ศาลออกหมายจับ "พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี" จำเลยคดีตากใบ เหตุมีพฤติการณ์หลบหนี “โรม” ตั้งกระทู้ถาม “ภูมิธรรม” กังขารัฐบาล-ตร.ช่วยเป่าคดี หวังให้จบอายุความ “บิ๊กอ้วน” ชี้เปรี้ยงไม่ได้เจตนาฆ่ากัน แต่เกิดจากความอลหม่าน ลั่นต้องให้ความเป็นธรรมสองฝ่าย เผย “รัฐบาลปู” เยียวยาแล้วรายละ 7 ล้าน
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำสั่งออกหมายจับจำเลยที่ 1 หรือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ตามคำร้องขอให้พิจารณาออกหมายจับจำเลยที่ 1 ของทนายความโจทก์ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว วันที่ 12 ก.ย.2567 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่มาศาล แม้ในวันนัดจะมีการประชุมสภา แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย การพิจารณาคดีของศาลในวันดังกล่าว จึงไม่เป็นการขัดขวางต่อการที่จำเลยที่ 1 จะไปประชุมสภา
เมื่อจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี ถือได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีภายในอายุความ 20 ปี นับแต่วันกระทำความผิด คือ ภายในวันที่ 25 ต.ค.2567 ศาลสั่งด้วยว่าการดำเนินการตามหมายจับ ให้ตำรวจศาลเป็นผู้จัดการตามหมายจับได้ และเห็นสมควรให้พนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจเป็นผู้จัดการตามหมายจับด้วย โดยมีตำรวจศาลเป็นผู้สนับสนุน ตาม พ.ร.บ.เจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ.2562 มาตรา 5 (5)
อนึ่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของศาลยุติธรรมและความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องความคุ้มกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในชั้นพิจารณา เห็นสมควรให้งานสารบรรณมีหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม แจ้งข้อเท็จจริงตามที่สภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือตอบกลับมาว่า ระหว่างสมัยประชุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาไม่มีความคุ้มกันในชั้นพิจารณา รวมถึงกรณีการจับกุมและกุมขังในคดีอาญาด้วย ทั้งนี้ หมายจับจำเลยทั้ง 7 อยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดสงขลา ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลจังหวัดสมุทรสงคราม และศาลจังหวัดตลิ่งชัน
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องการดำเนินคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายรังสิมันต์กล่าวว่า คดีตากใบใกล้จะหมดในอีก 22 วัน การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไปตราบใดที่คดีนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ทุกรัฐบาลล้วนต้องรับผิดชอบในการสะสางจนกว่าสันติภาพชายแดนใต้จะเกิดขึ้น เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อ 25 ต.ค.47 ในเวลานั้นผู้นำรัฐบาลคือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของคนในพื้นที่ที่อยู่คู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯ มาโดยตลอด ขณะนั้นตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา ผลการสอบสวนชี้ชัดว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควบคุมเหตุการณ์อันนำมาสู่โศกนาฏกรรม สุดท้ายผู้มีอำนาจทางการเมืองลืมเลือนเหตุการณ์จนเกือบหมดอายุความ แต่ผู้เสียหายในคดีนี้ลุกขึ้นมาฟ้องเอาผิดเพื่อทำความจริงให้ปรากฏด้วยตนเอง ย้ำว่าคดีนี้ประชาชนร้องเอง ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลเหมือนที่รัฐมนตรีบางคนพูดไว้ว่ามีความคืบหน้ามากที่สุดในรัฐบาลนี้
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ได้ทำลายความไว้วางใจประชาชนต่อรัฐอย่างสิ้นเชิง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู ตนเป็นห่วงจริงๆ 25 ต.ค.47 ภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เป็นการฝังกลบความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐจนยากที่จะฟื้นคืน จะทำให้สันติภาพเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ มีอดีตนายกฯ 2 คนที่ออกมาขอโทษในเรื่องนี้ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และอีกคนหนึ่งคือนายทักษิณ ขอโทษเมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 ซึ่งครบรอบ 18 ปีเหตุการณ์ตากใบ ไม่น่าเชื่อต้องรอถึง 18 ปีจึงมีท่าทีเสียใจของอดีตนายกฯ ดังนั้น จึงอยากถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อฟื้นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ และจะสร้างความรู้สึกของประชาชนให้กลับมาดี สมกับที่อดีตนายกฯ เคยขอโทษอย่างไร
“เหลือเวลาอีก 22 วัน กระบวนการที่ทางตำรวจจะต้องไปแจ้งข้อกล่าวหาใหม่กับเวลาแค่นี้ แล้วตำรวจอยู่กับใคร ท่าน (นายภูมิธรรม) เป็นคนดู ท่านจะบอกว่าให้มองอย่างสร้างสรรค์ มองแบบไม่รู้สึกอะไรหรือ ประทานโทษท่านยังมีหัวใจหรือเปล่า นึกไม่ออกว่าสหายใหญ่ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ถามว่าจะทำให้เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นแบบ 6 ตุลาหรือ ท่านส่องกระจกแล้วยังจำตัวเองได้หรือเปล่า สั้นๆ ง่ายๆ นิดเดียว ว่าวันนี้มีการเป่าคดี มีความพยายามช่วยกัน หนึ่งในการช่วยกันคือตำรวจ ถามว่าท่านในฐานะที่ดูแลตำรวจจะทำอย่างไร” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวทิ้งท้ายว่า มี สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยถูกดำเนินคดีด้วย และยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อตามตัวใครก็ตามมาดำเนินการทางกฎหมาย วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่านายภูมิธรรมและรัฐบาลต้องการให้เรื่องจบแบบขาดอายุความ ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีการสืบพยานไม่มีคำให้การ ซึ่งตนสนใจว่าถ้ามีการให้การหรือสืบพยานสุดท้ายจะชี้ไปที่บุคคลที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่
ด้านนายภูมิธรรมชี้แจงว่า ปัญหาชายแดนใต้ต้องเริ่มต้นแก้ไขด้วยเหตุผล และดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่เริ่มจากความดุเดือด หรือมองแต่ด้านลบเพียงด้านเดียว ไม่ใช่มองเพียงว่าเจ้าหน้าที่ทำแบบโน้น ตรงนั้นตายแบบนี้ แต่เรื่องดังกล่าวมีองค์ประกอบเกี่ยวข้องหลายอย่าง และขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทุกเรื่องมีความสำคัญ แต่รัฐบาลต้องทำเรื่องเร่งด่วนในขณะนั้นคือน้ำท่วม โปรดเข้าใจว่าตนไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำถามสื่อมวลชนที่ถามเรื่องคดีตากใบ
นายภูมิธรรมระบุว่า ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องตากใบเกิดเมื่อปี 47 มีความจริงหลายมิติ รายงานสรุปว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเป็นหลัก เป็นเรื่องกระบวนการลำเลียงคน ขณะเกิดเหตุมีสื่อรายงานว่ามีนายทหารเตือนว่าการนำคนขึ้นไปจำนวนมากไม่ได้ ต้องเอาลงมา ดังนั้น การสรุปว่ามีเจตนาหวังจะเอาคนไปทับให้ตายถือว่าไม่ใช่ ขณะนั้นเป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เหตุการณ์นี้ควรให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ตั้งใจจะฆ่ากัน แต่เป็นเรื่องความสับสนอลหม่าน
“ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เยียวยาแล้วถึงรายละ 7 ล้านบาท และสัดส่วนที่ลดหลั่นลงไปตามความบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ทั้งหมดพยายามให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น และใช้เป็นอุทาหรณ์มากกว่าทำให้เป็นเครื่องมืออธิบายว่ารัฐบาลตั้งใจจะฆ่าเขาหรือรัฐบาลไม่ใส่ใจโดยไม่เห็นคุณค่าของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสียใจ และไม่อยากเห็นเกิดขึ้น ไม่ใช่ความตั้งใจแต่เกิดจากความสับสนอลหม่าน” รมว.กลาโหมระบุ
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังหาตัวผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องดำเนินการไป และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารู้ก็ต้องจับอยู่แล้ว พูดชัดเจนตลอดว่าอยากให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีไปถึงจุดของมัน เกือบ 20 ปีแล้ว เพิ่งมารื้อฟื้นและเพิ่มคดีในตอนนี้ ตอนนั้นเคยมีการถามในการตัดสินว่าไม่ฟ้องคดีต่อ มีเวลา 15 วันที่จะให้ฟ้อง ตอนนั้นก็ไม่มีใครฟ้อง เราก็นึกว่าเรื่องนี้ยุติไปแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เป็นประเด็นแตกแยก เพียงแต่อยากใช้เป็นประสบการณ์และหาทางออก
"หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ ขอให้ใจเย็น แล้วมาดูว่าเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้งญาติผู้เสียชีวิตและคนที่ถูกกล่าวหา ซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาต้องมีส่วนในการรับผิดชอบหรือไม่ ทั้งหมดจะยุติได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการยุติธรรมเดินถึงที่สุด ฉะนั้นอย่าด่วนเอาตัวเองเป็นคนตัดสิน ทั้งนี้ หากมีหลักฐานว่าตำรวจดึงคดีก็ว่ามา จะตรวจสอบให้ แต่อย่าคิดเองว่าศาล ตำรวจ อัยการ ผมและพรรคการเมืองเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่ควรพูด แต่ควรจะนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน ผมไม่อยากคุยเรื่องอารมณ์และการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล" นายภูมิธรรมกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ทอน’ดีดปาก‘แม้ว’ ซัดพูดคลุมเครือไม่มีปม112ตั้งรบ./พิธารับคำท้าพ่อนายกฯ
“ธนาธร” ซัด “ทักษิณ” พูดคลุมเครือ บอกปมตั้งรัฐบาลไม่ได้ไม่เกี่ยวกับ 112
‘สคบ.’สอบอืด คลิปเทวดายื้อ จ่อขยายเวลา!
คกก.สอบคลิปเสียงเทวดา สคบ.จ่อขอขยายเวลาเพิ่ม รอง ผบช.ก.เตรียมบุกเรือนจำ
แจกค่าแรง400รับปีใหม่ ‘อายุ50’ลุ้นได้‘เงินหมื่น’
ซานต้าอิ๊งค์มาแล้ว เตรียมดันค่าแรง 400 บาทเป็นของขวัญปีใหม่
พท.มั่นใจกระแสกวาด200สส.
"พท." ดี๊ด๊า! "ทักษิณ" ปราศรัยอุดรธานีปลุกคะแนนนิยม เชื่อชาวอีสานยังรักเพื่อไทย
นายกฯชี้FTAเปรูจบปี2568
นายกฯ อิ๊งค์ถก "ประธานาธิบดีเปรู" ผลักดันการเจรจา FTA ให้เสร็จภายในปี 68
‘บิ๊กอ้วน’ยืนยัน ผุดJTCเมื่อไหร่ ถกผลประโยชน์
“ภูมิธรรม” บอกพร้อมเรียกถกแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาทันที