ตีปี๊บโอนเงินหมื่นฉลุย ขู่ฟันเจ้าหนี้นอกระบบ

"คลัง" ตีปี๊บโอนเงิน 10,000  บาท วันที่ 2 ฉลุย ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 4.5  ล้านราย ได้รับเงิน 100% ได้รับเงินตั้งแต่ตี 4 ฟุ้งตื่นมาเจอข่าวดีเลย! "ภูมิธรรม" ระบุจะเอาไปใช้หนี้นอกระบบหรือไม่ถือเป็นสิทธิบุคคล ลั่น! เฟสต่อไปมีแน่ แต่ขอรอบแรกจบก่อน "อนุทิน" จี้ตำรวจประกบเจ้าหนี้นอกระบบ ขณะที่ชาวขอนแก่นเป็นปลื้มขอให้ "อุ๊งอิ๊งค์" เป็นนายกฯ ไปนานๆ

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยภาพรวมการจ่ายเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวน 14.55 ล้านรายว่า ภาพรวมการจ่ายเงินในวันที่ 2 (26 ก.ย.) เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยรัฐบาลได้ดำเนินการโอนเงินสำเร็จให้กับกลุ่มเป้าหมาย 4.5 ล้านราย ครบ 100% เสร็จสิ้นตั้งแต่เวลา 04.00 น. เนื่องจากเป็นการโอนเงินให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนชัดเจน และมีการผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อย ดังนั้นเมื่อผู้ได้รับสิทธิตื่นมาก็จะเจอข่าวดีทันที!

สำหรับการตั้งข้อสังเกตว่าการแจกเป็นเงินสดนั้น เม็ดเงินจะไหลไปสู่เศรษฐกิจนอกระบบ เช่น หนี้นอกระบบ และการพนัน ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลนั้น นายเผ่าภูมิระบุว่า เป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ โดยเรื่องหนี้นอกระบบนั้น กระทรวงการคลังได้ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ในกระบวนการที่มีการดูแลอย่างเข้มงวด

 “อยากชี้แจงให้เห็นอีกมิติว่า ประชาชนกลุ่มที่ได้รับเงินนี้เป็นกลุ่มเปราะบางจริงๆ เป็นกลุ่มที่แทบจะไม่มีรายได้เพียงพอดำรงชีวิต ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าต้องเร่งให้ความช่วยเหลือกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วนจริงๆ เมื่อโอนเงินไปแล้ว เห็นประชาชนดีใจที่ได้เงิน รัฐบาลก็มีความยินดีที่ได้เห็นประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการจุนเจือจากภาครัฐที่ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายเผ่าภูมิกล่าว

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอว่าอย่าเพิ่งพูดถึงว่ากระแสอะไรดีหรือไม่ดี แต่จากการติดตามข่าวประชาชนก็ให้ความสนใจและดีใจ เห็นบางคนนั่งเฝ้ารอกดเงินตั้งแต่เที่ยงคืน ซึ่งการดำเนินการก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนประเด็นที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมารอเก็บเงินจากกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินหมื่นเลยนั้น หากมีอะไรกระทบเราก็จะมีการพิจารณาหาทางแก้ไข แต่สำหรับประชาชนเมื่อได้จ่ายไปแล้วก็จะถือเป็นการตัดหนี้ไปเลย ซึ่งเท่าที่ดูก็ถือว่าดี เพราะเป็นดุลยพินิจ และเป็นสิทธิของประชาชนที่เขาประสบปัญหา และแก้ปัญหาของเขา

ส่วนข้อกังวลที่ว่าเฟสต่อไปจะได้หรือไม่นั้น เดิมที่เราคิดจะจ่ายทั้งหมด แต่เมื่อมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้บอกไว้แล้วว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะไล่จ่าย โดยขณะนี้ขอจ่ายกลุ่มแรก 14.5 ล้านคนก่อน เพราะถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่น่าเห็นใจที่สุด และรัฐบาลก็ดำเนินการช่วยเหลือไปตามลำดับ พร้อมยืนยันว่าจะให้คนที่ลงทะเบียนไว้แล้วทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความสบายใจได้ใช่หรือไม่ว่าจะได้เมื่อไหร่ รองนายกฯ ย้ำว่า วันนี้ก็จ่ายให้เห็นแล้ว แม้ที่ผ่านมาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็พิสูจน์ให้เห็น และให้ความมั่นใจแล้ว และนายกฯ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็อธิบายแล้วว่าเราแบ่งเป็นเฟส

เมื่อถามว่า ภายในปี 2567 นี้เฟส 2 ได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราก็ทำไม่หยุด แต่จะได้เมื่อไหร่เดี๋ยวท่านก็เห็น พร้อมยืนยันว่าเราทำไม่หยุด เราทำทุกวัน

ซักว่าที่รองนายกฯ ระบุว่าจะแบ่งหมายถึงอะไร เขาตอบว่า เดี๋ยวดูรายละเอียด อาจจะแบ่งเป็นกลุ่มหรืออาจจะแบ่งเป็นงวด แต่เมื่อทุกคนอยากได้ก็พยายามทำให้ทั่วถึงก่อน นี่จึงเป็นวัตถุประสงค์ที่เราพยายามนำระบบนี้เข้ามา เพื่อให้ได้เรียนรู้ในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ สิ่งที่ทำก็ถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่มีอยู่ เราจึงไม่ต้องไปเน้นเงื่อนไขอื่นให้มาก

เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนจะนำการแจกเงินหมื่นไปร้องเรียนกับองค์กรอิสระว่าเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ทำตามกระบวนการทางกฎหมายได้เลย ไม่ต้องกังวลอะไร รัฐบาลก็ไม่กังวล จะมีการตรวจสอบหรืออะไรก็ว่ากันไปเลย ไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นของเราตอนนี้คือมีคนเดือดร้อน และรัฐบาลพยายามจะแก้ไขความเดือดร้อน ถ้าฟังตามเสียงวิจารณ์เงินก็ไม่ออกสักทีประชาชนก็จะยิ่งแย่

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหนี้ไปยืนประกบลูกหนี้ที่ได้รับเงินหมื่นจากรัฐบาลหน้าตู้เอทีเอ็มว่า คิดว่าตอนนี้ประชาชนฉลาด และเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบอยู่ เรามีมาตรการไม่ให้มีการข่มขู่ หลายคนได้ปรับมาเป็นหนี้ในระบบแล้ว ซึ่งเรื่องการข่มขู่ข่มเหงถ้ามีประเด็นตรงนี้เมื่อไหร่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยมีนโยบายนี้มาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และเป็นนโยบายที่ต้องถือปฏิบัติอยู่

เมื่อถามย้ำว่า เจ้าหนี้ไปตามประกบถึงตู้เอทีเอ็ม รมว.มหาดไทยแจงว่า ถ้าอย่างนั้นตำรวจต้องไปรวบตรงนั้นเลย เพราะในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ ตำรวจต้องดู จะไปประกบ ไปยืนคุกคามประชาชนทั่วไปได้อย่างไร เป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว และเรื่องนี้ทางนายอำเภอต้องมีการประสานกับตำรวจ สมมุติเจ้าหนี้ไปบังคับให้ลูกหนี้ออกจากบ้านมาแล้วตำรวจเห็นก็ต้องจับเลย ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องไปตามหา

ถามอีกว่า แต่ลูกหนี้ส่วนใหญ่มักจะกลัว รมว.มหาดไทยตอบว่า มันมีหลายแบบ ถ้าหนี้ที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อไปหยิบยืมเขามาก็ต้องใช้ ถูกหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าหนี้ไปแบบไม่ฟังอีร้าค่าอีรม สมมุติติดอยู่ 2 พันบาทแล้วจะไปเอาเขา 1 หมื่นบาทเลยไม่ได้ อย่างนี้เขาเรียกโจร มันทำไม่ได้ แต่ถ้าได้เงินหมื่นมาแล้วแบ่งไปใช้หนี้ อย่างนี้สามารถทำได้ มันมีหลายแบบ ฉะนั้นอย่าไปด่วนสรุปว่าทุกคนคือการคุกคามหมด แต่ถ้าเกิดเป็นการคุกคามขู่เข็ญ แบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกลัวอะไร เพราะถ้ากลัวมันกลัวได้ทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเป็นแบบนี้จะไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “เงินมันหมุนน่ะ ยังไงเงินก็หมุน หมุนจากมือนึงไปมือนึง มันก็คือการได้มีการใช้แล้ว ถ้าใช้ในสิ่งที่จุนเจือตัวเองได้และมีการซื้อขายมันก็เป็นการหมุนเวียนเรื่องเศรษฐกิจ คำว่ากระตุ้นกับหมุนเวียนมันคล้ายๆ กัน ขอให้ได้มีการหมุนเวียนของเงิน”

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาขอนแก่น หรือ ธ.ก.ส. ถ.รื่นรมย์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นวันที่สอง ของการโอนเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขท้ายบัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1-2-3-4 ตามที่รัฐบาลกำหนด เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพบว่าวันนี้มีประชาชนที่ได้รับสิทธิเดินทางออกจากบ้านมารอกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม และมายืนรอต่อคิวเพื่อทำธุรกรรมกันตั้งแต่ 07.00 น. ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก 

 นางแจ่มจันทร์ เดชแพง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 บ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ที่บ้าน 5 คน ได้ 50,000 บาท ได้ทุกคน แต่ว่ายังมีแม่กับพี่สาวที่รอคิวตามเลขท้ายบัตรประชาชนตามที่ระบุไว้ ตอนนี้ได้ไปแล้ว 3 คน กดออกมาไว้หมดแล้ว วางแผนการใช้จ่ายในครอบครัวซื้อของที่จำเป็น และนำเงินส่วนหนึ่งไปซ่อมแซมบ้าน และส่วนหนึ่งจะนำไปใช้หนี้ แต่ก็ยังไม่หมด แต่คิดว่าเงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาได้มาก แต่ก็ต้องนำเงินอีกส่วนไปซื้อข้าวเป็นกระสอบไว้กินด้วย เพราะที่บ้านไม่ได้ทำนาจึงต้องซื้อข้าวกิน

"ขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยเหลือให้พอได้มีเงินประทังชีวิต ซึ่งถือเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ครอบครัวได้รับ จึงอยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ได้ดำเนินโครงการดีๆ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและให้กลุ่มเปราะบางได้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวอย่างนี้ตลอดไป"

ขณะที่ นายบุญเรือง ลาลุด อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 บ้านโคก ต.สำราญ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้มาถอนเงินจากบัญชี ซึ่งตัดสินใจถอนมาหมด เพราะจะนำเงินที่ได้ไปซื้อปุ๋ยมาใส่ข้าว และบางส่วนจะนำไปจ่ายค่ารถปั่น ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะที่บ้านได้เงิน 2 คน 20,000 บาท

"ดีใจที่รัฐบาลให้เงินมาช่วยเหลือคนยากจนขอบคุณรัฐบาลมากๆ และอยากให้นายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์อยู่กับคนไทยไปนานๆ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เอ็ดดี้' ชำแหละ! แผนรัฐบาลคุม 'แบงก์ชาติ' บรรลุ 6 เป้าหลัก

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ในหัวข้อ "อะไรคือจุดประสงค์ของการแทรกแซงแบงก์ชาติจากฝ่ายการเมือง"