช็กแล้วไม่มีคนไทยในสหรัฐบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากไฟป่า
คึกคักจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
หลายจังหวัดคึกคัก จัดงานวันเด็กแห่งชาติ เหล่าทัพจัดเต็มแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์
‘ภรรยาลิม’โอด ช่วงสามีถูกยิง! ไร้‘ผู้ช่วยเหลือ’
ผกก.สน.ชนะสงครามยันออกหมายจับมือยิง “ลิม กิมยา” แค่ 2 คน “เมียอดีต สส.ฝ่ายค้าน”