เยาวชนลุกฮือ ต้าน‘กาสิโน’ เอื้อทุนใหญ่!

เครือข่ายเยาวชนและผู้ปกครองแบก​ก​าสิโนจำลองส่งคืนรัฐบาล ค้านสุดตัวไม่เอาร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์​คอมเพล็กซ์​ ย้อนถามเอื้อประโยชน์นายทุนหรือผลประโยชน์ชาติกันแน่ วอนนายกฯ​ ในฐานะแม่​คำนึงอนาคตลูกหลาน "จตุพร" หวด ป.ป.ช.-แพทยสภา เร่งสอบชั้น 14 ข้องใจลากเวลาแต่งตั้ง ขรก.มาพิทักษ์ผลประโยชน์ตัวเอง ทำให้เกิดบ่อนกาสิโน ขายแผ่นดินแลนด์บริดจ์ 3 แสนไร่ 99 ปี เจรจาพื้นที่แหล่งพลังงานทับซ้อน ไทยจะเสียประโยชน์ สายเกินกว่าจะปกป้อง

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนิน เครือข่ายเยาวชนและผู้ปกครอง นำโดย น.ส.วศินี​ สนแสบ ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน, นายรวิศุทธิ์ ​คณิตกุลเศรษฐ์​ ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กมีภูมิ  และตัวแทนผู้ปกครอง เดินทางมายื่นหนังสือถึง  น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ โดยแสดงความกังวลต่อนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทน​เมนต์​คอมเพล็กซ์​ เรียกร้องให้หยุดการเดินหน้ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร​ ที่มีแหล่งพนันหรือกาสิโน  พร้อมนำโมเดลกาสิโนจำลองมาคืนให้รัฐบาลเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับและคัดค้าน

โดยทางเครือข่าย​มองว่า จากคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะนโยบายที่ 4 การสร้างรายได้ใหม่ในการนำเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี และนโยบายการเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะรวมกาสิโน​ พร้อมกับตั้งคำถามว่าการเกิดกฎหมายเป็นประโยชน์ในการดึงรายได้เข้าประเทศ หรือเป็นการเปิดช่องว่างให้กับกลุ่มนายทุนกันแน่

นอกจากนี้ มีตัวแทนเครือข่ายผู้ปกครองระบุว่า​ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรี​เป็นคุณแม่​ อยากให้คำนึงถูกลูกๆ​ และเยาวชน​ ​หากมีการเปิดกาสิโน​เกรงว่าจะเป็นการมอมเมา​ ซึ่งในฐานะตัวแทนผู้ปกครอง ขอประกาศจุดยืนว่าไม่สนับสนุน​ พร้อมย้ำว่า​ตราบใดที่รัฐบาลไม่ทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจัง การทุจริตคอร์รัปชัน รับส่วยใต้โต๊ะอย่างเต็มบ้านเต็มเมือง ประชาชนก็ไม่อาจเชื่อมั่นนโยบายอบายมุขบนดินได้ ขออย่าอ้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

จากนั้นกลุ่มเยาวชนได้ยื่นหนังสือผ่านนายสมพาศ​ นิลพันธ์​ ที่ปรึกษาของรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี​ ยื่น 3 ข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี โดยขอให้ทบทวนนโยบายการสนับสนุนการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และการสนับสนุนให้มีสถานการณ์กาสิโนถูกกฎหมาย ด้วยการหยุดการเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.​....

นอกจากนี้ ยังขอให้เร่งผลักดันให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและลดปัญหาจากการพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชนและสังคม ในการพัฒนาปัจจัยส่งเสริมการพัฒนาเชิงบวกแก่เยาวชน พร้อมขอให้รัฐเพิ่มความจริงจังในการบังคับใช้มาตรการเพื่อคุ้มครองสวัสดิการเด็กและเยาวชน

โดยทางเครือข่ายได้แสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คืนกาสิโนให้รัฐบาล โดยเนื้อหาของการแสดงมีการนำข้อความแผ่นป้าย มาแปะบนกาสิโนจำลองซึ่งถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีดำว่า​ "คนไทยจะมีกิน​ มีใช้​ มีเกียรติ​ มีศักดิ์ศรี ภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยสร้างงานสร้างอาชีพ, เอาใต้ดินขึ้นบนดิน, ประเทศชาติได้ประโยชน์" ก่อนที่จะฉีกแผ่นป้ายที่มีข้อความดังกล่าว​ และนำผ้าดำที่คลุมสถานบันเทิงครบวงจรจำลองออก​ และปรากฏข้อความ "ทุนใหญ่ทุนเทาเอาไปหมด, หมดตัวหมดอาชีพหมดอนาคต, คำว่าครบวงจรหายไป, ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่หายไป" เป็นต้น เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่านโยบายที่จะทำให้ประชาชนมีกิน​ มีใช้​ มีเกียรติ​ มีศักดิ์ศรี เป็นเพียงการหลอกลวง มีแต่การเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่รายงานฉบับเต็มกรณี รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์เลือกปฏิบัติเอื้อประโยชน์ให้สิทธิรักษานักโทษทักษิณ ชินวัตร เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น ย่อมนำร่อง เร่งให้แพทยสภาสอบ 4 แพทย์ รพ.ตำรวจกับราชทัณฑ์  อีกทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งใช้เวลามายาวนานได้ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น และมีความคืบหน้าโดยเร็ว  เมื่อ กสม.เผยแพร่รายงานฉบับเต็ม เท่ากับกดดัน ป.ป.ช.ว่า เรื่องที่ยื่นให้ไต่สวนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ จึงชักช้า ทั้งที่ความจริงควรจะได้ไปเร็วกว่านี้

นายจตุพรกล่าวว่า ถ้าองค์กรตรวจสอบแสวงหาความจริงปฏิบัติงานไม่หย่อนยานแล้ว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองก็จบลง หากทุกองค์กรไม่ทำหน้าที่เข้มข้น แต่มุ่งลากเวลาออกไป  ย่อมทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการมาพิทักษ์เอื้อหนุนผลประโยชน์ส่วนตน จะยิ่งทำให้เกิดบ่อนกาสิโน รอการขายแผ่นดินแลนด์บริดจ์ 3 แสนไร่ 99 ปี และเจรจาแบบไทยเสียประโยชน์มากกว่าได้ในพื้นที่แหล่งพลังงานทับซ้อนใต้ทะเลก่อน หากเป็นเช่นนั้น คงสายเกินไปกว่าจะปกป้องเสียแล้ว

"พื้นที่ทางการเมืองขณะนี้ล้วนรับรู้กันว่า รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร อยู่ได้เพราะทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ถ้ากรณีการตรวจสอบชั้น 14 รพ.ตำรวจ มีผลออกมาช่วง พ.ย.ตามที่ได้ยินมาแล้ว การผลักดันตั้งบ่อนกาสิโนคงก่อรูปสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างมากมาย"

นายจตุพรกล่าวอีกว่า พวกเชียร์รัฐบาล พยายามเร่งปลุกประกาศคำชวนเชื่อว่า ให้โอกาสรัฐบาลทำงานไปก่อน ก็ยิ่งผลักดันให้ตั้งบ่อนกาสิโนตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลให้เกิดขึ้นเป็นจริงเร็วขึ้น ซึ่งตั้งบ่อนเป็นเรื่องเร่งด่วนนั้น ตั้งแต่ปี 2475 เรื่อยมาไม่เคยมีรัฐบาลใดทำกันเช่นนี้

"ถ้าเวลาการตรวจสอบต่างๆ ถูกลากดึงออกไปจนเกิดความเสียหายกับบ้านเมืองแล้ว เราก็ต้องยืนซดกัน ไม่ชนะไม่เป็นไร ก็จะสู้ยิบตาจนกว่าฉิบหายกันไปข้างหนึ่งเท่านั้นเอง ขอถามว่าองค์กรต่างๆ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่นี้ต้องการให้เกิดบ่อนกาสิโนกันจริงเหรอ"

นายจตุพรกล่าวย้ำว่า ถ้าต้องการให้มีบ่อนกาสิโนเกิดขึ้นแล้ว องค์กรตรวจสอบควรอธิบายผลที่จะเกิดขึ้นให้สังคมรับรู้ด้วย ยิ่งการเสียภาษีให้ประเทศนั้น ต่างประเทศที่มีบ่อนแล้วได้หักทันทีถึง 30% ส่วนไทยกลับให้ตั้งบ่อนแบบเหมาจ่ายยาว 30 ปี โดยเสียค่าแรกเข้าบวกผลประโยชน์รายปีอีกปีละ 1 พันล้านต่อแห่ง ดังนั้น ตั้งบ่อนทั่วประเทศ 8 แห่ง รวมผลประโยชน์ให้ประเทศใน 30 ปีเพียง 2.8 แสนล้าน ซึ่งไม่มากมาย แต่ซุกซ่อนผลประโยชน์ส่วนบุคคลไว้อย่างมโหฬาร

"ลองคิดว่า ถ้าบ่อนตั้งขึ้นมาสำเร็จ แล้วแลนด์บริดจ์ให้ต่างชาติได้ที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปี และสำทับด้วยขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติ 75% อยู่นาน 99 ปี ซึ่งมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเปิดประตูรอไว้ โดยทุกโครงการนี้ล้วนเกิดความเสียหายทั้งสิ้น แล้วประชาชนจะเอาอะไรไปต่อสู้กับการขายชาติเช่นนี้ ใครปลุกผีตนนี้ออกมาเพ่นพ่านเกิดความเสียหายแล้ว ต้องมีหน้าที่เอาผีตนนี้ลงหลุมก็เท่านั้นเอง มิฉะนั้นจะเดือดร้อนประชาชนออกมาสู้อีก แล้วทหารรอฉวยโอกาสเข้ามา บ้านเมืองก็วนเวียนอยู่กันแบบเช่นนี้ ท้ายสุดประชาชนฉิบหาย ประเทศหายนะทั้งขึ้นทั้งล่องเหมือนเดิม" นายจตุพรกล่าวทิ้งท้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง