กมธ.โยนรบ.เคาะนิรโทษกรรม

"นายกฯ อิ๊งค์" นั่งหัวโต๊ะ ถกหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงนัดแรก บอกทุกคนเป็นเสาหลักบริหารประเทศ ยินดีคุยนอกรอบทุกเวลา อย่าคิดว่านายกฯ พบยาก "ชูศักดิ์" ย้ำ 26 ก.ย.นี้เป็นเพียงการเสนอรายงานผลการศึกษา "กมธ.นิรโทษกรรม" ยังไม่ใช่ร่างกฎหมาย ชี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะนำไปยกร่างหรือส่งให้พรรคการเมืองดำเนินการ "สมชาย" จ่อยื่นศาล รธน.สู้คดีซื้อเสียง หลังศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โวย กกต.ร้องมิชอบ

ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.30 น. วันที่ 23 กันยายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2567 โดยก่อนการประชุมนายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการ ณ บริเวณโถงตึกไทยคู่ฟ้า โดยสวมเสื้อคลุมผ้าไทยโทนสีเหลืองดีไซน์สวย ซึ่งนายกฯ เปิดเผยว่าเป็นเสื้อที่ซื้อสำเร็จรูปมา

โดยก่อนเริ่มต้นการประชุม ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการแนะนำตัวกับนายกฯ เพื่อเป็นการทำความรู้จัก เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ต่อจากนั้นนายกฯ กล่าวว่า สวัสดีข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการที่จะเกษียณอายุในปีนี้ และสวัสดีทุกท่านอีกครั้ง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาเจอทุกท่าน  แน่นอนว่าน่าเสียดายท่านที่จะเกษียณ มีเวลาทำงานสั้นไปนิด แต่ไม่เป็นไรที่ผ่านมาคิดว่าหลายท่านได้พบกันอยู่แล้วในการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาน้ำท่วมที่ผ่านมา ได้คุยกับหลายท่าน ต้องขอบคุณทุกท่านมากที่ผ่านมาทุ่มเทความรู้ประสบการณ์ แรงกายแรงใจในการทำงานที่ผ่านมา และทุกภาคส่วนตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่เต็มที่กันมาก ไม่ว่าทางรัฐบาลจะขอความช่วยเหลืออะไรอย่างไร ส่วนใหญ่จะได้รับการตอบรับที่รวดเร็วมาเสมอ

นายกฯ กล่าวอีกว่า และขออนุญาตส่งต่อความหวังดีและความห่วงใยถึงทุกท่านที่ทำงานหนักในทุกโอกาสด้วย หากมีอะไรขอให้ปรึกษากันได้ หรือจะนัดคุยนอกรอบก็ยินดีมาก เพราะในส่วนของปลัดต่างๆ สำคัญมากในการทำงานแต่ละหน่วย จริงๆ ตนเองใกล้ชิดกับหน่วยที่ทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงไหนๆ ได้แยกมาคุย มาขอพบก็ยินดีมากๆ อย่าคิดว่าการพบนายกฯ เป็นเรื่องยาก ไม่ยากเลย ขอให้ติดต่อมาพบ มีอะไรหรือไม่ที่เราจะพูดและทำกันได้ต่อไป หรือจะให้ช่วยแก้ไขปัญหาอย่างไร คิดว่าทุกคนมีความตั้งใจอย่างเดียวกัน คือการพัฒนาประเทศและทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข มีประเทศที่เราเตรียมพร้อมไว้อย่างดี ตรงนี้เป็นหน้าที่หลักเสาหลักทั้งนั้น ฉะนั้นขอให้ติดต่อมาและร่วมมือในการจัดการปัญหาต่างๆ ด้วยกัน คิดว่าการทำงานเป็นทีมอาศัยความช่วยเหลือของทุกฝ่าย จะทำให้ทุกอย่างสำเร็จง่ายดายขึ้นและรอบคอบขึ้น ตรงนี้จำเป็นมากๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าที่เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 9 ราย ได้แก่ 1.นายธีระพงษ์  วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2.นายเฉลิมพล  เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 3.นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 4.นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 5.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย 6.นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน 7.นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา 8. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ 9.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งไม่ได้เดินทางมาด้วย

ทั้งนี้ นายกฯ นำชุดผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ THAN พร้อมภาพถ่ายคู่นายกฯ ที่ใส่กรอบพร้อมลายเซ็น และภาพหมู่ที่ถ่ายร่วมกันใส่กรอบ มอบเป็นของที่ระลึกแด่หัวหน้าส่วนราชการที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ด้วย

ต่อมาเวลา 13.00 น. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำคณะข้าราชการ ลูกจ้างประจำ  และพนักงานราชการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  (สลน.) ที่เกษียณอายุราชการ เข้าอำลาและรับโอวาทจาก  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า

ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรม  สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมเสนอรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ต่อที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ว่า กระบวนการในการเตรียมยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมสภาฯ เนื่องจากในวันที่ 26 ก.ย.นี้เป็นเพียงการเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ตนเองเป็นประธาน ซึ่งต้องย้ำว่ายังไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งนี้มติของที่ประชุมอาจจะให้รัฐบาล หรือพรรคการเมืองต่างๆ รับรายงานไปพิจารณาว่าสมควรจะยกร่าง พ.ร.บ. อย่างไร แต่กรรมาธิการวิสามัญฯ ไม่มีอำนาจไปบังคับ

สำหรับประเด็นที่ยังมีความละเอียดอ่อน คือการนิรโทษกรรมคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยนายชูศักดิ์กล่าวว่า ในรายงานไม่ได้บอกว่าจะให้รวมคดีมาตรา 112 ไว้หรือไม่ เพียงแต่นำทุกข้อเสนอทั้งหมดให้สภาฯ และรัฐสภาพิจารณา ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาชิกทั้งหลายเหล่านั้นว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอย่างไรเสียในขั้นตอนการยกร่างกฎหมายว่าจะรวมหรือไม่ เราก็ไม่มีอำนาจตรงนั้น

ส่วนจะมีสิ่งใดมาการันตีหรือไม่ว่ารัฐบาลจะหยิบยกกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาจัดทำ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรไปบังคับรัฐบาลได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน รัฐบาลจะเสนอกฎหมายด้วยแนวทางไหนอย่างไร หรืออาจจะยังไม่เสนอ แต่ให้พรรคการเมืองดำเนินการก็สามารถทำได้

"แม้รัฐบาลจะยังไม่ตอบสนองต่อการเสนอรายงาน รายงานฉบับนี้ก็ยังไม่ถือว่าสูญเปล่า เพราะรัฐบาลก็อาจมีมติส่งให้พรรคการเมืองไปพิจารณาเพื่อเสนอเป็นร่างกฎหมายเข้ามาก็ได้ ขณะที่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ยังไม่ได้มีการหารือว่าจะเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคหรือไม่ เพียงแต่ตั้งเรื่องศึกษาให้มีองค์ความรู้ ว่า ควรดำเนินการด้านกฎหมายอย่างไรในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น" นายชูศักดิ์กล่าว

วันเดียวกัน ศาลฎีกาออกประกาศแจ้งคำสั่งศาลฎีกา คดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต สส 4/2567 หมายเลขแดงที่ 338/2567 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง นายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี  นับแต่วันที่มีคำพิพากษา

ทั้งนี้ นายสมชาย ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ (กลุ่ม 19)

ด้านนายสมชายให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับทราบคำสั่งศาลฎีกาแล้ว เนื่องจากฝ่ายทนายได้แจ้งมาแล้ว โดยต่อไปจะต้องชี้แจงและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.หรือไม่ โดยภายหลังจากคัดคำสั่งศาลแล้ว ทนายจะดำเนินการต่อให้

สำหรับแนวทางที่จะใช้ต่อสู้นั้น นายสมชายระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กกต.ร้องตนโดยไม่ชอบ วันที่กล่าวหาตน พยานหลักฐานของ กกต.ก็ไม่ได้นำแสดงว่าเป็นของกลาง ส่วนขั้นตอนการรับทราบข้อกล่าวหา ตนได้เดินทางไปที่ศาล และจากคำให้การพยานของ กกต. ก็เป็นที่ทราบกันอยู่ว่ามีลักษณะเหมือนกันจัดฉากหรือเป็นคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งเราต้องต่อสู้คดีในส่วนนี้

นายสมชายยืนยันว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นด่านสุดท้ายในการสู้คดีนี้ และมีความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจาก กกต.ฟ้องร้องตนโดยไม่ชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลในบัญชีรายชื่อสำรองที่อาจจะได้ขึ้นมาเป็น สว.แทนนายสมชาย คือ นายธณัชญ์พงศ์  วงศ์มุลาลี ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 19 หรือกลุ่มอาชีพอิสระ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง