ยื่นปปช.สอบสวน ‘กรมแผนที่ทหาร’ รังวัดเขาใหญ่ให้ทุน

"ชัยวัฒน์" หอบหลักฐานเข้าร้อง ป.ป.ช.สอบ "เจ้ากรมแผนที่ทหาร" และคณะ จัดทำรังวัดอุทยานฯ เขาใหญ่ พบเปลี่ยนแปลงมุมองศา เปลี่ยนพิกัด เปลี่ยนแนวเขต ไม่ได้ใช้หลักวิชาการสำรวจรังวัด แต่ใช้คำบอกเล่าของชาวบ้าน หวั่นทำให้คดีบุกรุกหลุดหมด เอื้อนายทุนได้ประโยชน์ พบพื้นที่ "ภูพบฟ้า" รายงานเท็จ ช่วยเหลือให้บุคคลอื่นพ้นโทษ เตือนกรรมการ One Map-นายกฯ คนใหม่ ตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนรับรอง

เมื่อวันจันทร์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำหลักฐานเข้ายื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อร้องเรียน พล.ท.ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร กับพวก กรณีร่วมกันออกเอกสารแนวเขตโดยเปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนแปลงมุมองศา เปลี่ยนพิกัด เปลี่ยนแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และพื้นที่ภูพบฟ้า รายงานเท็จ ช่วยเหลือให้บุคคลอื่นพ้นโทษ

โดยร้องดังนี้ 1.รับรองหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 2.แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 จากกรณีที่ ส.ป.ก.แจ้งความดำเนินคดีกับตน พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการถอนหลักหมุด ส.ป.ก. โดยอ้างผลการตรวจสอบและการรับรองแนวเขตของกรมแผนที่ทหาร ที่ได้ตรวจสอบมายืนยันถึงแนวเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบในการดำเนินคดี 3.ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และ 4.ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้รับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า กรณีเจ้ากรมแผนที่ทหาร ผ่านคณะอนุกรรมการฯ (One Map) มีความพยายามขอสมุดจดบันทึกการรังวัด (Field Book) ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อเอาไปทำแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น กรมอุทยานฯ ได้พิสูจน์อย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้วพบว่า แนวเขตที่กรมแผนที่ทหารได้จัดทำเพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ถูกต้อง โดย 1.กรมอุทยานฯ นำข้อมูลมุมองศาจากสมุดจดบันทึกการรังวัด ฉบับเดียวกันกับที่กรมแผนที่ทหารขอไป ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามหลักวิชาการการสำรวจรังวัด มุมองศาไม่ถูกต้อง ถูกเปลี่ยนมุมองศา ไม่มีการยึดโยงหมุด/หลักเขตของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตามข้อเท็จจริงในพื้นที่ การค้นหารายละเอียดภูมิประเทศในพื้นที่จริงกรณีที่ไม่ปรากฏชื่อภูเขาระบุไว้ โดยการสอบถามจากคนในพื้นที่ว่าภูเขาลูกดังกล่าวมีชื่อเรียกว่าอย่างไร และใช้เป็นจุดที่ใช้ระบุตำแหน่งภูมิประเทศ  เป็นเพียงการคาดการณ์ตำแหน่งภูมิประเทศตามที่ระบุในสมุดจดบันทึกการรังวัด โดยการอ้างอิงตำแหน่งและชื่อเรียกจากราษฎรในพื้นที่ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้อย่างชัดเจน กรมแผนที่ทหารทำหนังสือร้องขอ เฉพาะสมุดรังวัดเท่านั้น ไม่ตรวจสอบจาก พ.ร.ฎ.อช.เขาใหญ่ ซึ่งมีผลใช้บังคับตามกฎหมาย

2.กรมแผนที่ทหาร ไม่ได้นำหลักวิชาการการสำรวจรังวัดมาใช้ เช่น ใช้คำบอกเล่าของชาวบ้านที่บอกชื่อห้วย  ลำคลอง และชื่อเขาหรือภูเขานี้ กรมแผนที่ทหารกลับใช้ เพื่อชี้ตำแหน่งของเส้นแผนที่ที่รายงาน ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง  และความยาวห้วยยาวหลายกิโลเมตร ความใหญ่โตของภูเขา จะรู้ได้อย่างไรว่าตำแหน่งที่ชาวบ้านบอกนั้นคือบริเวณใด 3.เมื่อกรมอุทยานฯ ได้พิสูจน์ตามสมุดรังวัดที่ส่งมอบให้กรมแผนที่ทหารแล้ว กลับพบว่ามุมองศาไม่ตรงกัน  โดยกรมอุทยานฯ ถ่ายทอดยึดโยงจากหลักเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แล้ว พบว่ามีความสอดคล้องกับแนว พ.ร.ฎ.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 4.กรมอุทยานฯ นำแผนที่ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างโรงแรมภูพบฟ้า กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่กรมที่ดินมีคำพิพากษาตัดสินแล้ว ซึ่งอยู่แนวเดียวกัน โดยห่างจากจุดที่ ส.ป.ก.ไปวางแปลงเพียงประมาณ 5 กม. ปรากฏว่าเป็นเส้นเดียวกันกับ พ.ร.ฎ.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และสอดคล้องกับสมุดรังวัดที่กรมแผนที่ขอไป 5. จากแผนที่ที่กรมแผนที่ทหารรับรอง แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีว่าเป็นเอกสารถูกต้องนั้น ข้อเท็จจริงนั้น “ไม่ถูกต้อง” ทำให้รัฐเสียหาย สาธารณชนเสียหาย ประชาชนทั่วไปเสียหาย

 "เราใช้เวลาพิสูจน์อยู่ 4 เดือน และยืนยันว่าแผนที่เขาถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ส่วนจุดตัดสินว่าแนวเขตที่กรมแผนที่ทหารทำนั้นไม่ถูกต้อง เส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับบริษัทภูพบฟ้ามีปัญหามานาน และกรมอุทยานฯ แจ้งให้รื้อออก เนื่องจากสร้างรั้วทับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นคดีความที่ศาลปกครอง ชี้ชัดว่าแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นไปตามเส้นสีแดง  ซึ่งไม่ซ้อนทับกับที่ดินที่กรมที่ดินออก ดังนั้นรั้วของภูพบฟ้าต้องรื้อแนวเขตอุทยานฯ เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกา ห่างแนวเขต 5 กม. ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงตามคำพิพากษา แต่แผนที่กรมทหารที่ลากเส้นสีเหลือง ไม่ยึดโยงหมุดของกรมอุทยานฯ แม่แต่หมุดเดียว ไม่ได้นำหมุดแผนที่ทหารที่ท่านไปวางเองที่โคราช เพื่อยึดโยงแผนที่ทั่วประเทศ กลับนำสมุดบันทึกรายการที่เราทำไปเขียน แล้วถามชาวบ้าน ก่อนวางเส้นสีเหลือง ทั้งนี้ หากยึดตรงนี้จะทำให้คดีความต่างๆ ที่กรมอุทยานฯ ฟ้องร้อง การบุกรุกจะหลุดคดีหมดเลย เป็นการเอื้อประโยชน์กับเอกชน"

นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ขอฝากกรรมการวันแมป ตรวจเอกสารให้ดี ฝาก ครม.และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า  หากจะรับรองหนังสืออะไร ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ คนทำแผนที่และต้องรับผิดชอบคือเจ้ากรมแผนที่ทหารและคณะ ส่วน ครม.ที่รับรอง เราก็จะร้องไปที่สำนักนายกฯ เช่นกัน ให้ ครม.มีการทบทวนว่าเอกสารดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากยังเห็นชอบตนจะร้อง ครม.

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนใหม่ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นชิ้นเป็นอัน ชี้ชัดเลยว่ากรมแผนที่ทหารทำผิดหรือถูก ท่านต้องปกป้องทับลาน,  เขาใหญ่, สิรินาถ, เกาะช้าง, เกาะเสม็ด ซึ่งกำลังจะถูกพิจารณาแบบเดียวกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง