ฟุ้งผลงานแพทองธารทัวร์ลาว

ฮิปโปฯ น้อยบุกที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก "นายกฯ อิ๊งค์"  เผยนายกฯ ออสเตรเลียปลื้ม “หมูเด้ง” คนออสเตรเลียคลั่งมาก โฆษกรัฐบาลแถลงทุกเม็ด  แค่ "แพทองธาร" จับมือพูดคุยกับนายกฯ ญี่ปุ่น  ได้ข้อหารือส่งเสริมการลงทุนเพียบ

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในช่วงเช้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี หารือกับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือว่า นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นต่างๆ ดังนี้  โดยความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ โดยนิวซีแลนด์ได้ชื่นชมการเข้ามาลงทุนระบบ Data Center และ Cloud ของ Google โดยสะท้อนว่าประเทศไทยมีความสามารถและเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งนิวซีแลนด์ก็มีความสนใจการลงทุนเทคโนโลยีชั้นสูงและพลังงานทดแทน และทั้ง 2 ประเทศมั่นใจในการบรรลุเป้าหมายการค้า 3 เท่าภายในปี 2569 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ไทย-นิวซีแลนด์

นายจิรายุกล่าวว่า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ชื่นชมความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (smart farming) ซึ่งทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรซึ่งกันและกัน และทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา รวมถึงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษา และยังเห็นพ้องในการพิจารณาเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศไทยและนิวซีแลนด์ด้วย

นายจิรายุกล่าวอีกว่า บรรยากาศในการหารือเป็นไปอย่างกันเอง แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก โดยนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้มีการสนทนาถึงเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องการท่องเที่ยว สะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นระหว่างไทยและนิวซีแลนด์

โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า ก่อนที่ น.ส.แพทองธารจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAST ASIA SUMMIT) ครั้งที่ 19 ในเวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรีได้จับมือทักทายและสนทนากับนายอิชิบะ ชิเกรุ (His Excellency ISHIBA Shigeru) นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้ความมั่นใจว่า แม้จะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะสานต่อนโยบายที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นในประเทศไทย

นายจิรายุกล่าวว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวยืนยันที่จะร่วมมือกับไทยต่อไป ทั้งในด้านพลังงาน อุตสาหกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ของยานยนต์ และยังกล่าวอีกด้วยว่า โดยส่วนตัวได้เดินทางมาประเทศไทยกว่า 7 ครั้ง และยังได้เคยมาศึกษาดูงานด้านการทหารของไทย จึงหวังที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในด้านความมั่นคง ซึ่ง น.ส.แพทองธารระบุจะมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ที่ดูแลด้านความมั่นคงหารือกับฝ่ายญี่ปุ่นต่อไป

ต่อมา เวลา 11.10 น. ที่ สปป.ลาว น.ส.แพทองธารกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 19 (19th East Asia Summit: EAS) ว่า ขอชื่นชมบทบาทและความเป็นผู้นำของ สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ ซึ่งการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกนี้ ยังเป็นเวทีสำคัญ โดยประเทศไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกพันธมิตร เพื่อให้แผนปฏิบัติการ EAS (EAS Plan of Action) ที่ได้รับการรับรองเมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้งมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo-Pacific: AOIP) เป็นแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับพันธมิตรภายนอกทั้งหมด เพื่อสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยประเทศไทยจะสนับสนุนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและการบูรณาการอย่างเต็มที่

 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอแบ่งปันมุมมองในประเด็นที่มีข้อห่วงกังวลร่วมกัน อาทิ ประเด็นของประเทศเมียนมา ซึ่งไทยยังคงมุ่งมั่นต่อฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) และสนับสนุนการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีเมียนมาที่สงบสุข มีเสถียรภาพ และเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในขณะที่มีการเรียกร้องให้ลดความรุนแรง ประเทศไทยให้ความสำคัญกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยมอบเงินเพิ่มเติมจำนวน 290,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ศูนย์ประสานงานอาเซียน เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) สนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา สะท้อนถึงแนวทางการดำเนินงานที่สร้างสรรค์และเป็นรูปธรรมของไทยในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของประชาคมอาเซียน 

 นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ประเทศไทยมีความกังวลกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น โดยขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อบรรลุสันติภาพและเสถียรภาพอย่างยั่งยืนในคาบสมุทรเกาหลีที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป

 ส่วนประเด็นสถานการณ์ในตะวันออกกลาง  ประเทศไทยมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงในฉนวนกาซา โดยขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด และเรียกร้องให้มีการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งไทยยังสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างไม่มีข้อจำกัด และการบรรลุแนวทางแก้ไขปัญหาสองรัฐให้เป็นจริง (Two-State solution)

 ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดโดยทันที ซึ่งขณะนี้ยังมีคนไทยจำนวน 6 คน ที่ถูกจับกุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา

เวลา 12.15 น. ที่ สปป.ลาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย

โดย น.ส.แพทองธารได้เล่าเหตุการณ์ระหว่างพบกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ที่มีความชื่นชอบหมูเด้งของไทยว่า ในระหว่างจับมือได้พูดคุยตามปกติ อยู่ๆ นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลียก็พูดว่าประเทศไทยมีหมูเด้งที่ได้รับความนิยมมาก ทั้งยังบอกว่าคนออสเตรเลียก็คลั่งหมูเด้งมากเช่นเดียวกัน ส่วนตัวจึงอยากเดินทางไปประเทศไทยเพื่อไปหาหมูเด้งด้วย เชื่อว่าหมูเด้งจะโด่งดังไปเรื่อยๆ

และนอกจากนี้ ในระหว่างหารือกับประเทศต่างๆ มีหลายประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ หรือแคนาดา แสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่ก็ได้แสดงความเสียใจที่ประเทศไทยต้องเจอกับเหตุการณ์น้ำท่วมและรถบัสนักเรียนไฟไหม้ด้วย เนื่องจากได้ติดตามหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย  โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดความสูญเสีย บางประเทศพูดแล้วเอามือจับหัวใจ แสดงความเสียใจไปกับเรา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับ ผบ.ตร. ติดตามคดี 'ดิไอคอนกรุ๊ป' ให้เป็นบรรทัดฐานแก้ปัญหา

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ภายหลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง

'แพทองธาร' หารือทวิภาคีนายกฯออสเตรเลีย ชม 'หมูเด้ง' ช่วยดึงดูดการท่องเที่ยว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ไทยจะสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ตามแนวทางการทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุกของไทย