แจกหมื่นพายุหมุน พท.เล่นใหญ่! ปั่นเศรษฐกิจพุ่ง / เมาไม่ขับวอนอย่าซื้อเหล้ากิน

รัฐบาลเล่นใหญ่! ตีปี๊บแจกเงินหมื่นพายุหมุนรอบแรก ฟุ้งเศรษฐกิจไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ สร้างโมเมนตัมเพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกต่อไป "ศิริกัญญา"  ตอก แจกแล้วเงียบกริบ เพราะแค่ 0.35% ของดีจีพี ปลายปีนี้จะไม่ได้เห็นเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างรวดเร็ว มูลนิธิเมาไม่ขับวอนได้เงินแล้วอย่าเอาไปซื้อเหล้ากิน

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  (พท.) กล่าวถึงกรณีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เดินหน้าจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลว่า รัฐบาลเดินหน้าโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่ประกอบด้วยกลุ่มผู้พิการและกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภาพรวมถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีกรณีตกหล่น รัฐบาลจะเร่งรีบเข้าไปดำเนินการเติมเต็มให้เร็วที่สุด เงินสด 1 หมื่นฟื้นเศรษฐกิจครั้งนี้ แม้เป็นจำนวนเงินที่เท่ากัน แต่คุณค่าอาจแตกต่างกัน  บางคนทั้งชีวิตเพิ่งจะได้เคยจับเงินหมื่นก็จากโครงการของรัฐในครั้งนี้ เงิน 1 หมื่นจึงเหมือนเป็นการต่อลมหายใจต่อชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง สามารถนำไปซื้อสิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้ในครัวเรือน และของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เงินหมื่นสามารถนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการประกอบวิชาชีพต่อไป

นายอนุสรณ์กล่าวว่า รัฐบาลได้สร้างพายุหมุนลูกแรกขึ้นมา เพื่อจะวางรากฐานในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคง และสามารถหารายได้อย่างยั่งยืน รัฐบาลยังมีอีกหลายมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร การลดดอกเบี้ย ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ เงินสดถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนสร้างโมเมนตัมเพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกต่อไป ที่จะทำให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ถือเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ต่อลมหายใจให้ประชาชนรายเล็กรายน้อยที่กำลังเดือดร้อน

“วันนี้แม้คะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะพุ่งสูงขึ้น แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งทำงานหนักต่อไป เพื่อประเทศชาติและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง” นายอนุสรณ์กล่าว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว ขอให้มีการวางแผนใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ส่วนเรื่องการใช้หนี้ เป็นปกติที่จะต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้อยู่แล้ว แต่ต้องมีการบริหารจัดการเงินบางส่วนที่ได้รับไป ไม่ใช่ทั้งหมด จึงขอให้ใช้จ่ายอย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด  ซึ่งควรงดเว้นการซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือยหรืออบายมุข

ที่สถานีรถไฟ จ.ขอนแก่น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินจากรัฐบาล ที่ทยอยจ่ายตามหมวดเลขของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรคนพิการ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เรียกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบางแทน จริงๆ แล้วตนเองพยายามให้รัฐบาลทำตามกฎหมาย ให้รัฐบาลใช้งบประมาณปี 2567 ให้ทันภายใน 30 ก.ย. ไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมาย จึงเป็นที่มาของการแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบางในครั้งนี้ก่อน

"ด้วยความรีบร้อนจึงได้แจกเป็นเงินสด การแจกเงินกลุ่มเปราะบางถึงแม้เม็ดเงินจะใช้ค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นกลุ่มเหมาะสมที่ควรจะต้องได้ ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงินก็ต้องขอแสดงความเสียใจ เพราะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่ง อาจจะต้องเลื่อนไปถึงต้นปีหน้าคือปี 2568 จึงจะมีความชัดเจนว่าจะได้หรือไม่ได้ ได้เมื่อไหร่ ได้เท่าไหร่ ได้กี่รอบ แต่ว่าอย่างไรก็ตามตนในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ก็จะติดตามเงินส่วนที่เหลือให้กับประชาชนอย่างเข้มข้น"

แค่ 0.35% ของดีจีพี

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ตอนแรกรัฐบาลจะแจกเงินรอบเดียว 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ คิดเป็น 20% ของจีดีพี พอตอนนี้ลดลงเหลือ 1 ใน 3 สัดส่วนที่จะไปส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือทำให้จีดีพีโตขึ้นก็ลดลงตามไปด้วย  เหลือแค่ 0.35% ของดีจีพี ดังนั้นปลายปีนี้เราจะไม่ได้เห็นเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับผู้ประกอบการที่เริ่มบ่นว่าแจกเงินไปแล้วแต่ตลาดยังคงเงียบเหมือนเดิม ยังไม่มีการออกมาจับจ่ายใช้สอยมากนัก อาจจะเน้นไปที่การชำระหนี้สินก่อนจะนำไปใช้สอย ทำให้ผลต่อเศรษฐกิจน้อยลง คงไม่มีแล้วพายุหมุนอย่างที่รัฐบาลบอก แต่ก็ต้องตามว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอย่างอื่นอะไรมากระตุ้นเศรษฐกิจ

วันเดียวกันนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดให้มีการประชุมผู้นำเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับส่งเสริมธรรมาภิบาลด้านการจราจรขึ้น ณ ห้องเจ้าพระยา เทอเรซ โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิให้เกียรติบรรยายถ่ายทอดความรู้ให้กับเหยื่อเมาแล้วขับ

นายภัทรพันธุ์ กฤษณา ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เปิดเผยถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้กับกลุ่มคนพิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าในนามเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับทั่วประเทศที่มาประชุมกัน ขอขอบคุณรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับคนพิการทั่วประเทศ ซึ่งสมาชิกเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 15,000 คน ได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้ ถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจในยามที่เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา และคนไทยในหลายพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม

ทั้งนี้ คณะกรรมการมูลนิธิเมาไม่ขับและเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับได้ประชุมกันและมีมติว่า ให้สมาชิกเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับทั่วประเทศที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท สิ่งแรกที่ต้องทำคือ สำรวจรถภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง รถชนิดต่างๆ ที่ใช้อยู่ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย ได้ทำหรือยัง หรือขาดอายุ จะต้องไปต่อในทันที เพื่อเป็นหลักประกันคุ้มครองกรณีประสบอุบัติเหตุจะได้รับการเยียวยา ไม่ปล่อยให้เป็นภาระของคนข้างหลัง นอกจากนั้นแล้วได้เชิญชวนให้สมาชิกเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับที่ได้รับเงินหมื่น ได้แบ่งปันเงินดังกล่าวด้วยการบริจาคไปช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วมตามแต่กำลังที่มี

วอนอย่าเอาไปซื้อเหล้ากิน

ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับเปิดเผยในตอนท้ายว่า อยากขอวิงวอนพี่น้องประชาชนที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท ขออย่าได้นำเงินไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ อย่างเด็ดขาด ในฐานะเหยื่อเมาแล้วขับ พวกเราผ่านชีวิตความยากลำบากในฐานะคนพิการที่ตกเป็นเหยื่อเมาแล้วขับ จึงไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ทรมานเหมือนพวกเรา เงิน 1 หมื่นบาท เอาไปซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง สิ่งของจำเป็น หรือเอาไปลงทุนค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ต่อยอด ดีกว่าเอาไปซื้อเหล้าซื้อเบียร์ ซึ่งทำลายสุขภาพแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ กลายเป็นภาระกับครอบครัวและสังคมในอนาคต

วันเดียวกันนี้ จากกรณีที่สถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้โพสต์ประชาสัมพันธ์ว่า “ขอประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายออง มาแจ้งว่าได้ทำกระเป๋าตังค์ตกหายระหว่างเดินทางไปชื้อข้าวสาร อยู่ถนนเส้นทางบ้านหนองโสน หมู่ 4 ไปโรงสีตะโก ในกระเป๋ามีเงินอยู่ประมาณ 7,000 บาท พร้อมบัตรประชาชน เพราะแกยากจนมาก จะไปชื้อข้าวสาร  ท่านใดเก็บได้ขอความอนุเคราะห์ส่งคืนด้วยครับ  สงสารคนไม่มีจะกิน รัฐบาลให้มายังไม่ได้ใช้เลยครับ หมู่ 4 อีสานเขตครับ”

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่ 4 บ้านหนองโสน ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อจะไปสอบถามข้อมูลกับคุณลุงที่ทำกระเป๋าสตางค์หล่นหาย ซึ่งก็ได้มีผู้ใหญ่บ้านเป็นคนพาไปที่บ้านของนายละออง หรือลุงออง อายุ 62 ปี ซึ่งสภาพบ้านลักษณะคล้ายกระต๊อบ ทั้งหลังคาและฝาผนังเป็นสังกะสีเก่าผุพัง ในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีเพียงที่นอนหมอนมุ้ง แหที่ใช้สำหรับหาปลา และอุปกรณ์ถ้วย จาน ชาม หม้อกระทะ เตาถ่าน ที่ใช้สำหรับประกอบอาหารเท่านั้น แต่ไม่พบลุงอองอยู่ในบ้าน สอบถามญาติพี่น้องใกล้เคียงก็บอกว่าน่าจะไปหาเหล้าดื่ม เพราะลุงแกเป็นคนชอบดื่ม

ซึ่งญาติก็ถามนักข่าวและผู้ใหญ่บ้านว่าตามหาคุณลุงทำไม พอบอกว่าคุณลุงไปแจ้งความว่าเงินที่รัฐบาลโอนช่วยเหลือมา 10,000 บาท หายไป 7,000 บาท ระหว่างจะไปซื้อข้าวสาร น.ส.สุดารัตน์ อายุ 60 ปี น้องสาวของลุงออง ก็บอกว่าเงินไม่ได้หาย เธอเป็นคนเก็บกระเป๋าเงินไว้เอง พร้อมเอาเงินในกระเป๋าของลุงออง พี่ชาย ที่เธอช่วยเก็บไว้ให้มานับให้ทีมข่าวและผู้ใหญ่บ้านดู พบว่าเงินเหลือจำนวน 5,780 บาท

พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า วันที่ 26 ก.ย.67 พี่ชายไปเบิกเงินที่รัฐโอนเข้าบัญชีมา 10,000 บาท ตนก็บอกพี่ชายว่าขอไว้ 3,000 บาทได้มั้ย เพราะรู้ว่าพี่ชายเป็นคนชอบดื่มเหล้า กลัวเงินจะหมด ปกติก่อนหน้านี้ทั้งเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาท และเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนละ 300 บาท ตนก็เป็นคนดูแลให้ทั้งหมด เวลาไม่มีข้าวหรืออาหารก็จะเอาเงินไปซื้อให้ บางครั้งพี่ชายก็มาเอาเงินสดไปซื้อเอง เพราะปัจจุบันพี่อยู่คนเดียว ลูกๆ เขาไปทำงานหากินและมีครอบครัวกันหมดไม่ได้มาดูแลแก

พอวันที่ 27 ก.ย.เห็นพี่ชายเมานอนไม่รู้เรื่อง แล้วกระเป๋าที่ใส่เงินก็หล่นจากกระเป๋ากางเกง  ตนจึงเก็บเอาไว้ให้ เห็นเหลือเงินอยู่ 5,000 กว่าบาท ซึ่งหากตนไม่เก็บไว้ให้ก็คงจะหมด เพราะพี่ชายชอบดื่มเหล้าแทนที่จะเก็บไว้ซื้อของกินประทังชีวิตมากกว่า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง