พท.หวังเข็น‘ประชามติ’ โทษสภาสูงเตะถ่วงกม.

"สรวงศ์" หวังเข็นร่าง พ.ร.บ.ประชามติให้ทันพ่วงเลือก สจ. พร้อมยกร่าง รธน.ได้ทันรัฐบาลนี้ "ครูมานิตย์" ชี้ปัญหาอยู่ที่ สว. หากไม่ยอมถอยใช้เสียงสองชั้นไม่ทันสมัย รบ.นี้แน่ แนะให้พรรคที่คุมอำนาจ สว.ไปคุยก็จบ “หมอวรงค์”  ดักคอนักการเมือง อยากยกเลิก รธน.ฉบับปราบโกง กลัวแพ้ประชามติจึงแก้ให้เหลือชั้นเดียว เชื่อร่าง รธน.ฉบับใหม่โจรจะครองเมืองง่ายขึ้น "วันชัย"  โทษขบวนการคนหน้าเดิมจ้องเซาะกร่อนบ่อนทำลาย "ทักษิณ-เพื่อไทย"  

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ยังไม่ได้ข้อยุติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และอาจส่งผลให้การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่อยากรักษาวันและเวลาให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งแรกอย่างพยายามให้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของ 2 สภา และยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทันได้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เชื่อว่าเมื่อได้มีการประชุมร่วมกันแล้ว น่าจะคุยกันได้ในชั้นของกรรมาธิการร่วมฯ หากมีอะไรที่สามารถปรับแก้หรือโอนเอียงได้ก็จะพยายามทำให้ทัน ยืนยันว่าการทำประชามติชั้นเดียวดีที่สุด เพราะจะไม่มีอะไรที่จะเป็นการตั้งแง่ ทำให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นมาจนทำให้ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าทำประชามติรอบแรกไม่ทันการพ่วงเลือก สจ.ทั่วประเทศ นายสรวงศ์กล่าวว่า ก็พยายามทำให้ทัน หากไม่ทันจริงๆ ต้องเสียงบประมาณพอสมควรในการทำประชามติแยกออกมา ส่วนจะใช้กฎหมายประชามติปี 2564 แทนได้หรือไม่ ตรงนี้ไม่ทราบในรายละเอียด ต้องถามนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทีมกฎหมายดูแลในเรื่องข้อกฎหมายตรงนี้

เมื่อถามว่า เพื่อไทยได้มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการแก้ไข รธน.หรือยัง นายสรวงศ์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคกับพรรคยังไม่ได้คุยกัน แต่มั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค คงได้มีการพูดคุยกันในระดับหัวหน้าพรรคกันแล้ว แต่จะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้รอได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดกันก่อน ในส่วนของ พท.พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยดีและทันเวลา หากมีอะไรที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ หรืออะไรที่เรายังคงสิ่งที่เรามุ่งมั่นอยู่ก็สามารถพูดคุยกันได้

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา)  จะนัดประชุมในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เพื่อเคาะชื่อคนที่จะมานั่งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติว่า เรายังไม่รู้ว่าวันนี้ทางวุฒิสภาจะมีท่าทีถอยหรือไม่ หากวุฒิสภามีท่าทีถอยเพื่อทบทวนก็จะไว แต่หากยืนยันเช่นนั้นก็จะต้องขยายไปอีก 180 วัน แน่นอนว่าแก้ไขไม่ทันสมัยรัฐบาลนี้ แต่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจอะไรขึ้นว่าต้องเห็นแก่บ้านเมือง ต้องเดินไปอย่างไร

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีข้อเสนอหรือทางออกระหว่างสองสภาอย่างไร นายครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่มีทางออกอะไรเลย เรื่องนี้มันตัน หากวุฒิสภาต้องการทำให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องทบทวนมติ  คือการเอาเสียงข้างมากของคนที่มาใช้สิทธิ แต่หากวุฒิสภายังยืนกรานที่จะเอาเสียงข้างมากสองชั้น  ตรงนี้ก็จะเหนื่อยและไม่มีสิทธิที่จะเสนอแนะอะไรได้เลย หาก สว.ให้ผ่านทุกอย่างก็จบ ทุกคนก็รู้และปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ใครคุมอำนาจของ สว.อยู่ ส่วนการพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจกับทาง สว.เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ต้องใช้คนระดับหัวหน้าพรรคประสานในการแก้ปัญหาเรื่องนี้

"ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคจำนวนมาก วันนี้ใครที่ดูแลวุฒิสมาชิก แค่พรรคสองพรรคไปคุยกันตรงนี้ก็จบแล้ว และวันนี้เป็นที่โจษจันของสังคมอยู่แล้วว่า สว.เป็นกลุ่มก้อนของใคร จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติหรือพรรคประชาธิปัตย์ไปคุยได้อย่างไร เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวุฒิสมาชิกเลย" นายครูมานิตย์กล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สิ่งน่าแปลกใจ  นักการเมืองมีอะไรนักหนา ที่ต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกงของลุงตู่ ถึงขนาดเห็นพ้องร่วมกันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน การที่มีการเห็นพ้องกัน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลถือว่าผิดปกติ เจตนาของคนเหล่านี้ เกรงกลัวเรื่องปราบโกง เรื่องจริยธรรม รวมทั้งองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกับนักการเมืองที่ไม่ตรงไปตรงมา จึงอยากยกเลิกเพื่อร่างใหม่ แต่การยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง ต้องมีการทำประชามติ เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาทดแทน เหตุผลที่อ้างบังหน้าคือ ต้องการรัฐธรรมนูญของประชาชน

นพ.วรงค์ระบุว่า ที่ตลกย้อนแย้ง รัฐธรรมนูญปราบโกง ผ่านประชามติอย่างท่วมท้น ด้วยเสียงข้างมากสองชั้น นั่นคือมีผู้มีสิทธิในขณะนั้น 50 ล้านเสียง และมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 29.7 ล้านเสียง เท่ากับผ่านเกณฑ์ จำนวนขั้นต่ำของผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ส่วนในจำนวนที่ออกมาใช้สิทธิ ลงคะแนนเห็นชอบ 16.8 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10.5 ล้านเสียง จึงผ่านประชามติแบบสง่างาม ถือว่าผ่านเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น แต่เมื่อจะทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง กลัวว่าจะแพ้เลยมีการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ให้ลดเกณฑ์เหลือเสียงข้างมากชั้นเดียว ให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยไม่ต้องสนใจว่าผู้มาออกเสียงถึงครึ่งของผู้มีสิทธิหรือไม่

"อย่าเอาประชาชนมาอ้าง ที่สำคัญกลัวแพ้ประชามติจึงแก้กติกา เพื่อให้พวกนักการเมืองชนะประชามติ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามที่นักการเมืองต้องการ โจรจะได้ครองเมืองง่ายขึ้น หรือเอาประเทศไปเป็นเมืองขึ้นตะวันตกง่ายขึ้น โชคดีที่วุฒิสภาเขาไม่เอาด้วย" นพ.วรงค์ระบุ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อยากให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำของรัฐบาล และประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญในการหาเสียง มีความจริงใจและรีบผลักดันให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างให้สำเร็จในวาระของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อจะได้บังคับใช้ในการเลือกตั้งปี 2570 ไม่อยากจะให้มีการออกมาแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์จุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ เพื่อดิสเครดิตกัน โดยไม่คิดผลักดันแก้ไขให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง

นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตกลงเพื่อไทยจะล่มสลายหรือใครจะล่มสลายกันแน่ เพราะคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้คุยใหญ่คุยโตเหมือนหนังบู๊ล้างผลาญ พอฉายออกมาไม่มีอะไรเลย มีแต่คนโห่ฮาป่า เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ จับแพะชนแกะเหมือนเด็กเลี้ยงแกะยังไงยังงั้น เขียนคำร้องโยงไปโยงมาให้พันกันเป็นประเด็นๆ เอาข่าวของคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยที่สื่อรู้กันอยู่แล้ว มาเขียนให้เข้าเป็นข้อกฎหมาย เป็นการคาดคะเน มโน และจินตนาการสารพัดเรื่อง เอามาผูกโยงให้มั่วพันกันไปหมด บางเรื่องก็เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ผู้ร้องยังเป็นเด็ก ทันรู้เรื่องหรือยังก็ไม่รู้ เห็นคำร้องแล้วมาจากความล่มสลายทางความคิดและความแค้นมากกว่าเหตุผล

"ขบวนการนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นการกระทำของคนหน้าเดิม และคนอยู่ข้างหลังก็คนเดิมๆ คิดแต่จะล้มล้างรัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ไม่มีประเด็นก็หาประเด็น  ไม่มีเรื่องก็หาเรื่อง ตราบใดที่คุณทักษิณยังหายใจอยู่ คนพวกนี้ก็ยังมองว่าผิดอยู่นั่นแหละ คิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจะให้เขาหยุดหายใจ จะได้นอนตายตาหลับ แต่ถ้ามีอาการฟุ้งซ่านขนาดนี้ สงสัยคนในขบวนการนี้จะล่มสลายและหยุดหายใจเสียก่อนกระมัง" นายวันชัยระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง