รัฐบาลโอนเงินหมื่นรอบสุดท้ายจันทร์นี้ “ปชป.” ยอมรับกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น ชื่นชม รบ.ฟังเสียงท้วงติงปรับการแจก “เทพไท” เย้ยแค่ไฟไหม้ฟางไม่ใช่พายุหมุน “จุลพันธ์” เดินหน้าลุยเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เตรียมนัดประชุมถกข้อสรุป มั่นใจจบในต้นเดือน ต.ค.นี้แน่
ในวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 เป็นวันสุดท้ายในการโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารและพร้อมเพย์แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ โดยกำหนดโอนเงินแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ที่มีบัตรประชาชนลงท้ายเลข 8, 9 จำนวน 2.25 ล้านคน ซึ่งประชาชนที่ได้สิทธิสามารถเช็กบัญชี หรือถอนเงินได้ที่สาขา ตู้เอทีเอ็ม หรือแอปพลิเคชัน โมบายแบงกิ้งของบัญชีที่ทำพร้อมเพย์ผูกกับเลขบัตรประชาชนไว้ โดยยอดสะสมของการโอนเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเป้าหมายตลอด 3 วันแรก 25-28 ก.ย. สำเร็จแล้วรวมทั้งสิ้น 11.86 ล้านราย และโอนเงินไม่สำเร็จ 319,8180 ราย
น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 กำหนดแจกกลุ่มเปราะบาง ทั้งกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ รวม 14.55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท ว่า ปชป.ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินสด 10,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้รับทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงท้วงติงจากหลายภาคส่วน รวมทั้งพรรคเองได้เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการแจกเงินดิจิทัลฯ ตั้งแต่เรื่องที่มาของงบประมาณ ตลอดจนวิธีการและความคุ้มค่าของโครงการ จนในที่สุดรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนแนวทางและรายละเอียดจนสามารถแจกเป็นเงินสดถึงมือประชาชนสำเร็จเป็นเฟสแรก
น.ส.เจนจิรากล่าวต่อว่า การนำนโยบายในการหาเสียงมาปฏิบัติ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงท้วงติง เพื่อให้การแปรเปลี่ยนนโยบายพรรคการเมืองเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้จริง การที่รัฐบาลยอมปรับเปลี่ยนการดำเนินงานถือเป็นการยอมรับฟังเสียงท้วงติงจากทุกภาคส่วนในสังคม และเป็นบทเรียนในแนวทางทำให้การดำเนินการสำหรับกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ต่อไปให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการนำเงินงบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงตามเป้าหมายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
“การแจกเงินสด 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางในครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น ภาวะที่ประเทศเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติ กระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรง รัฐบาลต้องมีแนวทางสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวเพื่อให้ประเทศฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินการนโยบายในเรื่องอื่นต่อๆ ไปของรัฐบาล ต้องรับฟัง ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หากเป็นเช่นนี้ก็เชื่อได้ว่ารัฐบาลนี้จะสามารถสร้างผลงานได้สำเร็จอีกหลายๆ เรื่อง และเป็นแบบอย่างของการปรองดองในชาติต่อไป”
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ แจกเงินหมื่น เหมือนไฟไหม้ฟาง ระบุว่า มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาประโคมข่าวโครงการแจกเงินสด 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางและคนพิการเป็นพายุหมุนลูกแรก ซึ่งเป็นการโฆษณาเกินจริง ถ้าไปดูในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จะเห็นว่าเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลจัดให้ ผู้ได้รับจะกดไปใช้หมด และจะใช้จ่ายภายในรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้หนี้ โอนให้ลูกไปใช้จ่าย ไม่ได้จับจ่ายใช้สอยตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้
นายเทพไทระบุว่า ผู้ได้รับเงินทั้งหมดมีไม่น้อยกว่า 50% จะนำเงินไปใช้หนี้ และอีก 30% นำไปใช้เงินที่ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเพียง 20% เท่านั้นที่นำเงินไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลจะคาดหวังให้เกิดพายุหมุน 4 รอบนั้น เป็นเรื่องเป็นไปได้ยากมาก การแจกเงินสดโดยไม่มีการควบคุมการใช้จ่าย คนรับสามารถใช้ได้ไม่จำกัดสินค้า ไม่จำกัดขอบเขตและพื้นที่ มีการใช้จ่ายรวดเร็วเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หายไป
“ถ้ารัฐบาลไม่ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และยังเยียวยาแก่กันเป็นประชานิยมแบบนี้ ก็ไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หรือลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนได้เลย การแจกเงินสด 10,000 บาท ที่รัฐบาลหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นแบบไฟไหม้ฟางเช่นนี้ จะได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน” นายเทพไทระบุ
วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ใน 1-2 สัปดาห์นี้ เตรียมเรียกประชุมส่วนงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่นาน ไม่เกินต้นเดือน ต.ค.2567 น่าได้ข้อสรุปทั้งหมด และหลังจากนั้นจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบต่อไป เพราะหลักของโครงการคงไม่ได้ต่างจากที่สภาผู้แทนราษฎรส่งมาให้ ครม.พิจารณาก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่าอาจปรับเปลี่ยนในบางเรื่องที่เป็นข้อจำกัด โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย เช่น การบริหารรายได้ การจัดเก็บภาษีในมิติต่างๆ
นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร ที่ยังมีปัญหาเล็กน้อย ว่าเมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังในเรื่องการจัดตั้งกองทุนใหม่ที่ห้ามไม่ให้มีภารกิจซ้ำซ้อน ซึ่งข้อเสนอแนะจากส่วนราชการเห็นว่าอาจต้องปรับรูปแบบกองทุน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปและสอดคล้องตามหลักกฎหมายประกอบทั้งหมด โดยรายละเอียดจำเป็นต้องมาหารือกันเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดเรื่องพื้นที่จัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น จะไม่ได้มีการพูดคุย เพราะเรามีหน้าที่พิจารณาในขั้นตอนการทำกฎหมายเท่านั้น ส่วนมิติการป้องกันผลกระทบทางลบที่จะเกิดนั้น กระทรวงได้พิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ท้ายที่สุดเรื่องนี้เป็นอำนาจของสภา ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้งว่าโครงการดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างไร จะป้องกันผลกระทบทางลบอย่างไรต่อไป ตรงนี้ต้องมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อให้โครงการเดินหน้าสู่ความสำเร็จ
“เอกชนที่แสดงความสนใจ แสดงเจตจำนงที่จะลงทุนในโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องที่ดี และรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น แต่กระทรวงการคลังในฐานะภาครัฐต้องมากำหนดข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปี อาจต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดพื้นที่ ว่าจังหวัดไหน จุดไหนจะเหมาะสม รวมถึงจะต้องมีการกำหนดรูปแบบของโครงการออกมาเป็นทีโออาร์เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เช่น กำหนดให้มีพื้นที่ของสวนสนุก อย่าง Disneyland หรือ Universal Studios เป็นต้น หรือให้มีพื้นที่ของสนามกีฬาระดับนานาชาติแห่งใหม่ โดยกระบวนการดำเนินการทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย โปร่งใส และชัดเจนว่ารัฐและประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศปช.กางข้อมูลยันไม่ซํ้ารอยปี54
ประชาชนปลื้มปีติ "โรงครัวพระราชทาน-ถุงยังชีพ" ช่วยผู้ประสบอุทกภัย
‘ปชน.’โวมี‘แผนสำรอง’ ‘ภท.’เฮส่อรอดยุบพรรค
เลขาธิการ ปชน.รับเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว หากอดีต 44 สส.ก้าวไกลแก้ 112
ลุ้นสว.ถกกม.ประชามติ/จี้กมธ.โหวตนิรโทษ
แผนชำเรารัฐธรรมนูญส่อสะดุด บิ๊กสภาสูงหนุน กม.ประชามติต้องกลับไปใช้หลักออกเสียงสองชั้น ไม่หวั่นโดนวิจารณ์ยื้อแก้ไข
โหนโพลยกหางอิ๊งค์ ฟุ้งลุยงานดันระดับ‘ปท.’ เท้งรอจองกฐินอภิปราย
"นิด้าโพล" เปิดคะแนนนิยมการเมืองรอบใหม่ "อุ๊งอิ๊งค์"
สว.ส่งสัญญาณขวางแก้รธน.
ที่ปรึกษาพูดชัด นายกฯ ยุ่งกับการแก้น้ำท่วมอยู่ ไม่มีเวลาพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประธาน กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วุฒิสภายันหนุนเกณฑ์เสียงข้างมาก
ศึกสายเลือด! ‘ธรรมวัฒนะ’ ฟ้องรอบใหม่
ยังไม่จบ! ศึกพี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะภาคใหม่ "นพดล" รับมอบอำนาจน้องสาว ยื่นฟ้องเพิกถอนการโอนหุ้น "บริษัท สุวพีร์ฯ" ให้ "นฤมล" ชี้เป็นนิติกรรมฉ้อฉล ทำเเผนบริหารตลาดยิ่งเจริญเสียหาย