แม้วขอปิดดีลเนวิน อนุทินรับกินข้าววันเกิด/อิ๊งค์ปัดพึ่งเต้นกำราบม็อบ

"อนุทิน" ยืดอกรับเป็นคนพา "เนวิน"  เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า บอกแค่กินข้าวฉลองวันเกิดเท่านั้น ลั่นไม่มีนัยทางการเมือง พร้อมปัดวลี "จบแล้วครับนาย" ไม่มีจริง ปัดทิ้งนายกฯ คนละครึ่ง  "นายกฯ อิ๊งค์" รับอยู่คนละบ้านไม่รู้เจอกันไหม "รมต.เพื่อไทย" เหลอหลาไม่รู้เรื่อง "แพทองธาร" ยันตั้ง  "ณัฐวุฒิ" เพราะหวังมาช่วยงานหลายอย่าง "เรืองไกร" ยื่น กกต.ฟันทันที ยกเคส "เศรษฐา" เป็นต้นแบบ "โรม" ได้ทีบอกพี่เต้นต้องมาดันนิรโทษกรรม  "ไพบูลย์" บอกให้นับถอยหลัง 48 ชม. 10 ต.ค.รัฐบาลล่มสลาย "บิ๊กอ้วน" มึนไม่รู้ไม่ต้องรับมือ

เมื่อวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อพบนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี

โดยนายอนุทินยอมรับว่า ไปจริง เป็นคนชวนไปเอง จบนะ ไม่ต้องถามอะไรต่อ กินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องภายใน เบิร์ธเดย์บอย เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามเพิ่มเติม นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีแล้ว ถามเรื่องงานต่อ

เมื่อถามถึงกรณีข้าราชการกระทรวงไปร่วมงานวันเกิดนายเนวินจำนวนมาก จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า จริงๆ แล้ววันนั้นนำข้าราชการกระทรวงไปตรวจความคืบหน้าโครงการน้ำประปาดื่มได้ ส่วนถ้ามีคนยื่นร้องเรื่องนี้จะกังวลหรือไม่นั้น ในเมื่อไปทำงานจะไปร้องอะไร

ถามว่า นายทักษิณได้อวยพรนายเนวินเนื่องในวันเกิดหรือไม่ นายอนุทินร้องโหก่อนตอบว่า “ท่านใจดี ท่านให้เสื้อแจ็กเกตมาตัวนึง ผมยังไม่ได้เลย”

เมื่อถามต่อว่า ความสัมพันธ์กลับมาดีชื่นมื่นแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้โกรธอะไรกัน ส่วนวลีที่บอกว่า มันจบแล้วครับนาย ใครก็ไม่รู้เป็นคนพูด อยู่มากว่า 10 ปียังไม่เคยได้ยินคำนี้  กล้าพูดเหรอ ถามจริง กับคนเป็นเจ้านายมันไม่มีหรอก อย่าเอาคำนี้ขึ้นมามันไม่มีอะไร

ถามอีกว่า ยังแฮปปี้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าไม่แฮปปี้ ไม่มั่นใจ ก็คงไม่ชวนไปหรอก เพราะคนที่ชวนคือตน

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้ และเมื่อถามว่ามีการพูดคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คุยได้อย่างไร คนแก้ไขคือพวกตน นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องคุยกับนายกฯ คุยกับสภา

เมื่อถามว่า มีการจับตาว่าอาจมีนายกฯ คนละครึ่งกับพรรคเพื่อไทย นายอนุทินกล่าวว่า คนละครึ่งหมดไปตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ แล้ว ตั้งใจทำงานรับใช้สนองงาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ดีที่สุด นายกฯ  กับตนรู้จักกันมา นายกฯ เรียกว่าอาทุกคำจนถึงเดี๋ยวนี้ จนต้องไปขอให้อย่าเรียกว่าอาหนูมันไม่ได้แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้นายกฯ เรียกว่าท่านรองฯ อนุทิน ไว้คุณเป็นอาเป็นน้าคนก่อนจะเข้าใจความรู้สึกเองว่าเวลาคนเรียกเราอาเรียกเราน้าเรามีหน้าที่ต้องตอบสนองอะไรเขาบ้าง"

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีไม่ได้เลย นี่รัฐบาลนะ การจะไปหุ้นกันแล้วบอกว่าครึ่งคนละเสี้ยวมันไม่ได้  วันนี้ตนและพรรคภูมิใจไทยตั้งใจเต็มที่ที่จะทำงานให้กับรัฐบาลชุดนี้ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายเนวินอวยพรให้นายอนุทินเป็นนายกฯ นายอนุทินกล่าวว่า แล้วจะให้เขาอวยพรให้ไปเป็นผู้จัดการฟุตบอลบุรีรัมย์หรืออย่างไร คนอวยพรก็อวยพรไปอย่างนั้นแหละ อวยพรมากว่า 10 ปียังไม่เห็นได้เป็นสักทีเลย

มีรายงานว่า การที่นายเนวินเข้าพบนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นความต้องการของนายทักษิณเอง เนื่องจากการหารือประเด็นทางการเมืองกับนายอนุทินหลายเรื่องหาข้อสรุปไม่ได้ จึงให้นายอนุทินพานายเนวินเข้าพบ โดยทางนายอนุทินและนายเนวินยืนยันจุดยืนทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ไม่แก้ไขรายมาตรา  โดยให้ตั้ง ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และไม่เอาเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเป็นการหารือกรณี น.ส.แพทองธาร อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิทางการเมือง แล้วจะให้นายอนุทินขึ่้นเป็นนายกฯ แบบคนละครึ่งนั้น แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่ามีการหารือหรือไม่ อาจมีการหารือกันจริงแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยก็เป็นไปได้เช่นกัน

อิ๊งค์บอกอยู่คนละบ้าน

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงการพบนายเนวินที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่ว่า ไม่อยู่ อิ๊งค์อยู่คนละบ้านกับพ่อนะ และวันนั้นก็ไปภารกิจอื่น ก่อนหันมาย้อนถามสื่อมวลชนว่าใครให้ข่าวคะ นักข่าวตอบว่าเป็นรายการดังทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง นายกฯ จึงกล่าวว่า “อ๋อเหรอ”

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ไม่ได้เจอนายเนวินใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เจอค่ะ เมื่อถามย้ำว่า แล้วมีการเจอกันจริงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวขอถามคุณพ่อก่อนนะคะ” พร้อมกับทำท่ายกโทรศัพท์มือถือขึ้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าเขาได้เจอกัน

เมื่อถามย้ำว่า นายอนุทินยอมรับว่าทั้งสองคนพบกัน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ต้องถามนายอนุทินว่าไปเจอกันเรื่องอะไร ไม่ได้รับรู้ด้วย รัฐบาลเดินหน้าทำงานอย่างเดียว ไม่ได้คำนึงถึงอะไร ใครจะเจอกับใคร ไม่เจอกับใคร ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ทำตามนโยบายอย่างเดียว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ปฏิเสธแสดงความเห็นข่าวนายเนวิน โดยบอกสั้นๆ ว่า ได้เห็นแต่ข่าวตามสื่อมวลชน แต่ไม่ทราบเรื่อง

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า “ไม่รู้ ไม่ทราบ”

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวว่ามีการพบหรือไม่อย่างไร และเมื่อถูกถามว่าจะทำให้ประเด็นทางการเมืองเช่น การแก้รัฐธรรมนูญง่ายขึ้นหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการเจอกันหรือไม่ แต่การกระทำให้บางเรื่องง่ายขึ้นหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภามากกว่า

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายเนวินเคยพูดในทำนองว่าอยากให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ซึ่งในวันนี้เป็นช่วงเวลาที่นายกฯ ชื่อ น.ส.แพทองธาร การพูดทำนองนี้ยอมรับว่ามันอาจจะสะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพทางการเมือง

“เราบอกได้ว่าตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำตัวจริง เพราะการตัดสินใจหลายๆ อย่าง การพลิกไปพลิกมาที่เราเห็นของฝั่งรัฐบาล ล้วนถูกชี้นำโดยพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น ถ้าเรามองในประวัติศาสตร์อาจพบว่าคุณเนวินกับคุณทักษิณก็เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขและมีความขัดแย้งกันมา วันนี้ก็ต้องกลับมาร่วมกันอีก อาจด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาถึงบอกว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยกันได้” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ย้ำว่า ต้องยอมรับว่าเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง ต่อให้มีนายทักษิณเป็นกาวใจ ก็อาจไม่แก้ปัญหาอะไร สุดท้ายความฝันของนายเนวินจะเป็นจริงหรือไม่ ก็คงต้องติดตามดูต่อไป

เมื่อถามว่า หลังจากมีการพบกันได้มีกระแสนายกฯ คนละครึ่ง นายรังสิมันต์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า นายกฯ แบ่งคนละครึ่งแบบนี้มันไม่สมควร เพราะสำคัญที่สุดคือประโยชน์ของประชาชน การเมืองที่เราอยากเห็นคือการเมืองที่มีเสถียรภาพ อย่าทำให้ตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ เป็นเก้าอี้ดนตรี

ปัดตั้ง 'เต้น' กำราบม็อบ

ขณะเดียวกัน ก่อนการประชุม ครม. น.ส.แพทองธารกล่าวถึงการตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะให้ช่วยงานด้านใดว่า ช่วยเยอะเลยค่ะ ต้องช่วยเยอะเลย

ต่อมา น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม.ในประเด็นนี้อีกครั้งถึงการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิเพื่อต้องการมาตอบโต้ม็อบที่มีการรวมตัวกันในขณะนี้โดยเฉพาะหรือไม่ว่า อันนี้อาจเป็นเวลาที่พอดีไปหน่อยที่มีกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะความจริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่นายณัฐวุฒิเป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ก็ได้ทำงานร่วมกับนายณัฐวุฒิมาโดยตลอด เห็นความสามารถหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเมืองและการบริหารจัดการหลายอย่าง ได้ให้คำปรึกษากันมาตลอด คิดว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมกับนายณัฐวุฒิเข้ามาพอดี และความจริงนอกรอบเราได้คุยปรึกษากันเรื่อยๆ อยู่แล้ว ก็น่าจะทำประโยชน์ได้เยอะ ช่วยได้เยอะ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวรอบทำเนียบฯ ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะมีผลกระทบกับการจราจรรอบทำเนียบฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ให้เลขาธิการนายกฯ ไปคุยตามระเบียบ

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อถึงกรณีการโอนหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับฯ ให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เมื่อต้นเดือน ก.ย. นายกฯ ไม่ตอบคำถาม เพียงระบุว่า “ขออนุญาตวิ่งหน่อยได้ไหม” ก่อนเดินฝ่าวงผู้สื่อข่าวเพื่อไปที่รถ

ขณะเดียวกัน ก่อนนายกฯ ขึ้นรถผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่าให้เหตุผลได้หรือไม่ว่าทำไมนายณัฐวุฒิถึงยอมกลืนเลือดกลืนเนื้อกลับมาช่วยงานรัฐบาล ซึ่ง น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

นายประเสริฐกล่าวว่า นายณัฐวุฒิเคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมา เป็นคนมีความรู้ความสามารถ การมาช่วยงานนายกฯ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีความสามารถพิเศษด้านการสื่อสารการเมือง จะมีประโยชน์ทำอะไรได้หลายอย่าง และเป็นธรรมดาที่นายกฯ จะดึงคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทีม ที่ไม่ใช่แค่นายณัฐวุฒิเพียงคนเดียว แต่จะดึงนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส อดีตปลัดสำนักนายกฯ มาร่วมทีมด้วย ส่วนนายกฯ จะให้นายณัฐวุฒิมาช่วยอะไรนั้น ยังไม่ทราบ จากคำสั่งเป็นภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย นายกฯ สั่งอะไรคงต้องทำอันนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้พรรค พท.เคยมอบหมายให้นายณัฐวุฒิดึงคนเสื้อแดงกลับบ้าน การให้ตำแหน่งในครั้งนี้เป็นการเรียกคะแนนนิยมให้รัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า จุดมุ่งหมายหลักคงอยู่ที่การทำงานช่วยเหลือประชาชน และการสื่อสารเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล รวมถึงชี้แจงประเด็นที่หลายฝ่ายไม่เข้าใจรัฐบาลให้เข้าใจตรงกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีม็อบเตรียมออกมาจำนวนมาก นายณัฐวุฒิจะมาสื่อสารตรงนี้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า การสื่อสารกับมวลชนมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองดูแลอยู่แล้ว

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ระบุว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์เพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบตามหน้าที่และอำนาจของ น.ส.แพทองธาร ว่าการแต่งตั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตามคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 319/2567 ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 และการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ตามคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 348/2567 ลงวันที่ 4 ต.ค.2567 นั้น จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ โดยอ้างอิงตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567 วันที่ 14 ส.ค.2567 เป็นกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกฯ ถูกศาลวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ในฐานะนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ด้วยกรณีของนายเศรษฐา ต้องพ้นจากตำแหน่ง มีมูลเหตุจากการตั้งบุคคลเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่บุคคลนั้นเคยถูกศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุกมานานแล้ว

นายภูมิธรรมกล่าวประเด็นนี้ว่า ไม่เห็นจะเข้าข่ายอะไร นายเรืองไกรก็มีสิทธิ์ร้อง แต่ถ้ามีปัญหากระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการ ถ้าไม่มีปัญหากระบวนการยุติธรรมก็ยกคำร้อง ส่วนว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจนั้น ถ้าถามเรา เราปฏิบัติก็มั่นใจ ไม่คิดว่าอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าเป็นปัญหาคงไม่ทำ ซึ่งอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม

 เมื่อถามย้ำว่า ได้ตรวจสอบแล้วก่อนที่จะมีการลงนามแต่งตั้งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า แน่นอน ในการดำเนินการเราต้องดูอย่างถูกต้องและเหมาะสมทุกอย่าง เรากำลังทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นแบบนี้ก็จะบริหารประเทศยาก ไม่ว่าใครจะมาก็จับผิดกันไปทุกเรื่อง ควรดูเจตนาว่าตั้งใจจะทำอะไร หรือมีความประสงค์จะทำให้ผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้คือการระดมพลทุกส่วนทุกฝ่ายมาช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งมีวิกฤตการณ์หลายเรื่อง ไม่อยากให้เอาเรื่องเหล่านี้ไปทำให้การเดินหน้าของบ้านเมืองสะดุด ต้องขอความกรุณาให้เกิดบรรยากาศที่ดี และทำให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานได้ดีกว่า เพราะประชาชนรู้สึกว่าบ้านเมืองเสียหายมามากแล้ว เขาอยากหลุดจากวิกฤตตรงนี้ให้เร็วที่สุด อยากให้ทุกคนยึดตรงนี้เป็นที่ตั้ง และทุกอย่างจะเบาลง

โรมหวังพี่เต้นดันนิรโทษกรรม

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นกรณีที่นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะตั้งที่ปรึกษา ไม่ทราบว่าผลการร้องจะเป็นอย่างไร ส่วนจุดยืนของตนและพรรค ปชน.ไม่สนับสนุนการทำนิติสงคราม เรามองว่าวิถีทางการเมืองก็ปล่อยให้มันดำเนินการไปโดยวิธีการทางการเมือง

 “การใช้นิติสงครามทำให้การเมืองไม่ไปไหน เราเองในฐานะพรรคประชาชนก็เป็นเหยื่อ หลายพรรคการเมืองก็เป็นเหยื่อ จริงๆ พรรคการเมืองที่เป็นเหยื่อควรร่วมมือกันแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว แต่แน่นอน พอถึงสถานการณ์จริงหลายคนก็อาจมองว่าจากนี้เป็นตาของผม จังหวะนี้เป็นความซวยของเอ็ง กลายเป็นว่าการเมืองหาทางออกไม่ได้” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวว่า นายณัฐวุฒิเองเป็นอดีตนักสู้ ผ่านมาหลายสมรภูมิ วันนี้เรารอคอยในเรื่องความยุติธรรมจากรัฐบาลนี้มากมายหลายเรื่อง เช่น การนิรโทษกรรม ก็หวังว่าพี่เต้นจะใช้โอกาสนี้ในการที่ได้นั่งเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำนายกฯ หน่อยว่าเรื่องนิรโทษกรรมมันควรมีทางออกได้แล้ว  มีคนจำนวนมากเห็นนายณัฐวุฒิเป็นไอดอล คาดหวังว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องยุติธรรมได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลมากว่า 1 ปีแล้ว ควรมีคำตอบให้ประชาชน อย่าให้ต้องสับสนมึนงง

ส่วนจะเป็นการตั้งตำแหน่งต่างตอบแทนหรือไม่ นายรังสิมันต์ระบุว่า ยังไม่อยากวิเคราะห์ขนาดนั้น เอาเป็นว่ามาตั้งแล้ว ก็รอคอยว่านายณัฐวุฒิจะใช้ความรู้ความสามารถแนะนำรัฐบาลไปในทางที่ถูกต้อง

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมเรียกหัวหน้าพรรคการเมืองพูดคุยหลักการนิรโทษกรรมว่า  ยังไม่มีใครติดต่อมาพูดคุยอะไร แต่ข้อเสนอที่นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้นำรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันนั้น ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่ควรทำ

“การเปิดประตูบานแรกด้วยการมาพูดคุยถึงการนิรโทษกรรมของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยมีเหตุจูงใจทางการเมือง ถือเป็นก้าวแรกที่ดี ทั้งหมดนี้เป็นรายงานการศึกษาไม่ใช่กฎหมาย การนำมาพูดคุยกันในสภาในสมัยประชุมนี้ ซึ่งก็คาดหวังว่าจะเป็นวันที่ 10 ต.ค.นี้ แต่ก็มีการเลื่อนออกไปอีก  และจะเป็นเรื่องตลกมากที่ 2 สัปดาห์ที่เหลือ ประธาน กมธ.ขอเลื่อนไปเรื่อยๆ ถือว่าไม่สมเหตุสมผลว่าเลื่อนไปเพื่ออะไร” นายปกรณ์วุฒิ

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ โดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) ยอมรับถึงกระแสข่าว 2 สส.พรรคเล็ก นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ และนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่ ย้ายเข้าพรรค กธ. ว่าเป็นอย่างที่เป็นข่าว แต่ต้องรอขั้นตอนที่เขาจะไปรายงานต่อสภา ถึงการเปลี่ยนแปลงสังกัด หากมีความชัดเจนอย่างไรจะแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบอีกครั้ง ส่วนยังจะมี สส.ย้ายมาสังกัดพรรค กธ.เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ขอให้รอติดตามตอนต่อไป

พปชร.ย้ำจับตา 10 ต.ค.

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวยืนยันว่า ที่ได้แจ้งว่าวันที่ 10 ต.ค.นี้ จะมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายพรรคแกนนำรัฐบาลจะรู้แน่ และตอนนี้ได้รับการยืนยันว่าวันที่ 10 ต.ค. รู้แน่นอน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 วัน น่าจะไม่ถึง 48 ชั่วโมง จะดำเนินการจากจุดเริ่มต้นและนำไปสู่จุดจบทำให้แกนนำรัฐบาลพรรคหนึ่ง อาจถึงขั้นล่มสลายได้ ส่วนจะเป็นเรื่องใด เกี่ยวกับอะไร ที่ไหน จะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบในเวลา 07.00 น. วันที่ 10 ต.ค.นี้ โดยไม่ตอบคำถามเพิ่มเติมแต่ประการใด

ขณะที่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธารน่าจะอายุสั้นกว่ารัฐบาลของนายเศรษฐาเป็นเรื่องจริง ส่วนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค. ขอให้ทุกคนรอดู แม้การยุบพรรคเพื่อไทยอาจถือเป็นเรื่องปกติและหยิบขึ้นมาเป็นเงื่อนไขได้ทุกคดี

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวถึงการรับมือเรื่องนี้ว่า  ไม่ต้องมี เพราะยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้ยินที่นายไพบูลย์พูดก็ยังนั่งคิดอยู่ว่ามันมีอะไรที่รัฐบาลทำผิดหรือจะต้องล่มสลาย ซึ่งเราเดินหน้าทำงาน จะคาดการณ์อะไร อย่างไร ก็อยู่ที่ความเป็นจริง ยังไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร จะให้คำวิจารณ์หรือคำตอบก็ไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร

 ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหวั่นใจว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกังวล เรามีหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องธรรมดา หลายท่านที่ว่ากันอย่างนั้นอย่างนี้ก็ไม่เกิด ปัญหาสำคัญอยู่ที่รัฐบาล ถ้ารัฐบาลทำงานและยึดเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คำนึงถึงข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วันนี้รัฐบาลทำงานหลายอย่าง ทั้งเรื่องน้ำท่วมที่ยังจ่ายเงินเยียวยาไม่ได้ ติดข้อกฎหมาย แต่เราพยายามทำให้ถูกตามกรอบของกฎหมาย 

เมื่อถามว่า จะเกี่ยวกับเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เห็นน่ากังวลอะไร ตรงนั้นว่ากันไป ชั้น 14 ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล

ถามอีกว่า มองว่าเป็นแค่คำขู่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบว่าคิดอย่างไร ต้องไปถามนายไพบูลย์ว่าจริงๆ ความหมายมันคืออะไร ไม่ต้องอ้ำอึ้งหรือปกปิดอะไร พูดออกมาเลย จะได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำ เรื่องไหนมันมีปัญหา ถ้าจะเกิดขึ้นอย่างที่นายไพบูลย์ว่าจริงๆ ถึงเวลาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็คงสะท้อน อย่างไรเดี๋ยวก็รู้แล้ว อะไรที่เป็นปัญหาเราจะได้รับรู้ หน้าที่เราคือให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นเราก็ดำเนินการแก้ไขตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าช่วงกลางเดือน ต.ค.จะมีการเปลี่ยนแปลงนายกฯ โดยเอานายกฯ คนนอก มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดเลย ไปคิดก็ปวดหัว เพราะทุกอย่างควรจะเป็นไปตามกระบวนการ รัฐบาลเพิ่งจะมาทำงาน น.ส.แพทองธารเพิ่งจะมาทำงานได้ 1 เดือนเอง อะไรจะไปเร็วขนาดนั้น        

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์กันว่าอาจจะมีโครงการนายกฯ คนละครึ่งหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปเดาเลย เดาแล้วปวดหัว หากมีประเด็นข้อกฎหมายที่ชี้ชัดก็ไปดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง