‘4กุมาร’เปิดตัวพรรคใหม่ ภท.โชว์ทีมผู้สมัคร3จว.ใต้

"กลุ่ม 4 กุมาร" ได้ฤกษ์เปิดตัว "พรรคสร้างอนาคตไทย"  "อุตตม-สนธิรัตน์" แจงตั้งพรรคใหม่เหตุเห็น ปชช.หมดหวังกับปัญหาประเทศ พปชร.ระส่ำ! "สุพล ฟองงาม-สันติ กีระนันทน์" ไขก๊อกซบพรรค 4 กุมาร จับตา 19 ม.ค.แถลงข่าวที่เซ็นทรัลเวิลด์อาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ "ภูมิใจไทย" โชว์ทีมผู้สมัคร ส.ส. 3 จว.ชายแดนใต้ "นัจมุดดีน" ทิ้งเพื่อชาติเข้าร่วมด้วย "มาดามหลี" ไม่กดดัน พปชร.แพ้ที่ภาคใต้ เชื่อคนหนุน "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ยังหนุน พปชร.

เมื่อวันที่ 17 มกราคม  นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.การคลัง  และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรค พปชร. แกนนำกลุ่ม 4 กุมาร ได้พร้อมใจกันโพสต์เฟซบุ๊กเปิดตัว "พรรคสร้างอนาคตไทย" โดยนายสนธิรัตน์โพสต์ว่า "ช่วงจังหวะที่หยุดชะงักไปไม่ได้ทำให้การนึกถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชนลดลง แต่เรายิ่งได้คลุกคลีใกล้ชิดกับประชาชน คลุกฝุ่นกับปัญหามากขึ้น และด้วยที่เรามีคนที่มีความรู้ความสามารถมารวมกันร่วมทำงาน มันก็เป็นเหมือนความรับผิดชอบต่อประชาชนที่จะเข้ามาแก้ปัญหา 19 มกรานี้พบกัน และขอชวนทุกคนมาร่วมสร้างอนาคตไทยด้วยกันกับพวกเราครับ"

 ด้านนายอุตตมโพสต์ว่า "ผ่านพ้นครึ่งเดือนแรกของปี 2565 ไปแล้ว หวังว่าทุกท่านจะได้เริ่มต้นชีวิตและการทำงานที่ดี มีพลังในการเดินตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปีนี้ ก่อนหน้านี้ผมได้เรียนกับทุกท่านไปว่า  ผมได้สัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเราชาวไทย ที่มีความกังวลต่ออนาคตของประเทศ มองไม่เห็นว่าจะเดินไปต่อกันอย่างไร เพราะเรามีปัญหามากมาย หลายปัญหาฝังรากลึกทำร้ายประเทศมานานเกินควรแล้ว และหากเราปล่อยให้ความรู้สึกดังกล่าวเกาะกินใจทุกคนต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งทุกคนก็จะรู้สึกหมดหวัง เมื่อถึงเวลานั้นประเทศคงไม่สามารถอยู่บนเส้นทางที่เจริญก้าวหน้าต่อไปได้

เชื่อว่าพวกเราไม่อยากอยู่อย่างไม่มีความหวัง ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมาร่วมกันจัดการกับปัญหาที่มีอยู่ เราไม่มีเวลาที่จะไปบอกว่า ใครถูก ใครผิด แต่เราจะต้องไม่ซ้ำเติมปัญหาและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราจำเป็นต้องรวมพลัง เพื่อทำทุกอย่างให้ประเทศของเราดีขึ้น  ผ่านพ้นวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ โรคระบาด หรือสังคมที่อยู่บนความขัดแย้ง เพื่อประเทศไทยก้าวต่อไปได้ สร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลานของเราต่อไป

"ด้วยเหตุนี้งานสำคัญชิ้นแรกของปีของผมคือ การเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ที่อยากให้เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับคนไทยจากทุกภาคส่วน  ทุกช่วงอายุ สามารถมาแชร์ความคิด ร่วมหาทางออก ร่วมสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย โดยจะมีการจัดแถลงข่าวในเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชนในวันพุธที่ 19 มกราคมนี้" นายอุตตมระบุ

ขณะที่นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว โดยได้ยื่นกับเลขาธิการพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว โดยจะไปเปิดตัวกับพรรคสร้างอนาคตไทยของนายอุตตม 19 ม.ค.นี้

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ในฐานะนายทะเบียนสมาชิกพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสุพลได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร.และกรรมการบริหารแล้ว โดยหนังสือดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 18 ม.ค.นี้

เลื่อน 'ชวน-สุรพร' นั่งบัญชีรายชื่อ

ขณะเดียวกัน นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ กกต.เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรค พปชร. รวมถึงได้เข้าไปกราบลานายชวน หลีกภัย ประธานสภา พร้อมยื่นใบลาออกจากการเป็น  ส.ส.แล้ว

เมื่อถามว่า การลาออกจาก พปชร.เพราะตัดสินใจที่จะไปร่วมงานกับนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เตรียมแถลงเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายสันติ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพียงแต่บอกว่า "อีก 2 วันเจอกันครับ"
ภายหลังนายสุพลและนายสันติได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ทำให้ต้องมีการเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค พปชร.ในลำดับถัดไปขึ้นมาแทน 2 คน ได้แก่ นายชวน ชูจันทร์ ผู้สมัคร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 23 ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรค พปชร. ส่วนลำดับที่ 24 คือ นายภิรมย์ พลวิเศษ แต่นายภิรมย์ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เดือน พ.ค.63 ทำให้ต้องขยับไปที่ลำดับที่ 25 คือ นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล

นายวัชระ กรรณิการ์ สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรค “สร้างอนาคตไทย” เปิดเผยถึงรูปแบบและที่มาที่ไปของกิจกรรมแถลงข่าวและงาน “สร้างอนาคตไทย” ที่จะจัดขึ้นแบบกึ่งปิดโดยเชิญเฉพาะสื่อมวลชน ไม่เน้นการเชิญแขกเข้าร่วมงานมากมายนัก เนื่องจากเหตุผลเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด โดยจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 19 ม.ค.65 เวลา 13.30 น. ณ ห้อง World  Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์  ว่า “กิจกรรมและงานสร้างอนาคตไทยดังกล่าว ถูกจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือ จะเป็นการเปิดตัวและประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้ร่วมอุดมการณ์และผู้ร่วมสร้างอนาคตไทย นำทีมโดย ดร.อุตตม สาวนายน อดีต รมว.การคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ในทุกมิติและทุกแง่มุม ซึ่งกลุ่มผู้ร่วมอุดมการณ์ดังกล่าวเป็นบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพและจากทุกสถานะของสังคม ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักบริหาร นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งภาคประชาชน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะทำงานร่วมกันในนามของพรรคสร้างอนาคตไทย”

นายวัชระกล่าวว่า เราคาดหวังว่าพรรคสร้างอนาคตไทยจะเป็นตัวเลือกใหม่และความหวังใหม่ทางการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง  และจากการได้เห็นองค์ประกอบของพรรคบางส่วน เชื่อมั่นว่าบุคลากรของพรรคทางด้านเศรษฐกิจ จะเป็นบุคลากรที่ดีและมีความสามารถมากที่สุด เมื่อเทียบกับทีมเศรษฐกิจของพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะต้องรับมือกับเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศในอีกหลายปีข้างหน้า

 “ขอให้จับตาดูในวันงานแถลงข่าว ว่าอาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นก็ได้”นายวัชระกล่าว

ที่ร้านคอฟฟี่แอนด์มีตติงพอยต์ อ.เมืองปัตตานี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย ที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นำทีม ส.ส.พรรคภูมิใจไทยชายแดนใต้ และทีมว่าที่ผู้สมัครในสามจังหวัดชายแดนใต้ทุกเขต แนะนำตัวและเปิดใจตอบคำถามกับสื่อมวลชนใน จ.ปัตตานี 

'นัจมุดดีน' ซบภูมิใจไทย

โดยนายสิรภพกล่าวว่า มีคนอยากทำงานร่วมกับเราเยอะมาก แต่ทุกคนได้ลองที่จะต้องทำ ต้องได้ตัวเลือกที่ดีและแข็งแรงที่สุด ทุกคนที่ทำงานในพรรคนี้มีที่ยืนหมด สามารถทำงานได้ บางคนอาจไม่ได้เป็น ส.ส. แต่เป็นเลขาฯ รัฐมนตรีก็มี เช่นที่นราธิวาส เราพยายามดูแลนักการเมืองของเราให้ทำงานในศักยภาพที่เขามี ในภาพรวมประมาณปลายเดือนมกราคมนี้จะนิ่งแล้ว สามารถประกาศรายชื่อทั้งหมดคือผู้สมัครในขณะนี้ สำหรับปัตตานี เขต 1 พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา, เขต 2 อับดุลบาซิม อาบู, เขต 3 อับดุลกอฮา อาแวปูเต๊ะ, เขต 4 บูรฮันธ์ สาเม๊าะ  สำหรับ จ.ยะลา เขต 1 เกษมสันต์ สาแม, เขต 2 ดร.อับดุลฮาฟิซ หิเล  และ จ.นราธิวาส เขต 1 สมบูรณ์ จิตรเพ็ญ, เขต 3 นัจมุดดีน อูมา,  เขต 4 สุกรี มะเต๊ะ (คนเดิม) เขต 5 น.ท.สุกรี ศรีริกานนท์

ขณะที่นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ  ได้ลาออกจากพรรคประชาชาติมาซบพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่เคยโจมตีนโยบายปลูกกัญชาของภูมิใจไทยมาตลอด โดยนายนัจมุดดีนเผยว่า ก่อนที่จะออกจากพรรคประชาชาติได้เข้าพูดคุยกับอาจารย์วันมูฮัมมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาติ และท่านทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค เป็นที่เข้าใจกันดี การตัดสินใจมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากสมัยที่ผ่านมาแต่ละพรรคใหญ่ๆ มีปัญหาอยู่ตลอด มีคนเข้าคนออก แต่ภูมิใจไทยเป็นพรรคเดียวที่มีแต่คนเข้าแต่ไม่มีคนไหนออก

"ผอ.พรรคได้กล่าวว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยเป็นรูปธรรม สมกับคำพูดไว้คือ พูดแล้วทำ ทำได้จริง ที่ผ่านมาเราเห็น ส.ส.ภูมิใจไทยในชายแดนภาคใต้ ได้ผลักดันนโยบายให้เห็นเป็นรูปธรรม และเห็นโอกาสได้ทำงานทางการเมืองได้ชัดเจนกว่าพรรคอื่น จึงตัดสินใจมาด้วยนโยบายของพรรค และสุดท้ายถ้าพรรคที่ผมจะไปพรรคนั้นต้องเป็นพรรคที่เป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าย้ายไปเป็นฝ่ายค้านก็ไม่มีประโยชน์อะไร" นายนัจมุดดีนกล่าว

วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. พร้อมนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร พรรค พปชร.  น.ส.ภาดาห์ วรกานต์, น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพปชร.ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดเคหะทุ่งสองห้อง

โดยนายชัยวุฒิกล่าวถึงผลคะแนนการเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ทั้ง 2  เขตที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะ จะกดดันการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่หรือไม่ ว่า การแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ ประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง ที่นั่งมีอยู่ที่เดียว และการพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเสียใจ อย่าไปจริงจังอะไรมาก  ต้องแสดงความยินดีกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากดูจากคะแนนเสียงในภาคใต้สะท้อนคะแนนความนิยมของรัฐบาลอย่างดี เพราะคะแนนของพรรคร่วมทั้งสองพรรคเพิ่มขึ้น ประชาชนยังยอมรับและให้การสนับสนุน โดยโค้งสุดท้ายของการหาเสียงจะพยายามเดินหน้าประชาสัมพันธ์นโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ

ด้านนางสรัลรัศมิ์กล่าวว่า ไม่รู้สึกกดดันหลังจากภาคใต้แพ้ทั้งสองเขต เพราะจากการลงพื้นที่ประชาชนให้การตอบรับและยอมรับเป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมานโยบายรัฐบาลก็สนับสนุนแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนมาโดยตลอด แต่ยอมรับว่ายังมีจุดอ่อนที่ยังเข้าไม่ถึง คือพื้นที่เขตเมือง,  บ้านมีรั้ว, ทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ ซึ่งจะต้องทำพื้นที่ให้หนักขึ้น แต่เชื่อว่าคนที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็จะยังสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐต่อ.