อิ๊งค์หวังอยู่ครบเทอม ถกกุนซือฝันคนไทยหายจน หึ่ง!สันติ-วราเทพทิ้งพปชร.

เปิดคิวงาน "นายกฯ อิ๊งค์"   ประเดิมบินต่างแดน โชว์วิชั่นเวทีสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่ 3 กรุงโดฮา รัฐกาตาร์   2-4 ต.ค. ก่อนร่วมประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44  และ 45 ที่ลาว 8-11 ต.ค.นี้ ได้ฤกษ์เปิดบ้านพิษฯ  ถกนัดแรกคณะที่ปรึกษานโยบายฯ "หมอเลี้ยบ"   เผยนายกฯ หวังอยู่ครบเทอม ตั้งเป้าคนไทยพ้นความยากจน ประเทศหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ    โวแม้วัยดึกแต่ไม่ตกยุค "ธรรมนัส” ลั่นแก้วมันแตกแล้ว แยก พปชร.ชัดเจน หัวเราะเย้ยขับออกเมื่อไหร่ฉลองทันที ขู่แรงมาแรงกลับ สะพัด “สันติ-วราเทพ” ทิ้ง พปชร. จ่อกลับ พท.

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยในวันที่ 2-4 ต.ค. นายกฯ จะเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยในที่ประชุมดังกล่าวนายกฯ  จะกล่าวถ้อยแถลงลำดับที่ 2 ต่อกาตาร์ และยังมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับประมุข หรือหัวหน้ารัฐบาล 4 ประเทศ อาทิ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น ซึ่งนายกฯ มีกำหนดการเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 01.50 น. ของวันที่ 4 ต.ค.

จากนั้นนายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมต่างๆ   ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค.

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก เพื่อประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี  โดยถือเป็นการเข้าใช้บ้านพิษณุโลกครั้งแรกของนายกฯ และเป็นการประชุมคณะที่ปรึกษาฯ ครั้งแรก มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา,  นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา, นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วย โดยก่อนการประชุมนายกฯ ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลกด้วย

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษาฯ แถลงว่า นายกฯ ขอบคุณที่ปรึกษาทั้ง 5 ท่านที่ตอบรับมาเป็นที่ปรึกษา เพราะทุกท่านเคยผ่านประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดินมาทั้งสิ้น  และนายกฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่าง  โดยขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้รับข้อมูลที่รอบด้าน โดยที่ปรึกษาเสนอแนะสิ่งที่จะทำต่อไป คือ 1.ที่ปรึกษาทั้ง 5 คน มีประสบการณ์ทำงานทั้งนโยบายและการขับเคลื่อนกิจการต่างๆ ในอดีต ดังนั้นทุกท่านจะให้คำเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ แต่จะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ

โดยนายธงทอง จันทรางศุ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ก็จะช่วยดูกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ สนใจนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนตนที่ผ่านมาทำงานเชิงสาธารณสุขและซอฟต์พาวเวอร์ ก็สนใจทำเรื่องนี้จริงจัง ขณะที่นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ มีประสบการณ์การเมืองมาก เสนอแนะนโยบายหลายนายกฯ มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก  การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี ซึ่งท่านจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ

   นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ที่ปรึกษาทั้ง 5 คนยังเน้นเรื่องการรวมความรู้จากภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้นหลังจากนี้บ้านพิษณุโลกจะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนมาประชุมหารือกัน เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป เราคิดว่าวันนี้เราจะไม่คิดเพียงว่าจะทำอะไร แต่เราคิดด้วยว่าจะทำอย่างไร เราต้องมีแผนชัดเจน สามารถขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจได้ การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งผลลัพธ์ในอนาคต จึงกำหนดว่าควรประชุมต่อเนื่อง โดยนายกฯ จะประชุมด้วยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือทุกวันพฤหัสบดี เพื่อพูดคุยถึงนโยบายที่น่าสนใจอย่างตรงไปตรงมา และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน

'อิ๊งค์' หวังอยู่ครบเทอม

"คณะที่ปรึกษายังได้บอกเบื้องต้นว่า สิ่งสำคัญคือการออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งมีแนวคิดเบื้องต้นแล้ว หากครม.ได้รับทราบ เชื่อว่าจะตัดสินใจได้เร็ว ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับประโยชน์เร็วมาก มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ได้มองเพียงการสนับสนุนเรื่องเงินอย่างเดียว แค่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้ มีแนวทางเบื้องต้นแล้ว ซึ่งต้องรอนำเสนอนายกฯ ก่อน และเรื่องการทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีไทยส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง เรามีมาตรการบางอย่างที่เราคิดว่าเป็นจิกซอว์ตัวที่หายไป ก็จะมีการนำเสนอนายกฯ ต่อไป"

 เมื่อถามว่า อำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษามีผลแค่ไหน นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ทางที่ปรึกษาจะมีการพูดคุย ซึ่งนายกฯ พร้อมรับฟัง แต่ต้องไปทำร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป คณะที่ปรึกษาสามารถเชิญหน่วยงานรัฐมาประชุมได้ ขอเอกสารมาดูได้ด้วย ส่วนภาคเอกชนเชื่อว่าเขาก็พร้อมมาเสนอแนะปัญหา จึงเชื่อว่าบ้านพิษณุโลกต่อไปนี้จะมีการประชุมเรื่องต่างๆ อีกมาก

ถามว่า คณะที่ปรึกษาทุกท่านเป็นวัยเก๋า แต่โลกเปลี่ยนไป จะทำให้คนรุ่นใหม่ไว้วางใจได้อย่างไร นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า นายพันศักดิ์อายุ 80 ปี นายธงทองอายุ 70 ที่เหลือ 60 กว่าปี แต่เท่าที่ได้พูดคุย ทุกท่านมีประสบการณ์มาก และยังเรียนรู้ไม่หยุดในทุกๆ ด้าน เชื่อว่าทั้ง 5 คนไม่มีตกสมัย แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะมีการตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่องด้วย เราเป็นสารตั้งต้นนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่

ส่วนจะวัดผลงานคณะที่ปรึกษาชุดนี้อย่างไร  นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ไม่มีการกำหนดเคพีไอ แต่ที่ปรึกษาทุกคนไฟแรงมาก พร้อมเริ่มงานเต็มที่  นายธงทองเตรียมขอตัวข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน ตนก็มีในใจแล้ว ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศมากกว่า หากเปรียบสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ภาพใหญ่คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งเรื่องนั้นใหญ่มาก

"ดังนั้น นายกฯ ก็บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 2 ปีกว่า สิ่งที่อยากเห็น คนไทยจะต้องพ้นความยากจน ประเทศสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง" นพ.สุรพงษ์ กล่าว

เวลา 11.00 น. ที่หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ  ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรและเข็มปฐมารัฏฐาภิรักษ์ แก่ผู้สำเร็จฝึกอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 ประจำปี 2567 ที่มีนักศึกษาเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 150 คน

โดย น.ส.แพทองธารเดินทางมาร่วมงานด้วย เพราะเป็นนักศึกษาในรุ่นดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดานักศึกษาได้สลับกันขึ้นเวทีเพื่อถ่ายภาพร่วมกับ น.ส.แพทองธาร และนักศึกษาบางคนได้ขอถ่ายรูปเซลฟี่กับนายกฯ เป็นที่ระลึก

ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของ สส.ในกลุ่มกับ พปชร. ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มว่า คงเป็นไปไม่ได้ แก้วมันไม่ร้าว มันแตกไปแล้ว เพราะฉะนั้นในเวลานี้ก็แยกกันชัดเจน นั่งในสภาก็แยกกันชัดเจน

ส่วนพรรคจะมีมาตรการอื่นตามมา ก็ไม่ได้กังวลและไม่ได้ใส่ใจ สิทธิของการเป็น สส. มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่ ข้อบังคับพรรคอย่าไปพูดมาก พูดมากเดี๋ยวคนเขาเบื่อ เอาไว้ใช้ในพรรค โทษสูงสุดคือขับออก กลุ่มตนผ่านอะไรมาเยอะแล้ว      

'สันติ-วราเทพ' จ่อกลับ พท.

เมื่อถามย้ำว่า ท้าให้ขับออกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ขับเมื่อไหร่ผมฉลองเลย ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าผมไม่ได้เกลียดใคร ไม่ได้โกรธใคร และมีความเป็นตัวของตัวเองโดยเฉพาะกลุ่มของผม หลายท่านก็ถูกข่มขู่ในหลายเรื่อง ผมว่าควรจะหยุดได้แล้ว ต่างคนต่างเดิน"

"ใครร้อง เชิญเลยครับ เขาห้ามหรือ คนเราอ่านกฎหมายอย่าอ่านมาตราเดียว แล้วอย่าเล่นการเมืองมากเกินไป อะไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน คุณอย่าไปขัดคุณอย่าไปขวาง  แล้วผมใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้เรื่องเล็กน้อย ผมไม่กลัว อย่ามาขู่เลย ใครสวนมาใครแรงมาผมสวนกลับเหมือนเดิม สไตล์ผม" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว เมื่อถามว่ายังมีคนจะไปร้องเรื่องที่เข้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เมื่อถามว่า การที่เข้าไปในกระทรวงเกษตรฯ  ไปทำอะไร และในฐานะอะไร ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "น้ำท่วมบ้านผม แล้วน้องชายผมเป็นรัฐมนตรีอยู่ ผมจะเข้าไปกินข้าวกับน้องผมไม่ได้เลยหรือ มันเกินไปแล้ว อย่าเยอะเกินไป ฝากบอกทุกคนรวมทั้งสื่อบางสำนัก"

เมื่อถามว่า ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค โดนข้อครหาไม่มาประชุมสภาอยู่ มีอะไรอยากจะฝากหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่มี ส่วนที่ พล.อ.ประวิตรโดนโจมตีตอนนี้ ถ้าตนยังอยู่ ท่านจะไม่โดนแบบนี้ เราดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ของการเป็น สส. ไม่ใช่เอาใจแล้วนำท่านไปในทิศทางที่ผิด เราก็ต้องฟังเหตุผลว่าท่านลาเพราะอะไร ไม่ได้ว่าใคร มันเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน

เมื่อถามว่า สส.ที่ยังอยู่จะข้ามมาฝั่งนี้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ฝั่งตน ตนไม่รับอยู่แล้ว ตนพอเท่านี้พอแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไปทำอะไรพรรคเขาอีก ยืนยันเหมือนเดิมว่าการเป็นนักการเมืองต้องดูว่ามันจะรอดหรือไม่ในอนาคต นักการเมืองทุกคนต้องการมีอนาคต

ร.อ.ธรรมนัสยังกล่าวทิ้งท้ายกับผู้สื่อข่าวว่า “เดี๋ยวจะไปอีก 8”   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ ร.อ.ธรรมนัสเปิดเผยว่ายังมี สส.-แกนนำในกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะตีจากอีกไม่น้อยกว่า 8 คน โดยมีรายงานว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และนายวราเทพ รัตนากร ผอ.พรรค น่าจะเป็น 2 ใน 8 คน ตามที่ ร.อ.ธรรมนัสออกมาเปิด โดยมีรายงานว่า ทั้งนายสันติและนายวราเทพอยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อเตรียมตัวย้ายพรรคการเมืองเร็วๆ นี้ และมีรายงานข่าวว่าจะย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.จับตาแจกเงินเฟส2-3

“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด