เตือน70จังหวัดรับ‘พายุซูลิก’

"นายกฯ" ล้อมวงรับฟังเสียง "จิตอาสา-เอกชน-กองทัพ" สะท้อนบทเรียนน้ำท่วมเชียงราย "คนแม่สาย" ขอปรับระบบแจ้งเตือนภัย  หลังก่อนหน้าเตือนถี่จน ปชช.สับสน "กู้ภัย" แนะสร้างแอปกลางประสานงานกู้ภัยช่วยผู้ประสบภัยทันสถานการณ์ พร้อมยกเว้นภาษีองค์กรการกุศล "อิ๊งค์" ขอบคุุณทุกฝ่ายช่วยกัน รับข้อเสนอไปพิจารณา ย้ำคนไทยมีน้ำใจจนผ่านวิกฤตไปได้  "กรมอุตุฯ" แจ้งพายุซูลิกอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ทุกภาคทั่ว ปท.ได้รับผลกระทบฝนตกหนักช่วง 21-23 ก.ย. "ปภ." เตือน 70 จว.รับมือ "ผู้เชี่ยวชาญน้ำ" ห่วงพื้นที่เสี่ยงพายุอาจรุนแรงระดับ 70%

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เวลา 08.54 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยวันนี้ น.ส.แพทองธารได้สวมกางเกงผ้าจากจังหวัดพะเยาด้วย   ซึ่งเมื่อเดินลงจากรถได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา มูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิเพชรเกษม ที่มาในงาน “ประสานพลัง  ประสานใจ” ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบฯ ในเวลา 11.00 น. นายกฯ ได้สอบถามถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และให้กำลังใจในการทำหน้าที่ พร้อมทั้งขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ รวมถึงสอบถามเรื่องการช่วยเหลือประชาชน

น.ส.แพทองธารระบุว่า หลังจากวันนี้จะลงไปช่วยเหลือในพื้นที่ไหน และในพื้นที่ยังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีกบ้าง เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ขาดในเรื่องของสุขา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชนยังขาดในเรื่องของสาธารณูปโภค รวมถึงผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ตามบ้านต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากมาอยู่ศูนย์พักพิงเครื่องมืออาจไม่เพียงพอ และหลักๆ การลงพื้นที่จะลงที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดหนองคาย และจังหวัดพะเยา และทางภาคใต้ก็เริ่มมีปัญหาบ้างแล้ว อย่างจังหวัดตรังและจังหวัดสตูล

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูระบุว่า วันนี้ถือเป็นบทเรียนใหม่ๆ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อให้การสูญเสียน้อยลง และเราก็จะทำงานน้อยลง ซึ่งนายกฯ ตอบกลับว่า เห็นด้วย ต้องปรับปรุงในเรื่องของเทคโนโลยีในการแจ้งเตือนประชาชนต้องได้รับข้อมูลจริงๆ และขณะนี้เรื่องของการช่วยเหลือจากภาคเอกชนก็ได้รับทราบว่าทุกคนได้ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ รวมถึงมีโรงครัวพระราชทาน โดยตนอยากให้ความทุกข์มันสั้นที่สุด และให้หายเร็วที่สุด ขอให้กำลังใจและส่งกำลังใจไปด้วย

ต่อมา น.ส.แพทองธารเข้าไปยังภายในตึกสันติไมตรีหลังนอก พูดกับ พล.ต.ชยพณัฐ วิริรัตน์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร พร้อมคณะทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นประธานงานประสานพลัง ประสานใจ

เวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธารเป็นประธานในงาน “ประสานพลัง ประสานใจ” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ตัวแทนจิตอาสา, ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายถึงความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย วันนี้ขอให้ทุกคนมีข้อมูลอะไรที่อยากจะบอกทางรัฐบาลให้ซัปพอร์ตอย่างไร ทุกคนพร้อมและยินดีที่จะช่วยเหลือกัน

ชงนายกฯ ปรับระบบเตือนภัย

จากนั้นนายกฯ ได้พูดคุยนั่งล้อมวงหารือร่วมกับคณะจิตอาสา 12 องค์กร และภาคเอกชน โดยทีมตอบโต้ภัยพิบัติ RDAT มูลนิธิสยามนนทบุรี ได้สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาคือเราไม่มีการรายงานตัวแบบออนไลน์เป็นกู้ภัยแห่งชาติ  โดยมีหน่วยงานต่างๆ อยู่ในแอปพลิเคชันดังกล่าว จึงขอให้รัฐบาลเป็นแกนกลางสั่งการ จะทำงานได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาไปรายงานตัวกับอำเภอ จังหวัด แล้วนั่งรองาน เพราะการรายงานใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะได้เข้าพื้นที่ทำงาน ดังนั้นควรจะมีแอปพลิเคชันกลางในการจ่ายงาน และการขอความช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งวันนี้เทคโนโลยีสามารถทำทุกอย่างได้แล้ว ควรจะพัฒนาในเรื่องนี้ และหากมีแล้วก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ

ส่วนประธานมูลนิธิเพชรเกษม ขอความอนุเคราะห์รัฐบาลให้ยกเว้นภาษีองค์กรการกุศล เนื่องจากเป็นองค์กรที่ทำเพื่อประเทศชาติ โดยให้รัฐบาลพิจารณาว่าองค์กรไหนเข้าเกณฑ์ และขอให้ช่วยประสานงานแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในการที่ทีมอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือประชาชน  จึงขอให้บูรณาการอาจจะทำเป็นเลนให้เจ้าหน้าที่ 1 เลน และขอให้ดูแลอาสาสมัครที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่และเกิดอุบัติเหตุ

ด้านกู้ภัยคนแม่สายกล่าวว่า การแจ้งเตือนของทางผู้ใหญ่บ้านไม่ทั่วถึง บางครั้งแจ้งเตือนบ่อยจนชาวบ้านไม่แน่ใจว่าน้ำจะขึ้นจริงหรือไม่ จนไม่มีความน่าเชื่อถือ พอน้ำมาจริงๆ เราตั้งตัวไม่ทัน ขณะเดียวกัน ทีมงานกู้ภัยในอำเภอแม่สายเครื่องมือไม่ครบ ในวันที่น้ำมาเราเข้าหน้างานอย่างเต็มกำลัง แต่ช่วยเหลือได้แค่ 40% ไม่มีเจ็ตสกี ไม่มีอุปกรณ์ที่จะอพยพคนออกมาทันที ต้องรออีก 1 วัน

น.ส.แพทองธารได้สรุปในช่วงท้ายว่า รับที่จะไปพิจารณาในเรื่องที่มาการเสนอ และขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามา เชื่อว่าทุกคนทุกหน่วยได้ทำแต่ละส่วนต่างกันไป แต่ทุกส่วนคือสิ่งสำคัญสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจคืออยากให้ความทุกข์ของพี่น้องประชาชนสั้นที่สุด อย่างตอนเยียวยา ดินโคลนถล่ม เราอยากให้ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิมให้เร็วที่สุด วันนี้เรามาร่วมกันด้วยความที่เรามีจิตใจตรงกัน นั่นคือจิตใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนคนไทยด้วยกัน น้ำใจของคนไทยยังอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินไทย

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระราชกระแสความห่วงใยมาตั้งแต่วันแรกๆ ถือว่าอย่างน้อยๆ ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ซึ่งคนไทยยังรักกันและยังโชคดี" น.ส.แพทองธารกล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้ออกมายังบริเวณเสาธงหน้าตึกสันติไมตรี เพื่อรับมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหารแห้ง จากภาคเอกชน อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี), มูลนิธิเอสซีจี, SC ASSET, กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์, บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ก่อนเดินเยี่ยมชมรถลำเลียงอุปกรณ์ของเหล่าทัพ พร้อมให้กำลังใจกำลังพลของเหล่าทัพที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน

นายกฯ กล่าวขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอีกครั้งว่า ขอบคุณทุกความร่วมมือ ทั้งจากภาครัฐและจิตอาสา ที่ทำให้เห็นว่าประเทศเราแม้มีภัยพิบัติ แต่ยังโชคดีที่คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รัฐบาลจะทำหน้าที่ประสานพลังให้ประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ที่เรามาร่วมกันเป็นภารกิจที่ทุกคนร่วมใจ และอยากเยียวยาให้พี่น้องที่ประสบภัยตอนนี้มีความทุกข์ให้น้อยที่สุด

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการแทนรอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.พะเยา

พล.ต.ท.ประจวบกล่าวว่า พื้นที่พะเยาแม้ตำรวจจะประสบภัยเอง แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันเหตุอันเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อำนวยความสะดวกและจัดระบบการจราจรในพื้นที่ที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เตือนช่วง 3 วันฝนหนักทั่วปท.

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 14 เตือนเรื่องพายุ “ซูลิก” ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น.  ของวันนี้ (20 ก.ย.67) พายุดีเปรสชันซูลิก ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว และปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 21-23 ก.ย.67 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “ซูลิก” เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่าง ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในวันที่ 21 ก.ย.2567 ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น  มหาสารคาม และนครราชสีมา, ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 22-23 ก.ย.2567 ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี         ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี  สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้ จังหวัดระนอง และพังงา

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

พื้นที่เสี่ยงระดับรุนแรง 70%

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานแจ้ง 70 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนัก  และขอให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความเตือนพื้นที่เสี่ยงที่จะโดนฝนตกหนักว่า ทีมงานกู้วิกฤตน้ำ ภาคประชาชน มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ Update สถานการณ์ล่าสุดเมื่อเช้านี้ (20 ก.ย.) โดยมีพื้นที่เสี่ยงภัยตามจังหวัดต่างๆ ตามวันต่างๆ ระดับความรุนแรง 70% อาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน (อนึ่งพื้นที่ในเฉดสีฟ้า มีความเปราะบางต่างกัน) ขอให้ท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนพึงตระหนัก และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์

ทีมงานได้ร่วมกับ ESRI จัดทำ Flood simulation รายละเอียดสูงชุมชนเมือง (หนองคาย ขอนแก่น เชียงใหม่ และลำปาง) ขอให้พี่น้องประชาชนในเฉดสีฟ้า หรือสีม่วง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เราไม่ควรมีความสูญเสียไปมากกว่านี้ ชุมชนใดมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือจากทีมกู้วิกฤตน้ำภาคประชาชน มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จิตอาสาแก้ปัญาน้ำท่วม น้ำแล้ง

จ.เชียงใหม่ นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้สั่งเตรียมเฝ้าระวังมวลน้ำจากพายุซูลิกตลอด 24 ชม. โดยให้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่บริหารน้ำเก็บกักไม่ให้เกิน 80% เพื่อสำรองรับมวลน้ำที่จะมากับฝน ซึ่งมีการทยอยระบายโดยที่ต้องไม่กระทบกับประชาชนท้ายน้ำ

จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำโขงส่งสัญญาณในเชิงบวกได้ลดระดับลงต่อเนื่อง ล่าสุดมีระดับอยู่ 11.60 เมตร ห่างจากจุดเตือนภัยเฝ้าระวังที่ 40 เซนติเมตร คือที่ 12 เมตร โดยทางเทศบาลเมืองนครพนมได้ตั้งธงแจ้งเตือนเป็นธงสีเหลืองคือเฝ้าระวัง ไม่ถึงระดับธงแดงขั้นวิกฤต พร้อมยืนยันน้ำโขงไม่มีโอกาสล้นทะลักเข้าท่วมตัวเมือง เนื่องจากยังสามารถรับรองน้ำได้อีกจำนวนมากถึงระดับ 15 เมตร อีกทั้งยังมีแนวกั้นสูงจากเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพียงต้องเฝ้าระวังเตรียมเครื่องสูบน้ำเสริมการระบายลงน้ำโขง หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องจะเกิดปัญหาน้ำในตัวเมืองระบายลงน้ำโขงไม่ทันเท่านั้น คาดว่าอีก 2 -3 วัน หากไม่มีน้ำจากทางเหนือไหลสมทบก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯ ขอนแก่น สั่งการไปยังนายอำเภอและนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 26 อำเภอของจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับมืออุทกภัย ห้ามออกนอกพื้นที่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้โดยเด็ดขาด และเตรียมซ้อมแผนอพยพ การจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อช่วยเหลือประชาชน

จ.พังงา น.ส.พณัฐธภรณ์ เกตุสกุล รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ลงนามประกาศอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เรื่อง ปิดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา (เป็นการชั่วคราว) บริเวณเขาตาปู เขาพิงกัน เกาะห้อง และเกาะทะลุ ตั้งแต่วันที่ 21-22 ก.ย.2567

จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เก็บขยะที่ลอยมากับกระแสน้ำอุดตันท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำระบายได้ช้ากว่าปกติ โดยหลังจากน้ำทะเลลดระดับลง น้ำที่ท่วมขังรอระบายบริเวณสี่แยกท่าแครงสามารถระบายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อิ๊งค์หวังอยู่ครบเทอม ถกกุนซือฝันคนไทยหายจน หึ่ง!สันติ-วราเทพทิ้งพปชร.

เปิดคิวงาน "นายกฯ อิ๊งค์"   ประเดิมบินต่างแดน โชว์วิชั่นเวทีสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่ 3 กรุงโดฮา รัฐกาตาร์   2-4 ต.ค.