‘ปชน.’โวมี‘แผนสำรอง’ ‘ภท.’เฮส่อรอดยุบพรรค

เลขาธิการ ปชน.รับเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว หากอดีต 44 สส.ก้าวไกลแก้ 112  ไม่รอด ลั่นได้เห็น “ไหมสอง-โรมสอง” เกิดแน่   ภูมิใจไทยเตรียมเฮ ส่อรอดยุบพรรคเหมือนพลังประชารัฐที่รอดคดีเงินบริจาคตู้ห่าว เพราะพิสูจน์ไม่ได้เงินสีเทา “แสวง” ยกคำวินิจฉัยศาลฎีกาทำงานให้หลวงต้องได้เงิน คาดจบใน 1 เดือน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567 นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชน.)   ให้สัมภาษณ์ถึงคดีคำร้องยื่นเอาผิดการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม กรณีอดีต สส.พรรคก้าวไกล  44 คน เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) ว่า อดีต สส. 44 คน เป็น สส.พรรคประชาชน 25 คน โดยหากประเมินทิศทางคดียังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะมีทั้งไม่โดน ไม่น่าโดน ไปจนถึงโดนทั้งหมด ขึ้นอยู่กับพูดกับใคร ก็คงอยู่ระหว่างนี้ เราแค่ทำให้ดีที่สุด ผลจะออกมาอย่างไรก็ว่ากัน

เมื่อถามว่า พรรคเตรียมการรองรับผลที่จะตามมาแล้วใช่หรือไม่ นายศรายุทธิ์กล่าวว่า ก็ต้องเตรียม ต้องคิดไว้ ซึ่งก็เหมือนกับที่พรรคก้าวไกลเตรียมพรรคสำรองคือพรรคถิ่นกาขาวฯ ไว้ตั้งแต่ก่อนโดนยุบพรรค เพราะต้องคิดว่าความเป็นไปได้ ถ้าโดนจะเป็นอย่างไรบ้าง แนวทางที่หนึ่งทำอย่างไร ทางที่สองจะทำอะไร โดยแนวทางก็อย่างเช่นที่เกิดแน่ๆ หากโดน คนที่โดนหากเป็น สส.เขต ก็ต้องเลือกตั้งซ่อม ส่วน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ แน่นอนว่าจัดการยาก เพราะไม่มีคนแทนขึ้นมาได้ เราต้องคิดถึงฟังก์ชันงานว่าถ้าขาดคนนี้ไป คนใหม่ที่เข้ามาแทนในประเด็นนั้นๆ จะเป็นใคร อันนี้คือการเตรียมการ ต้องมีอย่างน้อยคือในประเด็นนโยบายใดประเด็นหนึ่ง ก็ควรต้องมีคนมากกว่าหนึ่งคนที่จะเข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ แทนที่

“คนนั้นจะเป็นคุณไหม ศิริกัญญา ตันสกุล  เขาก็ต้องมีคนช่วยทำละ 2-3 คน อะไรประมาณนั้น คือมันต้องคิดแบบนั้น ก็ต้องคิดว่าแถวสามแถวสี่ขึ้นมา ที่จะขึ้นมาในแผงต่อไปจะมีใครบ้าง”นายศรายุทธิ์ระบุ

ถามว่า ในกลุ่ม 44 คนดังกล่าวมีทั้ง น.ส.ศิริกัญญา รวมถึงหัวหน้าพรรค นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือนายรังสิมันต์ โรม ยกเว้นแค่บางคนเช่นนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ถ้าโดนพรรค ปชน.ก็เกลี้ยง นายศรายุทธิ์ยอมรับว่า ก็ส่งผลอยู่ แต่คิดว่าส่งผลไม่นาน เชื่อว่าระยะสั้นแน่นอนส่งผลอยู่แล้ว แต่ระยะยาวหกเดือนถึงหนึ่งปี จะไม่ส่งผลมาก เหตุผลก็อย่างนายพริษฐ์ที่เพิ่งมาเป็น สส.สมัยแรก แต่ดูบทบาทก็ชัดเจนว่ามีความสามารถ เช่นเดียวกัน เราก็เห็นว่า สส.เราที่เป็น สส.สมัยแรกมีพัฒนาการรวดเร็วน่าจะทดแทนขึ้นมาได้ไม่ยาก ทันเวลา

ถามอีกว่า ถ้าโดนจริงก็รับรองได้เห็นไหมสอง  โรมสอง นายศรายุทธิ์กล่าวตอบว่า ก็มี มั่นใจว่ามี ส่วนผลคดีจะออกมาช่วงไหนนั้น เร็วที่สุดก็คงต้นปีหน้า แต่ถ้าปกติก็น่าจะกลางปีหน้า แต่ถ้าจะยืดก็อาจปลายปีหน้า หรือถัดไปอีกปีเลยก็เป็นไปได้ ซึ่งเวลาเราประเมินก็ประเมินว่าเร็วที่สุดคืออะไร ช้าที่สุดได้ขนาดไหน ส่วนมันจะไปเป็นจริงขนาดไหน เราคาดการณ์ยากจริงๆ เรื่องนี้

ถามถึงความกังวลในคดีดังกล่าวเทียบกับคดียุบพรรคก้าวไกล เรื่องไหนกังวลมากกว่ากัน เลขาธิการพรรค ปชป.กล่าวว่า ใกล้เคียงกัน แม้คนละแบบ แต่ส่งผลกระทบใกล้เคียงกัน ซึ่งเชื่อว่าอย่างที่เราสร้างพรรคประชาชนทดแทนพรรคก้าวไกลได้แบบไหน เช่นเดียวกัน เราก็จะมีคนมาทดแทน 44 คนได้แบบนั้น

วันเดียวกัน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จากเหตุรับเงินบริจาคจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถือหุ้นอยู่ว่า ประเด็นนี้ทำให้ถูกด่าฟรีมาปีกว่าๆ เพียงเพราะว่าเป็นคนบุรีรัมย์ ทำให้กลายเป็นจำเลยของสังคม ทั้งๆ ที่ไม่เคยเข้าไปยุ่ง เพราะตามข้อกฎหมาย กรณีพรรคก้าวไกลมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางเอาไว้แล้ว ซึ่งก็ผูกพันกับ กกต. ทำให้ต้องใช้อำนาจในการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่คดีของพรรค ภท.นั้นเป็นการร้องว่าผิดหรือไม่ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีของนายศักดิ์สยาม ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลย แต่เราก็พยายามหาว่าสิ่งที่เขามาร้องนั้นเป็นเหตุโยงไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการสอบได้เสนอเรื่องมาแล้ว ก็จะได้สบายใจว่ามันได้จบเสียที ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูว่าที่เสนอมานั้นเป็นอย่างไร บางทีสังคมเข้าใจไปว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ต้องยุบพรรคเหมือนกัน แต่จริงๆ ต้องดูข้อกฎหมาย ดูที่คำร้อง

นายแสวงกล่าวต่อว่า หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอเรื่องเข้ามาแล้ว ก็จะส่งเรื่องให้กรรมการที่ปรึกษาของนายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานให้ความเห็นก่อน ก่อนเสนอให้นายทะเบียนฯ พิจารณาให้ความเห็นว่าผิดกฎหมายต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ ถ้านายทะเบียนเห็นว่าไม่ผิดก็จบเลย แต่ถ้าเห็นว่าผิดก็เสนอต่อ กกต. คาดว่าไม่เกินเดือน ต.ค.ก็จบแล้ว

เลขาธิการ กกต.กล่าวอีกว่า เรื่องของพรรค ภท.ก็เหมือนกับเรื่องร้องเรียนให้ยุคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีการรับเงินบริจาคไม่ชอบด้วยกฎหมายจากนายตู้ห่าว ซึ่งการพิสูจน์ว่าเงินที่เขานำมาบริจาคนั้นเป็นเงินสีเทาได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ถ้ามีหน่วยงานที่รับผิดชอบไปบอกว่าเงินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถูกยึดก็จะชัดเจนว่าเป็นที่มาของเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เงินที่ไม่ชอบตามกฎหมายอื่น เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กกต.ไม่มีอำนาจไปวินิจฉัย ซึ่งถ้าเงินที่ไม่ชอบตามกฎหมายนั้นเอามาบริจาค นั่นจะทำให้เขาถูกยุบพรรค แต่ถ้าเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมืองโดยตรง ก็อย่างกรณีเงินกู้ที่เป็นเหตุยุบพรรคอนาคตใหม่ กกต.มีอำนาจวินิจฉัยด้วยตัวเอง

“กรณีเงินบริจาคของนายตู้ห่าวไม่มีหน่วยงานไหนวินิจฉัยว่าเงินนั้นได้จากอะไร เมื่อมันเป็นไปตามกฎหมายอื่นแล้วไม่มีหน่วยงานไหนมาวินิจฉัย และเราก็ไม่มีอำนาจที่จะไปวินิจฉัยตามกฎหมายอื่น กกต.ก็ต้องยุติเรื่องไป พอมาถึงเงินของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีบริษัทหนึ่งเอาเงินมาบริจาค เงินนั้นคือเงินหลวงที่บริษัทประมูลงานได้ ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาในคดีหนึ่งที่มีบริษัทเขาไปฮั้วประมูล และผู้มีอำนาจไม่ให้เงินค่างานเขา ศาลบอกว่าต้องแยกให้ถูก เขาทำงานก็ต้องได้ค่างาน ฮั้วประมูล ไม่เกี่ยวกัน นั่นหมายความว่าเงินค่างานเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเขาทำงานก็ต้องได้เงิน ส่วนเรื่องหัวประมูลก็ต้องไปดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”

เมื่อถามถึงเรื่องร้องเรียนการยุบพรรค พปชร. กรณีเงินของนายตู้ห่าว แสดงว่านายทะเบียนมีความเห็นยุติเรื่องแล้วใช่หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ยุติไปแล้ว เพราะเพราะเงินนั้นเป็นเงินตามกฎหมายอื่น ซึ่งไม่มีใครมาวินิจฉัยว่ามันเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเราก็จะเอามาเป็นเหตุให้ยุบพรรคไม่ได้ มันเหมือนกับว่าเราพิสูจน์และฟังเขาจะจริงมาได้เท่านี้ เราไม่มีหน่วยงานไหนมาพิสูจน์และยืนยันได้ว่าเงินที่นายตู้ห่าวเอามาบริจาคนั้นมีที่มาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง