“นายกฯ อิ๊งค์” แถลงแจกเงินหมื่นเฟสแรก 25 ก.ย.นี้ ยันกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน “พิชัย" ลุยจ่ายเงินกลุ่มเปราะบางให้เสร็จ 30 ก.ย. ชี้ตกหล่นโอนซ้ำ 3 ครั้ง "ปลัดคลัง" กระทุ้งบัตรคนจน 1.5 ล้านราย เร่งผูกบัญชีพร้อมเพย์ เตือนพ้น 3 ธ.ค.หมดสิทธิ์ คาดดิจิทัลวอลเล็ตดัน ศก.โต 3% รัฐบาลจ่อตั้ง "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ลุยเฟส 2 ครม.คงอัตราภาษี VAT 7% อีก 1 ปี
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 กันยายน เวลา 11.45 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียืนด้านหลังว่า ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 12.41 ล้านราย และคนพิการจำนวนไม่เกิน 2.15 ล้านราย เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทต่อคน จะเริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.เป็นต้นไป โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เห็นชอบในหลักการและเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ โดยรายละเอียดกระทรวงการคลังจะแถลงต่อไป
เมื่อถามว่า จ่ายเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนแล้ว ระยะต่อไปในส่วนของเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะทำต่อหรือไม่ในปีหน้า นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะทำเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการนี้ในเฟสแรกก่อน โดยเป็นเงินสดจ่ายเข้าบัญชี ส่วนเฟสที่ 2 และต่อๆ ไป ขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ตอบในรายละเอียด ทั้งนี้ จากตัวเลขที่กระทรวงการคลังประเมินในกลุ่มเปราะบางที่เป็นกลุ่มแรกคนละ 10,000 บาท ที่ได้รับไปจะมีการใช้จ่ายค่อนข้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก ฉะนั้นเชื่อได้เลยว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็น น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมประชุม สส.พรรคเพื่อไทย โดยได้กำชับ สส.นำข้อมูลการจ่ายเงินหมื่นให้กลุ่มเปราะบางไปตอบคำถามประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความถูกต้องด้วย
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจุบันมีงบประมาณเรียบร้อยแล้ว และตั้งใจจะจ่ายกลุ่มเปราะบางให้เสร็จระหว่างวันที่ 25-30 ก.ย.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า เรื่องการจ่ายเงินกลุ่มผู้พิการและกลุ่มเปราะบางที่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน เป็นเรื่องน่ายินดีที่ขณะนี้ประชาชนตื่นตัวไปที่ธนาคารเพื่อผูกพร้อมเพย์ หากใครยังตกหล่นหรือบัญชีมีปัญหาในวันที่ต้องโอนเข้าบัญชี ระบบจะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 22 ต.ค., ครั้งที่ 2 วันที่ 22 พ.ย. และครั้งที่ 3 วันที่ 22 ธ.ค. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาไปแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย ส่วนเงินที่มีการโอนหลังเดือน ก.ย. เป็นงบผูกพันไว้และกันไว้ให้ ทั้งนี้ การผูกพร้อมเพย์กับธนาคารไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารของรัฐเท่านั้น สามารถเลือกบัญชีธนาคารได้ทุกประเภท
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเร่งจ่ายเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านรายเป็นเงินสดนั้น มีข้อดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก คาดว่าจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2567 ราว 0.35% และจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของจีดีพีในปีนี้ให้มีโอกาสขยายตัวได้สูงถึง 3% อย่างแน่นอน ขณะที่ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 12.4 ล้านคนนั้น พบว่า ปัจจุบันยังมีอยู่ราว 1.4-1.5 ล้านราย ที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน โดยสามารถผูกบัญชีได้ถึงวันที่ 3 ธ.ค.2567 หากเลยช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่สามารถรับเงินจากโครงการได้ และเงินจะถูกดึงคืนระบบ
สำหรับความคืบหน้าเฟสที่ 2 จะจ่ายเงินได้เมื่อไหร่และจ่ายอย่างไรนั้น คงต้องรอให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาพิจารณา โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีจะลงนามแต่งตั้งได้ภายในสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นน่าจะเริ่มประชุมได้ทันที ซึ่งคณะกรรมการชุดใหม่นี้จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมด้วยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณ 1.87 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอ หากรัฐบาลจะใช้เม็ดเงินดังกล่าวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมดสามารถทำได้ หรือหากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มเข้ามา อาจจะปรับเงื่อนไขของดิจิทัลวอลเล็ตลง เช่น ข้อเสนอให้แบ่งจ่ายครั้งละ 5,000 บาท ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี ส่วนประชาชนในกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลอาจจะไปพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ
ขณะที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยืนยันว่า ผู้พิการไม่ต้องไปลงทะเบียนหรือผูกพร้อมเพย์ใหม่ เพราะกระทรวง พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีฐานข้อมูลของผู้พิการประมาณ 2.4-2.5 ล้านคน และมีบัตรคนพิการที่ลงทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว
วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า จากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ที่ประชุม ครม.ได้มีพูดคุยถึงการคงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่กำลังสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการขึ้นเป็น 11% เเต่ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้คงตามมติเดิมอยู่ที่ 7% ซึ่งถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชน และภาคธุรกิจออกไปอีก 1 ปี ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67-30 ก.ย.68 ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้จัดทำประมาณการสูญเสียรายได้ กรณีการขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 จะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐเพิ่มเติม และไม่ส่งผลกระทบต่อการประมาณรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 68.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' ขอเคลียร์ปม 'พ.ร.บ.กาสิโน' หลังถก ครม.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ข้องใจ! เงินให้กู้ยืมคู่สมรส ร้อง ป.ป.ช. สอบ 'นายกฯอิ๊งค์'
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บิ๊กอ้วนตอกยํ้า แจก‘เงินดิจิทัล’ ‘อนุสรณ์’เตือน
“ภูมิธรรม” ยันรัฐบาลเร่งแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
อิ๊งค์หาเสียงฟุ้งพท.มาคนจนรวยแน่
"หัวหน้าอิ๊งค์” ลุยนครพนม ช่วย “อนุชิต” ผู้สมัครนายก อบจ.เพื่อไทยหาเสียง
รพ.ตำรวจอึมครึม เวชระเบียนชั้น14
เส้นตายพุธนี้! แพทยสภาสอบหมอช่วย "ทักษิณ" อึมครึม "แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ" ปัดตอบส่งเอกสารหรือยัง
‘จ่าเอ็ม’เครียด อุบ‘ผู้มีบุญคุณ’ ตร.หิ้วฝากขัง!
ตำรวจเค้นสอบ “จ่าเอ็ม” ตลอดคืน ยังให้การไม่เป็นประโยชน์คดียิงอดีต