ศึกสายเลือด! ‘ธรรมวัฒนะ’ ฟ้องรอบใหม่

ยังไม่จบ! ศึกพี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะภาคใหม่ "นพดล" รับมอบอำนาจน้องสาว ยื่นฟ้องเพิกถอนการโอนหุ้น "บริษัท สุวพีร์ฯ" ให้ "นฤมล" ชี้เป็นนิติกรรมฉ้อฉล ทำเเผนบริหารตลาดยิ่งเจริญเสียหาย

เมื่อวันที่  27 กันยายน 2567 ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้รับมอบอำนาจ น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางมายื่นฟ้อง น.ส.ณฤมล หรือนฤมล ธรรมวัฒนะ ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกลฉ้อฉล

โดยภายหลังยื่นฟ้องนายนพดลกล่าวว่า มาในฐานะผู้รับมอบอํานาจจากน้องสาว น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ให้มาเป็นโจทก์ฟ้องนางนฤมล ฐานความผิดก็คือเพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉล คดีนี้เกี่ยวข้องกับตลาดยิ่งเจริญ สำหรับ น.ส.นฤมล ได้มีการวางแผนออกอุบายเพื่อที่จะให้ น.ส.คนึงนิตย์โอนหุ้นตลาดยิ่งเจริญไปให้กับเขา  จำนวนหุ้นไม่ได้มาก เพียงหุ้นเดียว แต่คำว่าหุ้นเดียวมันมีผลต่อการบริหารงานทั้งหมด ทําให้ น.ส.คนึงนิตย์เสียอํานาจในการบริหาร แล้ว น.ส.นฤมลกระทําการเองทุกอย่างโดยอําเภอใจ

ส่วนวิธีการคือช่วงตอนที่เขาซื้อหุ้นจากกลุ่มนายปริญญา เขาก็จะมีหุ้นเพิ่มขึ้น แล้วหุ้นที่ซื้อมามันก็จะต้องมาเฉลี่ย เเต่ท้ายที่สุดเนี่ยจะเหลือผู้ถือหุ้นเพียงสองคน ก็จะต้องเหลือเท่ากัน แต่ว่า น.ส.นฤมลเนี่ยก็ไปสร้างหลอก น.ส.คนึงนิตย์ให้หลงเชื่อว่ามีหุ้นมากกว่าเขาหนึ่งหุ้น เเละจะต้องโอนคืนให้เขา น.ส.คนึงนิตย์ก็เชื่อใจจากการเป็นพี่เป็นน้องกันก็โอน ซึ่งเรื่องนี้มีบันทึกเป็นรายงานในศาลด้วย ซึ่งพอโอนไปก็กลายเป็นฝั่ง น.ส.นฤมลมีหุ้นมากกว่า แล้วก็ได้สิทธิ์ในการบริหารตลาด เมื่อโหวตออกเสียงลงคะแนนกันเมื่อไหร่  น.ส.คนึงนิตย์ก็แพ้ เพราะหนึ่งหุ้นที่โอนไปปุ๊บมันก็เลยกลายเป็นต่างกันสองหุ้น

เขาเผยว่า วันนี้ที่มาคือยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกลฉ้อฉล หลักฐานเอกสารเราเตรียมไว้พร้อม คดีนี้ความเกี่ยวโยงเชื่อมพันเชื่อมโยงกับคดีที่ก่อนหน้านี้มายื่นฟ้องที่ศาลแพ่งไปแล้ว คดีนั้นจะเป็นการผิดสัญญาในข้อบังคับข้อกําหนดในพินัยกรรม คดีนั้นจะใหญ่กว่า เเต่คดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการตลาด ซึ่งหนึ่งหุ้นที่โอนไปประมาณค่าไม่ได้ เพราะเกิดความเสียหาย การที่มาฟ้องคดีก็คิดว่าอยากจะทําให้มันถูกต้องเพื่อเป็นประโยชน์ในระยะยาว ให้ศาลมีคําวินิจฉัยชี้ถูกชี้ผิดไปเลย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะกระทําซ้ำกระทําซ้อนแบบนี้ไม่ให้มันเกิดขึ้น เพราะจากคราวที่แล้วมาถึงคราวนี้ก็เป็นเรื่องกระทําซ้ำเหมือนเดิม โดยส่วนตัวเคารพคําสั่งศาล  เพราะเมื่อศาลมีคําพิพากษามาก็ต้องเชื่อฟังกันทุกคน

น.ส.สุกัญญา ศาสนปิติ ทนายความโจทก์  กล่าวต่อว่า ศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 13.30 น. ซึ่งเราเตรียมเอกสารไว้เรียบร้อยในวันนัดชี้สองสถาน ก็มาคุยกันก่อนว่าจะยังไง  แต่ถ้าสมมุติว่าคุยกันไม่ได้หรือตกลงกันไม่ได้ ก็ตามขั้นตอนของกฎหมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง