คิกออฟแจกหมื่นเลื่อนถกบอร์ดศก.

นายกฯ อิ๊งค์นัด 9 โมงคิกออฟจ่ายเงินหมื่นบาทให้ผู้ถือบัตรคนจน-คนพิการ ด้าน “คลัง” กางไทม์ไลน์ยิบ เดินเครื่องจ่ายตั้งแต่ 25-30 ก.ย. เปิดรายละเอียดจุดตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงิน กระทุ้งเร่งผูกพร้อมเพย์-ทำบัตรคนพิการ ขีดเส้นหากเกินเวลาที่กำหนดจะยุติการจ่ายเงินและถือว่าไม่ประสงค์จะรับเงิน  “จุลพันธ์” แนะกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน เช็กสิทธิแอป “รัฐจ่าย” เชื่อราบรื่น ส่วนเฟสสองไม่ทันปีนี้ติดปัญหาเรื่องระบบ

เมื่่อวันอังคาร ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 25 ก.ย. จะสามารถคิกออฟโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ตามกำหนดได้เลยหรือไม่  นายกฯ พยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า ได้ค่ะ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงเหตุผลของการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันเดียวกันนี้ว่า เนื่องจากมีหลายคนติดภารกิจ จึงเลื่อนออกไปก่อน แต่ในวันที่ 25 ก.ย. จะมีการจ่ายเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้พิการอย่างแน่นอน ส่วนการเข้าไปเช็กสิทธิของประชาชนตามแอปพลิเคชันต่างๆ เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีปัญหา

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ตรวจสอบสิทธิการรับเงิน 10,000 บาทว่า เช้านี้ยังไม่พบปัญหาอะไร  แต่ตนเห็นว่ามีข่าวเรื่องแอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย" ที่ใช้ตรวจสอบสิทธิ ซึ่งกรมบัญชีกลางออกมานานแล้ว ที่เป็นแอปพลิเคชันกลางให้ผู้รับสวัสดิการประเภทต่างๆ เข้าไปเช็กสิทธิตัวเองได้ โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐส่วนมากจะมีแอปพลิเคชันนี้อยู่แล้ว ก็ขอให้เข้าไปเช็กสิทธิว่าท่านอยู่ในกลุ่มใด จะได้เงินในวันที่ 25-30 ก.ย.หรือไม่ และจากที่ตนได้สอบถาม ก็ยังไม่พบปัญหา ซึ่งมี 2-3 ช่องทาง รวมถึงเว็บไซต์ก็ได้สื่อสารกับสื่อมวลชนไปแล้ว ก็ขอให้ฝากช่วยประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่ามีหลายช่องทางที่สามารถเช็กสิทธิได้

นายจุลพันธ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าหาก 14.5 ล้านคนเข้าไปเช็กสิทธิแล้วพบว่าหน้าเว็บไซต์มีความล่าช้า แต่ตัวแอปพลิเคชันไม่ได้ล่ม

เมื่อถามว่า ในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 08.00 น.  จะคิกออฟจ่ายเงินให้กลุ่มผู้เปราะบางได้เลยใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังยืนยันอย่างนั้นอยู่ ตามกำหนดการเดิมที่จะโอนเงินในวันที่ 25 ก.ย. จริงๆ ก็จะเริ่มทยอยโอนเงินตั้งเวลาเที่ยงคืน  แต่เราจะมีการดำเนินการโดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ซึ่งจะราบรื่น เดินหน้าแน่นอน จบแล้ว เฟสถัดไป เราก็เห็นสภาพแล้ว ก็ต้องเร่งรัดดำเนินการให้ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

เมื่อถามว่า เฟส 2 จะทันภายในปีนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ปีนี้น่าจะยาก เพราะติดปัญหาเรื่องระบบ ถามต่อว่าในไตรมาสแรกของปีหน้าจะทันหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวติดตลกว่า  อย่าเอาคำเช่นนั้นเลย ครั้งที่แล้วโดนทวงจนเหนื่อย แต่จะรีบที่สุด เพราะเราทราบว่าความต้องการของประชาชนคือการเร่งรัดในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ อีกหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า มี โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายโครงการ ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงแค่โครงการหนึ่งเท่านั้น เพราะประชาชนต้องการเงินให้ถึงมือเพื่อแบ่งเบาค่าครองชีพ รวมถึงการรีสกิลและอัปสกิล ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 นั้น จะยังเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 อยู่เหมือนเดิม ส่วนบริษัทที่จะมาพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับจ่ายเงินนั้น เขาก็เดินหน้าของเขาอยู่ ตนไม่ได้กำกับดูแลก็ไปข้องแวะไม่ได้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการว่า  กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง จะเริ่มทยอยจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายตามโครงการ วันที่ 25-30 ก.ย.2567 โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการสามารถตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หากผู้มีสิทธิตามโครงการยังไม่ได้รับเงินในช่วงเวลาดังกล่าว ขอให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนและตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารให้มีสถานะปกติ (Active) เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการ ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) และสำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา

โดยรอบจ่ายซ้ำครั้งที่ 1 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ต.ค.2567 โดยผู้พิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายใน 10 ต.ค.2567 และจะต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ภายใน 18 ต.ค.2567, รอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 2 จ่ายเงินภายใน 22 พ.ย.2567 โดยผู้พิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายใน 12 พ.ย.2567 และจะต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนภายใน 18 พ.ย.2567 และรอบจ่ายซ้ำครั้งที่ 3 จ่ายเงินภายใน 22 ธ.ค.2567 โดยผู้พิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ภายใน 3 ธ.ค.2567 และจะต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ภายใน 16 ธ.ค.2567

ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ

 “ในวันที่ 25 ก.ย.2567 เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและ ครม.จะมีงานเปิดตัว (Kick Off) โครงการ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง ผู้ที่สนใจสามารถรอติดตามรับชมรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ ผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และ Live ทาง NBT2HD ได้” นายพรชัยกล่าว

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงโครงการการจ่ายเงินหมื่นให้กับผู้พิการและกลุ่มเปราะบางในวันที่ 25 ก.ย.นี้ว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้เปิดโอกาสให้รีบลงทะเบียนภายในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เพื่อรักษาสิทธิ ล่าสุดผู้ที่มีสิทธิตอนนี้ที่ทาง พม.ได้ส่งให้กับกระทรวงการคลังมีประมาณ 2,100,000 คน แต่ได้รับรายงานว่ามีคนพิการเสียชีวิตประมาณ 30,000 ราย ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ ขณะเดียวกันก็มีตัวเลขของคนพิการเพิ่มขึ้นในทุกๆ เดือน เดือนละประมาณ 2,000 ราย หากหักลบกันแล้ว แน่ใจว่างบประมาณที่รัฐบาลเตรียมไว้เพียงพอที่จะดูแลพี่น้องคนพิการ

ทั้งนี้ จากการตัดยอดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา คนที่มีชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว ได้รับเบี้ยคนพิการอยู่แล้ว มีบัญชีธนาคารเรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันที่ 25 ก.ย. ส่วนจำนวนผู้พิการที่ยังตกหล่นขณะนี้ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะในแต่ละท้องถิ่น บางครั้งมีการจ่ายเงินให้คนพิการโดยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน เป็นการตัดสินใจของท้องถิ่น และเมื่อไม่ได้ขึ้นทะเบียน เราก็ไม่สามารถส่งรายชื่อให้กระทรวงการคลังได้ แต่คาดว่าไม่น่าจะเยอะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดกำหนดการ นายกฯ ลงพื้นที่ เชียงราย-เชียงใหม่ ติดตามฟื้นฟูสถานการณ์อุทกภัย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์หลังเกิดเหตุอุทกภัย จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่