ปลื้มแจกหมื่นลุยเฟสสอง5พัน

“นายกฯ อิ๊งค์” คิกออฟโอนเงินหมื่นล็อตแรก กลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ย้ำคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยันเดินหน้าเฟสต่อไป พร้อมวิดีโอคอลสดจากทำเนียบฯ  ปลื้ม ปชช.ดีใจได้รับเงิน คลังตีปี๊บหนุนเศรษฐกิจโต ประเดิมวันแรก 3.16 ล้านราย โต้ดรามาแบงก์หักหนี้ก่อนถึงมือ ปชช. การันตีมีเฟส 2 แน่ จ่อทยอยจ่ายทีละ 5 พันบาท ชาวบ้านแห่กดเงินหน้าตู้ ATM จับจ่ายตลาดสดสะพัด

ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล  เมื่อวันที่ 25 กันยายน เวลา 09.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดตัว (Kick Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจเรื้อรังนานหลายปีแล้ว วันนี้ที่ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่  โดยเงินสดจะถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552 ล้านบาท เป็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง  และแน่นอนเงินก้อนนี้จะสามารถต่อลมหายใจให้กับพี่น้องประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะถึงมือพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางจำนวน 14.55 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40 ล้านคน และกลุ่มคนพิการจำนวน 2.15 ล้านคน ทุกคนจะได้รับเงินสด 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผ่านช่องทางการรับดอกเบี้ยเดิมของผู้พิการ ไม่ว่าจะเคยผ่านบัญชีธนาคารหรือเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้รับเงินในวิธีการเดิม ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่มีเงื่อนไขใดๆ  เมื่อถึงเมื่อประชาชนแล้วจะสามารถใช้จ่ายได้ทันที แน่นอนเราจะมีการทยอยโอนเงินเป็นเวลา 4 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ จะครบทั้ง 14.55 ล้านคน

โดยนโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ได้เพิ่มโอกาส สร้างความหวัง และนำคุณภาพชีวิตที่ดีมาให้พี่น้องประชาชน ทำให้มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี รัฐบาลมีความเชื่อมั่นในศักยภาพประชาชนว่าจะมีการใช้เงินนี้อย่างมีประโยชน์ และขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า นโยบายนี้เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอีกมากมายแน่นอน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ทุกคนรอคอยและถามถึง รัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อ เพื่อจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับคนไทย เพื่อจะได้เป็น Digital ID เป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลและประชาชน จะทำให้ธุรกรรมต่างๆ ที่ประชาชนทำเกิดความสะดวกรวดเร็วขึ้น เชื่อมกับรัฐได้ง่ายขึ้น โปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเรากำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ อีกหน่อยจะใช้เรื่องของการเยียวยาที่รัฐจะสามารถโอนตรงสู่ประชาชนได้ ทั้งหมดนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญเพื่อจัดสร้างสภาพแวดล้อมที่ได้เอื้อกับชีวิตพี่น้องให้มีความหวังมากขึ้น มีรอยยิ้มมากขึ้น

ปลื้ม ปชช.ดีใจได้เงินหมื่น

จากนั้นได้มีการเปิดวิดีโอของประชาชนบางส่วนที่ได้รับเงิน โดยประชาชนได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล และระบุว่าจะนำเงินไปใช้ในการอุปโภคบริโภคภายในครอบครัว บางส่วนนำไปใช้ในการประกอบอาชีพและใช้ทางการเกษตร

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้วิดีโอคอลสดพูดคุยกับประชาชนจากทางบ้านที่ได้รับเงิน 10,000 บาท รายแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯ ได้สอบถามว่าได้รับเงินหรือยัง และจะนำไปใช้อะไร รัฐบาลดีใจที่ได้มอบเงินให้ ขอให้มีความสุขมากๆ  ขณะที่ประชาชนขอบคุณนายกฯ และจะนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน

ส่วนอีกรายเป็นชายผู้พิการจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่ง น.ส.แพทองธารสอบถามว่าได้รับเงินตอนกี่โมง ซึ่งประชาชนตอบว่า เวลา 03.15 น. นายกฯ จึงกล่าวกับรัฐมนตรีที่ร่วมงานว่า "ตีสามสิบห้า เลขเด็ดหรือเปล่า" ก่อนจะถามต่อว่า "ดีใจไหม รัฐบาลก็ดีใจ แล้วจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง เล่าให้ฟังนิดนึง" โดยประชาชนตอบว่า จะเอาไปใช้ซื้อของจำเป็นของคนพิการ พวกแพมเพิร์ส ข้าวสารอาหารแห้ง นายกฯ จึงบอกว่า ดีนะ 10,000 บาทซื้อได้เยอะเลย ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง จากนั้นชายผู้พิการได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลและนายวราวุธ รมว.พม. ที่ได้ช่วยเหลือ

และอีกราย ชาวบ้านจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งสัญญาณการวิดีโอคอลไม่ค่อยได้ยินเสียง นายกฯ จึงยกนิ้วโป้งขึ้นพร้อมกล่าวว่า ถ้าดีใจให้ยกนิ้วโป้ง ชาวบ้านจึงยกนิ้วโป้งตอบกลับ ก่อนที่นายกฯ จะส่งมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมกล่าวว่า ขอให้โชคดี

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการโครงการโอนเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 จะเริ่มต่อทันทีเลยหรือไม่ว่า ตอนนี้กำลังวางเรื่องของระบบอยู่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียดทั้งหมด

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ประชาชนตั้งตารอตั้งแต่เที่ยงคืนเพื่อจะเช็กเงิน ถือเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจกับประชาชนด้วย และกับรัฐบาลอยากให้พายุหมุนลูกนี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

ทางด้านนายพิชัยเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะคนใช้จ่ายทันที ส่วนมีผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่าใดนั้น จะต้องรอประเมินอีกครั้ง เนื่องจากปัจจัยจากน้ำท่วม ขณะที่มาตรการการเงินการคลังรัฐบาลจะเหยียบคันเร่งตามที่งบประมาณเอื้ออำนวย ซึ่งจะต้องดูกรอบวินัยการเงินการคลังว่างบประมาณสามารถทำได้เท่าใด ตอนนี้รัฐบาลจะบริหารนโยบายการเงินการคลังเต็มที่ตามเม็ดเงินที่เรามีอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าจะมีมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 หรือไม่ รองนายกฯ และ รมว.การคลังกล่าวว่า  โครงการนี้เริ่มแจกใกล้กับไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 อยู่แล้ว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า การโอนเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย วันแรก มีเป้าหมาย 3.2 ล้านราย โอนสำเร็จแล้ว 3,167,565 ราย โดยเริ่มโอนตั้งแต่เวลา 00.00 น. แบ่งเป็นผู้พิการ 2.1 ล้านราย และผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการฯ เลขบัตรประชาชนลงท้ายเลข 0 ยอมรับว่ามีคนยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ จึงขอให้รีบดำเนินการให้เรียบร้อยผ่านทาง ATM และสาขาธนาคารที่รับโอนเงิน รวมทั้งผู้พิการกว่า 93,000 ราย ที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรผิดพลาด ยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลในการรับโอนเงิน ขอให้ประสานกับทาง พม. เพื่อแก้ไขสถานะของบัตรให้เรียบร้อย ทั้งนี้ มีเป้าหมายการโอนเงินในวันที่ 26-27 ก.ย. อีกวันละ 4.5 ล้านราย และวันที่ 30 ก.ย. จะดำเนินการส่วนที่เหลือ เชื่อว่าจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยจะดำเนินการจ่ายเงินได้ก่อนช่วงเช้าของแต่ละวันอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มองว่าการจ่ายเงินในส่วนนี้ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจคึกคักมากขึ้น การค้าขายต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น และเงินที่ลงไปจะเข้าไปช่วยหมุนในระบบเศรษฐกิจต่ออีกหลายรอบ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและผู้ผลิต จะทำให้เกิดการผลิต การจ้างงานตามมาอีกเป็นระลอก ซึ่งทั้งหมดเป็นผลบวกที่เกิดขึ้นจากมาตรการซึ่งดำเนินการแจกเป็นเงินสด ที่มีข้อดีคือความเร็ว  สามารถเร่งเอาเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้  และจะมีส่วนช่วยการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้อีกราว 0.35% เป็นอย่างน้อย ซึ่งไม่ได้จบเท่านี้ เป็นเพียงตัวที่จะโชว์ในปีนี้ แต่จะมีแรงส่งสะท้อนไปถึงเศรษฐกิจในระยะถัดไป ยิ่งหากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการเงินส่วนที่เหลือได้เร็ว มีการเติมเงินเข้าไปอีกระลอก จะเกิดแรงหนุนเสริมซึ่งกันและกัน

เฟส 2 ส่อแบ่งจ่าย 5 พัน

รมช.การคลังกล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย ว่ามีธนาคารบางแห่ง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีการหักหนี้บางส่วนจากลูกค้าที่ได้รับโอนเงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ว่า ยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น และไม่มีนโยบายให้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวด้วย เพราะว่ารัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่ต้องการให้เม็ดเงินดังกล่าวลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่ายอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ผู้จัดการ ธ.ก.ส.เองได้สื่อสารกับทีมงานอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ให้ดำเนินการในลักษณะนี้ และในทางปฏิบัติทำไม่ได้อยู่แล้ว

ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการนำเงิน 10,000 บาทไปใช้นอกระบบเศรษฐกิจ หรือใช้หนี้นอกระบบนั้น ยอมรับว่าอาจจะเป็นไปได้บ้าง แต่แนวโน้มค่อนข้างต่ำ เพราะกลุ่มเปราะบางเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนแอจริงๆ ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ว่าประชาชนกลุ่มนี้จะนำเงินไปใช้ในการอุปโภคบริโภค และใช้ในการลงทุน ซึ่งก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองมากขึ้น

นายจุลพันธ์กล่าวถึงการดำเนินโครงการในเฟสที่ 2 ว่า ยืนยันว่าประชาชนจะได้รับเงินอย่างแน่นอน แต่เป็นในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต โดยเบื้องต้นคาดว่าจากประชาชนที่มาลงทะเบียน 36 ล้านคน เมื่อตรวจสอบรายชื่อซ้ำซ้อน และคุณสมบัติตามโครงการแล้ว จะเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิ์ราว 26 ล้านคน ส่วนการดำเนินการจ่ายเงินยังขอดูความเหมาะสมว่าจะดำเนินการจ่ายก้อนเดียว 1 หมื่นบาท หรือจ่ายครั้งละ 5 พันบาท เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายมิติ รัฐบาลไม่ได้ดูเพียงการเติมเงินผ่านระบบ แต่ยังมีเรื่องการกระตุ้นและลงทุนด้านเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ด้วย

 “ต้องมาพิจารณาตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์อีกที หากตัวเลขต่างกันไม่มาก รัฐบาลก็มีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณได้ในครั้งเดียว แต่ถ้าตัวเลขเยอะและเราต้องมานั่งแบก มาเร่งเครื่องทางการคลังมากเกินไปก็คงไม่ทำ เพราะว่าเราก็ต้องใช้งบประมาณในการทำภารกิจอื่นด้วย ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับการแจกเงินเป็นเฟสๆ” รมช.การคลังระบุ

อย่างไรก็ดี หากประเมินทั้งโครงการที่คาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 4.5 แสนล้านบาท แม้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวแตะระดับศักยภาพที่ 2% ได้ไม่ยาก แต่ยังต่ำกว่าระดับศักยภาพที่รัฐบาลมองไว้ที่ 5% นั่นหมายถึงในระยะต่อไป สิ่งที่รัฐบาลจะเดินหน้านอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ ต้องขยายเพดานระดับศักยภาพเศรษฐกิจของไทยด้วย ผ่านกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอัปสกิล-รีสกิลแรงงาน การปรับโครงสร้างทางอุตสาหกรรม เป็นต้น

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า เริ่มโอนยอดแรกตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 25 ก.ย. เข้าบัญชีกลุ่มผู้เปราะบางแล้วกว่า 1.6 ล้านบัญชี จากจำนวนรายชื่อที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิทั้งหมดกว่า 5.4 ล้านรายที่ผู้บัญชีเข้ากับ ธ.ก.ส. ซึ่งยังไม่มีปัญหาทั้งเรื่องระบบการโอนเงิน รวมถึงการเตรียมสำรองเงินสดไว้จ่ายให้ที่สาขายังคงเป็นไปตามปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทั่วประเทศที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินหมื่่น ต่างแห่ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มตั้งแต่เช้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน อาทิ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบุรีรัมย์

น.ส.น้อย แย้มประโคน หรือป้าน้อย อายุ 64 ปี นำบัตร ATM มาให้เจ้าหน้าที่ช่วยกดถอนเงินให้ ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำธนาคารช่วยกดถอนเงินให้ เมื่อป้าน้อยได้รับเงินสด 10,000 บาท ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ด้วยความดีใจที่หน้าตู้ ATM ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มาตรวจเช็กและถอนเงิน ทั้งนี้ เจ้าตัวระบุว่ามีภาระดูแลพี่สาวและน้องชายที่พิการทางสมอง 3 คน และหลานอีก 3 คน พอได้เงินหมื่นเหมือนช่วยต่อลมหายใจให้กับครอบครัว

ที่ตลาดสดเทศบาล 2 อ.เมืองฯ จ.อ่างทอง นางพเยาว์ เมฆี วัย 65 ปี หนึ่งในชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง หลังกดเงินหมื่นแล้ว ได้แวะเขียงหมู ซื้อขาหมู หมูสับ และหมู 3 ชั้น รวมเป็นเงิน 650 บาท ก่อนซื้อข้าวสารและน้ำมัน ด้านแม่ค้า บอกว่าได้รับเงินหมื่นแล้ว ส่วนลูกค้าที่ได้เงินนำมาใช้จ่ายกันอย่างคึกคัก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง