วางเป้า4ด้านกระตุ้นศก. คลังถกธปท.เพิ่มเงินเฟ้อ

นายกฯ อิ๊งค์สวมบทอินเตอร์ ปาฐกถาเศรษฐกิจอาเซียน วางเป้าใหญ่ 4 ด้านในทศวรรษหน้า ประชุมโต๊ะกลม 6 บิ๊กท่องเที่ยว ฟุ้งในกระเป๋ามีมาตรการกระตุ้น ศก.เพียบรอจังหวะเหมาะสม “ขุนคลัง” เตรียมถกแบงก์ชาติ หวังเพิ่มเป้าเงินเฟ้อหลังต่ำเตี้ย พณ.ชี้เดือน ก.ย.ขยับ 0.61%

เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ Thailand  Economic Big Move ในงานสัมมนา ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity โดยกล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นในทศวรรษต่อไปมี 4 ประเด็น คือ 1.จีดีพีของสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ โดยประเทศสมาชิกต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในด้านเศรษฐกิจ 2.อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความสงบ ไม่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นอาเซียนต้องมีบทบาทสำคัญนำความสงบสุขกลับมาในประเทศเมียนมาโดยเร็วที่สุด 3.การขนส่งที่เชื่อมโยงประเทศต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน จะเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับศักยภาพของอาเซียน และ 4.อาเซียนต้องร่วมกันหาทางออกแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าภาวะโลกเดือดให้ได้

“วันนี้อาเซียนอายุย่างเข้าปีที่ 58 แล้ว เราเป็นภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก รวมถึงสามารถสร้างอำนาจต่อรองกับคู่ค้าทั่วโลก เป็นภาพสะท้อนแนวคิดที่ว่าการอยู่ร่วมกันโดยสามัคคี ทำให้มีพลังมากกว่าต่างคนต่างทำ ASEAN together is much more than the sum of its parts” น.ส.แพทองธารกล่าว

ในช่วงบ่าย น.ส.แพทองธารพบหารือกับนายแอนโธนี ตัน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Grab โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การหารือในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งได้หารือประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน  โดยเฉพาะช่วงไฮซีซันเดือน พ.ย.-ม.ค. ที่รัฐบาลจะจัดบิ๊กอีเวนต์จำนวนมาก ซึ่งจะเป็นโอกาสขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ด้วย

ต่อมา น.ส.แพทองธารเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลม ระหว่างรัฐบาลไทยกับคณะผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมีทั้งหมด 6 บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่  Grab, Agoda, Expedia, IHG และ Marriott International, Trip.com Group และการบินไทย

นายกฯ กล่าวว่า ในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น 7.5% และตั้งเป้าหมายรวมไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และเกิดการเดินทางภายในประเทศมากกว่า 205 ล้านครั้งทั่วประเทศ ซึ่งแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายจะมีการดำเนินผ่านโครงการต่างๆ ดังนี้ 1.มนตร์เสน่ห์ไทย นำเสนอประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ไทยมีความพิเศษ 2.เมืองมนตร์เสน่ห์ซ่อนเร้น ส่งเสริมจุดหมายปลายทางที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก 3.แนวคิด 5 กิจกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ ต้องชิม, ต้องลอง, ต้องช็อป, ต้องแสวงหา และต้องชม

ในขณะที่คณะผู้บริหารได้นำเสนอ แนวทางการสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านการจัดตั้งภาคีเครือข่ายภาครัฐบาลและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นที่ 3 เสาหลักทางยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง 2.การโปรโมต 5 กิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยว และ 3.สนับสนุนการจัดงานเทศกาลอีเวนต์ระดับโลก

ขณะที่นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อพัฒนาตลาดส่งออกโคเนื้อของไทย  พร้อมตัวแทนจากสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย และสหกรณ์โคเนื้อทั่วทั้งประเทศไทย ซึ่งทุกฝ่ายมองว่า 1. ตลาดโคเนื้อพรีเมียมมีความน่าสนใจ จำเป็นต้องชัดเจนในเรื่องของทิศทางตลาด 2.การพัฒนาสายพันธุ์และคุณภาพ 3.มีระบบการผลิตและการตลาดที่เสถียร 4.มีโมเดลเครือข่ายการผลิต และ 5.บทบาทของภาครัฐ

วันเดียวกัน น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงคำถามกระแสบวกหลังรัฐบาลจ่ายเงิน 10,000 บาทสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ และก่อนจะไปเฟสสองเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเพิ่มเติม เช่น โครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว น.ส.แพทองธารนิ่งสักครู่ ก่อนหัวเราะและกล่าวว่า ไม่กล้าพูดเลย จริงๆ แล้วเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีเยอะ มีในกระเป๋าเยอะมาก  แต่ค่อยๆ ออกมา ต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย ซึ่งแนวโน้มว่าหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราเรียงลำดับทำแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้รออีกนิดนึงอย่าเพิ่งรีบ กระทรวงไหนที่เกี่ยวข้อง จะพยายามให้กระทรวงนั้นๆ มาเล่าว่าผลงานที่ตัวเองทำคืออะไร จะได้เล่ารายละเอียดได้อย่างดี

เมื่อถามว่า ขณะนี้ทำงานมาได้ไม่นาน แต่มีหลายกลุ่มออกมาเตรียมตัวประท้วงขับไล่ จะสื่อสารอย่างไร น.ส.แพทองธารยิ้มพร้อมกล่าวว่า เหมือนเดิมขอทำงานก่อน จะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ และขอกำลังใจด้วย

เมื่อถามถึงดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบัน มองว่าเป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นเรื่องทางการคลัง ขอให้เขาไปคุยกันต่อ ขอไม่ตอบเรื่องนี้แล้วกัน

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวว่า ภายในเดือน ต.ค.จะนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยประเด็นหารือกันคือเรื่องกรอบเงินเฟ้อ สำหรับปี 2568 เพราะขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดไว้ และมีโอกาสที่จะต่ำกว่ากรอบล่าง หรือต่ำกว่า 1% ดังนั้นต้องมาหารือกันว่า มีโอกาสที่จะเร่งเครื่องทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นได้หรือไม่อย่างไร

 “จะคุยวันไหนต้องมาดูตารางงานก่อน ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ อาจพบกันก่อนหรือหลังก็ได้ โดยเรื่องที่ต้องเร่งหารือคืออัตราเงินเฟ้อ เพราะขณะนี้เงินเฟ้อของเราอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดไว้” นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอกรอบเงินเฟ้อปี 2568 ที่ 1.5-3.5% ว่า ส่วนตัวมองว่าอยากเห็นกรอบเงินเฟ้อของไทยที่ขยับสูงขึ้นอีกหน่อย แต่ตัวเลขที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ก็ต้องมาหารือกับ ธปท.ก่อน โดยหากมองภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนนั้น เป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต เพื่อนบ้านมีการตั้งกรอบเงินเฟ้อไว้สูงกว่าไทย 2-3% ต่อปี ส่วนกรณีโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.45 แสนล้านบาทนั้น เมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแล้ว ยังถือว่าเป็นเม็ดเงินเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

ส่วนนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.ย. 2567 เท่ากับ 108.68 เทียบกับ ส.ค. 2567 ลดลง 0.10% เทียบกับเดือน ก.ย. 2566 เพิ่มขึ้น 0.61% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 จากเดิมระหว่าง 0.0-1.0% ค่ากลาง 0.5% เป็นระหว่าง 0.2-0.8% ค่ากลาง 0.5% ภายใต้สมมติฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 2.3-2.8% น้ำมันดิบดูไบ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 34.5-35.5 บาทต่อดอลลาร์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ตรวจแถวกองเกียรติยศ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 8/2567 หนึ่งในวาระการประชุมที่สำคัญคือ การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชติ (ผบ.ตร.)

‘แพทองธาร’ เซ็นตั้ง ‘ณัฐวุฒิ-ธีระพงษ์’ นั่งที่ปรึกษาของนายกฯ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 348/2567เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม