รื้อรธน. รอแกนนำสรุป นิกรชี้แฉลบหลายเรื่อง

“วิสุทธิ์” ย้ำการชำเรา รธน.ต้องรอระดับแกนนำสะเด็ดน้ำ ส่วนจะทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ก็แล้วแต่ “อนุทิน” ลั่น พท.ยังไม่ติดต่อมา  อย่าเพิ่งกังวลช่วงนี้มีเรื่องสำคัญกว่า “นิกร” รับสภาพช่วงนี้การแก้ไขแฉลบเยอะ

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ​พ.ศ.2567 ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.2567 เป็นต้นไป โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ​ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพูดคุยหารือของหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคการเมือง ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าว่า เป็นเรื่องหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะไปพูดกันก่อนว่าจะไปทางไหน จะเดินหน้าถอยหลังอย่างไร วิปรัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการประสานเพื่อหารือ ดังนั้นต้องรอให้ระดับหัวไปคุยกันก่อน ข้างล่างจะได้ไปด้วยกันได้

เมื่อถามว่า จะปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 31  ต.ค. การแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่ทันพิจารณาสมัยประชุมนี้แล้วหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า แล้วแต่การหารือของหัวหน้าพรรคการเมือง ถ้าตกลงกันได้ แต่หากยังไม่ได้คุยกันก็ต้องรอไปก่อน เพราะมีกฎหมายประชามติ และอะไรหลายอย่างให้คุยกันเบ็ดเสร็จเป็นที่เข้าใจของสังคมจะได้จบๆ ไป  ส่วนต้องเปิดสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องใดหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะเสนอมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรค พท.ยังไม่ได้นัดหารือเพื่อพูดคุยในประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ และนายกฯ ช่วงนี้ก็เดินทางไปต่างประเทศตลอด ขออย่าเพิ่งกังวลตรงนั้นเลย  เพราะมีหลายเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญมากกว่า อาทิ ปัญหาอุทกภัย เรื่องเหตุรถบัสทัศนศึกษานักเรียนไฟไหม้ ซึ่งเราต้องจัดการเรื่องพวกนี้ก่อน

เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขอรอหารือกัน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สมาชิกพรรคการเมือง สส.เราก็เดินหน้าไม่เหลียวหลังอยู่แล้ว

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีหลายพรรคการเมืองมีแนวโน้มว่าจะถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า  หลายพรรคการเมืองเคยมีนโยบายที่บอกกับประชาชนว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ก็มีนโยบายซึ่งมีผลผูกพัน อย่างไรก็ต้องทำ แต่ตอนนี้คือมีการแฉลบ

เมื่อถามถึงกรณีที่วุฒิสภามีมติให้กลับไปใช้เสียงข้างมากสองชั้นในการทำประชามติ นายนิกรกล่าวว่า การพิจารณาของ กมธ.วุฒิสภาก็แฉลบมาเยอะ แต่ถามว่าขณะนี้สิ้นหวังหรือยัง ก็ยัง เรายังมีโอกาสอยู่ คือสามารถประเมินกันได้เลยว่าหากแก้มาในหลักการเช่นนี้ ต้องกลับมาสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำมายืนยัน ซึ่งเชื่อว่าสภาผู้แทนราษฎรจะยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับวุฒิสภาแน่นอน เพราะเป็นหลักการใหญ่  ซึ่งหากไม่เห็นด้วยก็จะต้องตั้ง กมธ.ร่วมกัน 

“9 ต.ค. สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาเรื่องนี้  เพื่อยืนยัน ซึ่งต้องยืนยันอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นหน้าตาของสภาจะอยู่ตรงไหน ถูกบีบมาเช่นนี้ โดยต้องเสนอชื่อคนที่จะไปเป็น กมธ.ร่วม 10 คน หลังจากนั้นก็จะต้องกลับเข้าไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็น กมธ.อีก 10 คน ส่วนวันที่ 16-23 ต.ค.  กมธ.ร่วมต้องตกลงกันให้ได้ โดยภายในวันที่ 28 ต.ค. วุฒิสภาต้องยืนยันและเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของ กมธ.ร่วม ซึ่งหากทั้ง 2 สภาเห็นด้วยวันที่ 30 ต.ค.ก็จะมีผล และวันที่ 31 ต.ค. สามารถส่งให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ในวันที่ 2 ก.พ.2568 ที่จะมีการเลือกนายก อบจ.ก็ยังทันอยู่ เพราะตอนแรกยังกังวล เนื่องจากเกรงว่าวุฒิสภาจะดึง” นายนิกรระบุ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เผ่าภูมิ’ ยืนยัน ให้เกียรติธปท. ตัดสินดอกเบี้ย

“เผ่าภูมิ” ชี้ต้องให้เกียรติ “กนง.-ธปท.” พิจารณานโยบายดอกเบี้ย หวังใช้ข้อมูล หลังปรับจูนข้อมูลกับขุนคลัง ตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

พท.ปัดสวะพล.อ.พิศาล อึ้ง! ผู้ต้องหาตากใบหาย

“เพื่อไทย” พาเหรดถีบ “พล.อ.พิศาล” ยันไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องส่วนบุคคล “วิสุทธิ์” บอกไม่มีใครใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ สมัยประชุมจับกุมคุมขังไม่ได้ “พปชร.”

เนวินผูกข้อมืออวยพรเสี่ยหนู มาดามแพเตรียมทัวร์ลาวต่อ

"บิ๊กเน" จัดงานวันเกิดครบ 66 ปี บุรีรัมย์คึกคัก ทั้งรัฐมนตรี สส. สว.สีน้ำเงินแห่ร่วมงาน "ครูปะกำ" ผูกข้อมือให้ "อนุทิน" ฮือฮา "เนวิน" อวยพร "ผูกให้เป็นนายกฯ

'ปธ.วิปรัฐบาล' ลั่นไม่มีหน้าที่ตามจับ 'พล.อ.พิศาล' โวย 'โรม' ปั่นกระทู้ปลุกแตกแยก

'วิสุทธิ์' บอกไม่รู้ตอนนี้ 'พิศาล' อยู่ไหน วิปรัฐบาลไม่มีหน้าที่ตามจับใคร ยันไม่ได้ปกป้อง แต่ไม่มีใครใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ข้องใจ 'โรม' ตั้งกระทู้ปั่นในสภาฯ เพื่ออะไร หวั่นจุดชนวนแตกแยก