แผนชำเรารัฐธรรมนูญส่อสะดุด บิ๊กสภาสูงหนุน กม.ประชามติต้องกลับไปใช้หลักออกเสียงสองชั้น ไม่หวั่นโดนวิจารณ์ยื้อแก้ไข “วิสุทธิ์” รับสภาพอาจต้องตั้ง กมธ.สองสภา ลั่นต่อไปเสนอกฎหมายหัวหน้าพรรคร่วมต้องหารือให้สะเด็ดน้ำ “ธนกร” ข้องใจ ปชน.ชงแก้กฎหมายเพื่อใครกันแน่ ปชป.ตอกย้ำไม่ควรนำรายงาน กมธ.นิรโทษฯ เข้าสภา “ทสท.” สำทับควรต้องมีมติชี้ชัดออกมา ไม่ใช่ปลายเปิดให้มาถกเถียงอีกรอบ
ในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย.นี้ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะมีการประชุม โดยมีวาระสำคัญที่ถูกจับตามองคือการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ..... วาระสองและวาระสาม ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่นำไปสู่การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยหากกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติล่าช้า ก็อาจทำให้ไทม์ไลน์การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญตามโรดแมปของรัฐบาลอาจมีปัญหาได้
ขณะที่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธาน กมธ.การทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ และวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติที่ส่งมาจากสภาผู้แทนราษฎร เพราะการทำประชามติโดยเฉพาะในเรื่องสำคัญๆ เรื่องใหญ่ของประเทศ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรต้องมีเรื่องของเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้มาออกเสียงด้วย คือควรกำหนดไว้ว่าต้องมีคนมาออกเสียงประชามติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ซึ่งในร่างที่ผ่านมาจากสภา ส่งมาที่ สว.ตอนพิจารณาวาระแรกขั้นรับหลักการไม่มีกำหนดไว้ ทำให้ไม่เห็นด้วยกับร่างที่ส่งมา
พล.อ.สวัสดิ์กล่าวย้ำว่า สาเหตุที่ไม่เห็นด้วย เช่น หากมีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 50 ล้านคน แล้วมีการทำประชามติเรื่องสำคัญ ถ้ามีคนมาออกเสียงแค่ 1 ล้านคนแล้วเห็นชอบ มันไม่ใช่ โดยเฉพาะหากนำไปใช้กับการออกเสียงประชามติเรื่องใหญ่สำคัญประเทศ ขนาดการเลือกตั้งท้องถิ่นยังมีหลักเลยว่า หากมีผู้สมัครเลือกตั้งแค่คนเดียว คนที่สมัครได้รับเลือกตั้งต้องได้รับคะแนนมากกว่า 10% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด และต้องมีคะแนนที่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้สมัครใด (โนโหวต) ดังนั้น การออกเสียงประชามติ กฎหมายสำคัญอย่างรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำ มันไม่น่าถูกต้อง
“รอฟังการอภิปราย สว.ก็จะชั่งน้ำหนักกันว่า หลักไหนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ อันไหนมีความปลอดภัยกว่ากัน โดย สว.ส่วนใหญ่คงรอฟังคำชี้แจงจาก กมธ.เสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยจันทร์นี้” พล.อ.สวัสดิ์กล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า อาจมี สว.เสนอให้ กมธ.นำร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติกลับไปทบทวนแล้วเสนอกลับมาอีกครั้ง พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ กมธ.ได้พิจารณาอย่างดี รอบคอบแล้ว การที่จะให้ไปถอนร่างออกไปก่อนคงไม่ใช่ โดยหาก กมธ.เสียงข้างมากที่ไปแก้ไขโดยให้กลับไปใช้หลักออกเสียงสองชั้น ถ้า กมธ.ชี้แจงได้ดี สว.ก็อาจออกเสียงสนับสนุน
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าหาก สว.กลับไปใช้หลักออกเสียงสองชั้น ทำให้ต้องตั้ง กมธ.ร่วมสองสภา จนทำให้การแก้ไข รธน.ล่าช้า ทำให้ สว.ถูกมองว่าเป็นตัวถ่วง และดึงเรื่องให้ล่าช้า พล.อ.สวัสดิ์กล่าวตอบว่า ตรงนี้เราต้องยึดหลักของประเทศชาติและประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ไปกลัวว่าใครจะมาว่า สว.คงไม่ได้ เพราะเราได้อ่านได้ฟังความเห็นแล้วว่าอะไรควร-ไม่ควร จนออกความเห็น ตัดสินใจได้ เพื่อให้ประเทศชาติได้สิ่งที่ดีที่สุด
รับสภาพตั้ง กมธ.ร่วมสองสภา
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีคณะ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ.… วุฒิสภาเสียงข้างมาก แก้ไขหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติต้องใช้เสียงสองชั้น ต่างจากร่างของ สส. ที่ใช้แค่เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิ จะเป็นการยื้อการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ ว่าไม่ขอวิจารณ์การทำงานของ สว. เพราะเป็นหน้าที่เขา แต่หากที่สุดแล้วที่ประชุม สว.มีมติอะไรที่ต่างจากร่างที่ สส.เสนอไป ก็ต้องตั้ง กมธ.ร่วมกันของรัฐสภาขึ้นมาเพื่อให้ได้กฎหมายที่มีความเห็นร่วมกันของทั้งสองสภา และหลังจากนี้การดำเนินการอะไรในสภา ต้องให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคุยกันก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะเสนอกฎหมายอะไร อย่างไร และเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุมวิปรัฐบาลเพื่อเป็นมติ จะได้ไม่มีปัญหาอีก แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะจบได้ด้วยการเจรจา
“สภาก็ทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติไป เช่น เรื่องแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายของพรรค พท. เราไม่ทิ้ง แต่จะให้เป็นไปตามกระบวนการที่จะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในอนาคตเป็นคนดำเนินการ ขณะที่ในส่วนของรัฐบาล ก็ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่เดือดร้อน รวมถึงเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า พรรค พท.ยังมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นนั้น เรายังคงเดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่ต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และยึดโยงกับประชาชน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้ และเป็นรัฐธรรมนูญที่มีการวางกรอบการทำงานของนักการเมือง เป็นฉบับปราบโกงให้อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายเดิมที่มีอยู่ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาในอนาคต แต่ยืนยันว่าเราเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามโรดแมปให้มี ส.ส.ร.ตามนโยบายที่หาเสียงไว้อย่างแน่นอน
นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสร้างประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ขณะนี้ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาปากท้องประชาชนก่อน เมื่อประชาชนหมดกังวลเรื่องปากท้อง เราก็จะมีเวลาพิจารณารายละเอียดเนื้อหาอย่างรอบคอบ และต้องผ่านการเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในอนาคต
ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอ 7 แพ็กเกจในการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับควบคู่กับการแก้เป็นรายมาตราว่า สงสัยการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอย่างพรรค ปชน.เหมือนที่หลายฝ่ายสงสัยเช่นกัน ว่าที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นผู้แทนฯ นั้น เพื่อเข้าสภาไปทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประชาชนจริงหรือไม่ หรือหวังแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพรรคการเมืองของตัวเองเท่านั้นหรือไม่ เพราะจากที่ดูการเสนอกฎหมาย เสนอแนวทางต่างๆ ของพรรค ปชน.หลายเรื่องที่ผ่านมา ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนเรื่องความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง มุ่งแต่จะแก้ปัญหาการเมือง แก้รัฐธรรมนูญบ้าง จ้องปฏิรูปสถาบัน ปฏิรูปกองทัพบ้าง อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และองค์กรอิสระมีอำนาจมากเกินไป และอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาจากการรัฐประหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย ท่องอยู่แค่ไม่กี่คำเท่านี้ จึงเป็นที่มาของการตั้งคำถามของหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการและฝ่ายการเมืองก็ตามว่า แท้จริงแล้วพรรคประชาชนมีจุดมุ่งหมายการทำงานการเมืองเพื่ออะไรกันแน่
“สังคมตั้งคำถามว่า พรรคประชาชนมัวทำอะไรกัน วนเวียนคิดแต่จะแก้ปัญหาการเมือง แก้รัฐธรรมนูญ ติดกรอบความคิดเดิมๆ เรื่องการลบล้างผลพวงรัฐประหารของ คสช. อ้างแต่เรื่องประชาธิปไตย โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อน ความยากจน ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ตอนนี้ แต่ยังก้าวไม่พ้น คสช. ต้องการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งรัฐบาลชุดก่อนวางกรอบไว้ให้การพัฒนาประเทศเกิดความยั่งยืน ซึ่งก็ถือว่าดีอยู่แล้ว ดังนั้นการเสนอ 7 แพ็กเกจของพรรคประชาชน มองว่าเป็น 7 แพ็กเกจสุดซอย สุดโต่ง มุ่งทำเพื่อพรรคการเมือง ทำเพื่อตัวเอง ยังไม่ได้นึกถึงประชาชนชาวบ้านที่เดือดร้อนจริงๆ” นายธนกรกล่าว
ปชป.ย้ำไม่เอานิรโทษฯ 112
นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ บทเรียนนักการเมืองแก้ รธน.เสียงข้างมากในสภา ว่าไม่มีความหมายเสมอไป ในที่สุดความพยายามแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราก็กลายเป็นเกมการเมืองในบรรดาพรรคการเมืองด้วยกัน ซึ่งจังหวะก้าวที่ผิดพลาดของพรรคที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้ น่าจะเกิดจากการชิงเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา แทนที่จะรอการแก้ไขทั้งฉบับ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง หรือรอให้มี ส.ส.ร.ก่อน โดยคิดแต่เพียงว่าเมื่อสองพรรคใหญ่จับมือกันทุกอย่างก็น่าจะง่าย แต่สุดท้ายสังคมจับได้ว่าประเด็นที่แก้ไขเกี่ยวข้องกับประโยชน์ของนักการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน ทำให้ขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแทบจะปิดเกมไปในที่สุด เท่านั้นไม่พอ ส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจจะถูกลากเกมยื้อ ดึงเกมยาวออกไป ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่นักการเมืองต้องตระหนักตลอดเวลา ว่าเสียงข้างมากที่ไร้ซึ่งความชอบธรรม ไม่มีความหมายเสมอไปในระบบรัฐสภา
วันเดียวกัน นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรับทราบรายงานของคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ที่พิจารณาเสร็จแล้ว และจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 3 ต.ค.นี้ว่า พรรค ปชป.ไม่ต้องการให้รายงานฉบับนี้เข้ามา โดยควรที่จะทำให้จบก่อน ซึ่งพรรคไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการนิรโทษกรรมตั้งแต่เบื้องต้น โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เราจึงไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ เพราะควรที่ทำให้สมบูรณ์กว่านี้ เพราะใน กมธ.ไม่มีการยกมือ แต่เขาเอาความเห็นของทุกภาคส่วนมา แล้วเสนอให้สภารับทราบเท่านั้น
“การประชุม สส.ของพรรคประชาธิปัตย์สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบแล้วว่าเราไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ และการประชุม สส.สัปดาห์นี้คงต้องแจ้งอีกครั้ง และยืนยันว่าไม่ว่ารายงานฉบับไหนที่เกี่ยวกับนิรโทษกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรคก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่จะนิรโทษกรรมเรื่องอื่นๆ หรือความคิดเห็นต่างทางการเมืองก็ว่ากันไป” นายประมวลกล่าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคและกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า แปลกใจเหตุใดการศึกษาของ กมธ.จึงไม่ใช้เสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ หรือใช้เสียงข้างมาก แต่กลับเสนอข้อสังเกตแบบปลายเปิดให้สภาพิจารณาหาข้อยุติ ซึ่งทำได้ยาก ที่สำคัญสภาจะมีมติให้ตั้ง กมธ.ไปศึกษาเพื่อจัดทำรายงานทำไมหากไม่มีมติออกมา
นายชวลิตกล่าวว่า ขอเสนอแนะต่อรัฐบาลด้วยความสุจริตใจว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 6 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” ดังนั้น รัฐบาลควรปกป้องสถาบันเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในต่างประเทศล้วนมีกฎหมายปกป้องประมุขหรือผู้นำประเทศกันทั้งสิ้น การถอนรายงานการศึกษาดังกล่าวไปจัดทำใหม่ให้ได้ข้อยุติในชั้น กมธ.แล้วมานำเสนอต่อสภา น่าจะเป็นหนทางที่จะทำให้การพิจารณาในสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“พรรคไทยสร้างไทยจะไม่มีกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าว แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอแสดงความเห็นด้วยความสุจริตใจ เรียกร้องรัฐบาลให้ปกป้องรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ที่องค์พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง” นายชวลิตกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดจ๊อบเฟสแรก แจกเงิน10,000 2.25ล้านคนรับ
รัฐบาลโอนเงินหมื่นรอบสุดท้ายจันทร์นี้ “ปชป.” ยอมรับกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น
ศปช.กางข้อมูลยันไม่ซํ้ารอยปี54
ประชาชนปลื้มปีติ "โรงครัวพระราชทาน-ถุงยังชีพ" ช่วยผู้ประสบอุทกภัย
‘ปชน.’โวมี‘แผนสำรอง’ ‘ภท.’เฮส่อรอดยุบพรรค
เลขาธิการ ปชน.รับเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว หากอดีต 44 สส.ก้าวไกลแก้ 112
โหนโพลยกหางอิ๊งค์ ฟุ้งลุยงานดันระดับ‘ปท.’ เท้งรอจองกฐินอภิปราย
"นิด้าโพล" เปิดคะแนนนิยมการเมืองรอบใหม่ "อุ๊งอิ๊งค์"
สว.ส่งสัญญาณขวางแก้รธน.
ที่ปรึกษาพูดชัด นายกฯ ยุ่งกับการแก้น้ำท่วมอยู่ ไม่มีเวลาพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประธาน กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วุฒิสภายันหนุนเกณฑ์เสียงข้างมาก
ศึกสายเลือด! ‘ธรรมวัฒนะ’ ฟ้องรอบใหม่
ยังไม่จบ! ศึกพี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะภาคใหม่ "นพดล" รับมอบอำนาจน้องสาว ยื่นฟ้องเพิกถอนการโอนหุ้น "บริษัท สุวพีร์ฯ" ให้ "นฤมล" ชี้เป็นนิติกรรมฉ้อฉล ทำเเผนบริหารตลาดยิ่งเจริญเสียหาย